เป็นอีกหนึ่งศิลปินลูกทุ่งสาวที่มีงานต่อเนื่องทีเดียว สำหรับ ใบเตย - อาร์สยาม ที่ตอนนี้นอกจากจะมีซิงเกิ้ลล่าสุด "กรุบกรุบ" แล้ว เธอยังท้าทายฝีมือการแสดงในบท "แม่นาก" ทางช่อง 8 ด้วย วันนี้ "ดาวต่างมุม" ได้นัดแนะสาวใบเตยมาเปิดอกกับทุกแง่มุมบนถนนบันเทิง ที่ต้องบอกว่าเธอผ่านมรสุมมาไม่น้อย พร้อมเปลือยหัวใจเรื่องแฟนหนุ่ม ดีเจแมน - พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา ที่เพิ่งกลับมาคืนดีกันหลังทะเลาะจนเกือบเลิกราด้วย 

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @bitoeyrsiam (IG)

ถามถึงผลงานเพลง "กรุบกรุบ" เป็นยังไงบ้าง? 
ซิงเกิ้ลนี้คือเปลี่ยนทุกอย่าง ทั้งแฟชั่น การแต่งหน้า สไตล์เพลงที่เป็นแนวอีดีเอ็ม เต้นแข็งแรงขึ้น บางคนก็บอกว่าไม่แซ่บเหมือนเมื่อก่อน เราก็ต้องบอกว่ามันเป็นเพลงที่ค่อนข้างสตรีทนิดนึง เป็นอีกซิงเกิ้ลที่ทำให้คนเห็นอีกหนึ่งความสามารถของเรา ซิงเกิ้ลนี้เราโป๊น้อยลง แต่จริง ๆ มันสั้นเหมือนเดิม เพียงแค่มันเป็นไฮแฟชั่น ที่เห็นชัดเลยคือความเป็นอินเตอร์มากขึ้น จริง ๆ ในชีวิตเราก็เคยมีโมเมนต์แบบ "กรุบกรุบ" อย่างในเพลงนะคะ (ยิ้ม) อย่างเราแอบชอบนักแสดงรุ่นน้องในช่อง 8 ก็จะรู้สึกว่าน้องน่ารักอ่ะ เพื่อนในช่องก็จะแซวว่า ใบเตย กรุบกรุบ มันเป็นคำแบบฉันชอบเด็ก น่าเคี้ยว คนแต่งเพลงมาได้ยินพอดีก็เอาไปแต่ง เพลงนี้เลยมาจากตัวเรา ซึ่งซิงเกิ้ลนี้ใบเตยไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะต้องเปรี้ยง เราทำตามใจรัก และไม่กล้าคาดหวังเพราะเพลงก็เหมือนหวย เดายากว่าจะถูกใจใครมากแค่ไหนค่ะ

พอใจกับการเปลี่ยนแปลงในซิงเกิ้ลนี้มั้ย เพราะยอดวิวในการดูเอ็มวีอาจยังไม่สูงเท่าที่ผ่านมา? 
พอใจนะคะ เพราะทุกผลงานเราก็ทำด้วยใจรัก ฉะนั้นอะไรที่ทำเราก็เต็มที่ที่สุด ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง ต้องบอกก่อนว่าเพลงนี้เฉพาะกลุ่ม ไม่ได้แมสอย่างเพลงที่ผ่านมา ตอนแรกใบเตยก็เครียด เพราะกลัวบริษัทเครียดที่ออกมาแล้วไม่เปรี้ยงอย่างที่ผ่านมา ไม่ได้ยอดวิวที่สูงปรี๊ด แต่ในอีกทางเรากลับได้งานต่างประเทศ คือเป็นคอนเสิร์ตโชว์ตัวที่ สวีเดน เดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ และ ออสเตรเลีย ก็ดีใจมาก เอาจริง ๆ ที่ผ่านมาเพลงดังแค่ไหนหนูไม่เคยไปไกลขนาดนั้น มาวันนี้เราก็คิดว่าก็ดีเนอะที่แต่ละเพลงเราก็ให้อะไรกับชีวิตที่แตกต่างกัน ตอนนี้เราก็มีเตรียมตัวเรื่องภาษา และก็อยากเตรียมเพลงสากลไปด้วย ซึ่งมีแพลนไป ก.พ. ปีหน้าค่ะ

ถามถึงการรับบทใน "แม่นาก" บ้าง รู้สึกยังไงตอนที่รู้ว่าได้รับบทนี้? 
บทนี้ยากมาก ตอนที่ได้ยินว่าเราจะได้รับบทแม่นาคครั้งแรกก็ดีใจมาก ได้รับเกียรติมาก ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ช่อง 8 มากที่เลือกเรา เพราะจริง ๆ เราไม่มีคุณสมบัติอะไรเลยที่จะเป็นนางเอกได้ เราคิดว่านางเอกต้องสูงต้องสวย นี่ก็เป็นบทพิสูจน์ของเราค่ะ

 

 

บทนี้เคยได้รับการรีเมคหลายครั้งแล้ว ส่วนตัวกดดันมั้ย เพราะอาจต้องโดนเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นก่อน? 
ก็กดดัน กลัวว่าจะทำไม่ได้ดี เราไม่ได้เก่งเรื่องการแสดงมากมาย ก่อนหน้านี้เราก็กลัวโดนเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนแต่ตอนนี้ละครออนแอร์ก็ไม่กลัวแล้ว เพราะคนยอมรับค่ะ ยิ่งต่างจังหวัดคนดูเยอะมากและก็ชื่นชม บอกว่าเราเล่นดีขึ้น ได้ยินแล้วมันก็ชื่นใจมาก เพราะนักแสดงไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากคำชมจากคนดู ก่อนมารับบทนี้เราก็มีเรียนการแสดงเพิ่ม พยายามอ่านบทให้เยอะที่สุด ต้องรู้ว่าแม่นากเป็นคนแบบไหน บทนี้ตอนเป็นผีแสดงยากที่สุดค่ะ เพราะเป็นผีที่มีหลายอารมณ์ ทั้งตายทั้งกลม รอสามีกลับมา แล้วยังโดนชาวบ้านรังแก มีความแค้น อารมณ์ลึกมาก ซึ่งแม่นาคเวอร์ชั่น 2016 เราจะได้เห็นความเป็นเรียลิสติก ความรักและความเป็นพื้นบ้าน เรื่องนี้หนูไม่คาดหวังเลยค่ะ แค่ออนแอร์และได้รับคำชมก็ดีใจแล้ว

ใบเตยอยู่วงการมา 8 ปีแล้ว คิดว่าตัวเองเหมือนหรือต่างจากวันที่เข้ามาในวงการแรก ๆ มากน้อยแค่ไหน? 
8 ปีวงการในเรื่องทำงานนั้นไม่ต่างเลย ในชีวิตไม่เคยมีช่วงที่ไม่ทำงานหาเงินเลยแม้แต่วันเดียว ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ เราก็ประกวดร้องเพลงหาเงินให้คุณพ่อคุณแม่ มาวันนี้เราก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองสบายขึ้น เพราะตื่นมาก็ต้องทำงานแล้ว แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือความเข้มแข็ง จากการที่มีประสบการณ์ เราได้บทเรียนในชีวิตเยอะมาก ทำให้เราเข้มแข็งและอยู่ในจุดที่มองคนอื่นที่เจอแบบเรา ก็คิดว่าเราผ่านตรงนั้นมาหมดแล้ว มาวันนี้เราโตขึ้นและเราก็อยู่ได้ด้วยผลงานจริง ๆ ค่ะ

บทเรียนไหนสอนให้เราโตขึ้นมากที่สุด? 
บทเรียนความรัก เพื่อน ๆ จะถามว่าทำไมทนได้เวลาโดนด่าในโซเชี่ยล เราก็จะตอบว่าก่อนเป็นใบเตย อาร์สยาม ชีวิตเราเลวร้ายกว่านี้มาก เรามาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว เพราะพ่อแม่ต้องดูแลบริษัทที่ภาคใต้ เราเหมือนเด็กโง่ ๆ ที่โดนแฟนหลอก เรามีแฟนเป็นคนไม่ดี เขาแทบจะฆ่าหนู ซ้อมเรา ชีวิตตอนนั้นถ้าหนูเป็นดาราจะมีข่าวเยอะกว่านี้มากเลย (หัวเราะ) แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเข้มแข็ง และอยากขอบคุณแฟนเราทุกคนมากที่ทำให้เป็นใบเตยที่สตรองในทุกเรื่อง สามารถดูแลคนในครอบครัวทั้งหมดได้ ส่วนวงการบันเทิงก็สอนให้เราอดทน เข้ากับทุกผู้คนที่เข้ามาในชีวิตได้ค่ะ

เป็นอีกคนที่ทำอะไรก็มักโดนวิจารณ์เสมอ มีนอยด์บ้างมั้ย? 
ก็มีนอยด์นะ ล่าสุดตอนมาเล่นแม่นากแรก ๆ ยังบอกกับเฮียฮ้อ - สุรชัย เลยว่าเดี๋ยวคนก็ด่ายับ เฮียบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวพอได้ดูละครเขาก็จะรู้เองว่าควรด่าหรือชม จริง ๆ การเป็น "ใบเตย อาร์สยาม" สังคมเปิดรับเราตั้งแต่เพลง "แน่นอก" แล้วล่ะ ถ้าวันนี้เราไม่ใช่ ใบเตย แน่นอก คงไม่ได้อะไรเหมือนอย่างที่ซุป’ตาร์ ได้ หนูยังบอกค่ายเลยว่านี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หลายคนเกลียดหนู ด้วยความที่เราได้อะไรดี ๆ ซึ่งเราไม่ได้ซีเรียสเพราะไม่ใช่ความผิดเรา และสิ่งที่เราทำก็เพื่อค่าย เพื่อปากท้องครอบครัว เพื่อตัวเราเอง เลยไม่ได้สนใจกับเรื่องพวกนี้ อะไรที่ทำให้พ่อแม่สบาย เราก็ทำค่ะ

 

 

มีคำพูดที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บใจที่สุดบ้างมั้ย? 
บางคนมาพูดว่าเรา "ดังแล้วลืมตัว" แต่ใบเตยไม่เคยลืมนะคะ พอเป็นใบเตยในวันนี้เราเจอคนมากมายในชีวิต และเราเดินหน้ามากแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเราจะลืมคนที่เรารู้จักก่อนเป็นใบเตย อาร์สยาม เพียงแค่เรามีงานข้างหน้าที่ต้องทำทุกวัน เรามีงานที่ยุ่งมาก เรื่องนี้เราต้องวางตัวอย่างฉลาดมาก ๆ เวลาดังคนเข้ามาหาเราเยอะ บางคนก็บอกว่าเราลืม แต่ไม่ใช่หรอก คุณคิดไปเองว่าเราดังแล้วเข้าไม่ถึง คำนี้ยังอยู่ในหมู่เพื่อนพี่น้องซึ่งมันไม่ใช่เลย เราไม่น้อยใจที่คนมองแบบนี้ คือพอมาเห็นเคสน้องใหม่ - ดาวิกา หนูเข้าใจน้องนะ ในความดังของเราคือเราก็ทำแต่งาน เราคือเด็กคนนึงที่ทำงานหาเงินมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่ามันหนักหนามากกว่าที่จะทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ หนูว่าหนูเป็นตัวเริ่มต้นที่มีแอนตี้แฟนด้วยซ้ำ จากนั้นมาเพจแอนตี้ก็ฮิตมาก (ยิ้ม) ตอนที่หนูมีแอนตี้เพจก็ไม่ได้รับมืออะไร แค่คิดว่าอะไรเนี่ย มาวันนี้พอเห็นคนอื่นมีแอนตี้เราก็สงสารและเข้าใจมากค่ะ

ณ วันนี้มีวิธีในการวางตัวในวงการบันเทิงยังไง? 
ใช้ชีวิตให้เป็นธรรมชาติดีที่สุด และ ณ วันนี้ก็ต้องวางตัวอยู่เหนือดราม่า อย่างที่พี่ชมพู่ - อารยา บอก ต้องไม่สนใจอะไรที่ไร้สาระ เราต้องพิสูจน์ด้วยผลงาน จริง ๆ เรื่องพวกนี้ไม่เคยบั่นทอนเราเลย เราสตรองมาก งงมากค่ะว่าตัวเองจะสตรองอะไรได้ขนาดนี้ การเป็นหนูต้องอดทนเยอะแต่หนูเลือกปล่อยผ่าน เพราะเชื่อว่าการอดทนและการนิ่ง วันนึงก็จะผ่านไปเป็นเรื่องเล็กในชีวิตมาก ๆ เราสู้กับมันได้

มีความฝันอะไรที่อยากทำให้สำเร็จอีกบ้างมั้ย? 
เรื่องงานไม่มีแล้วเหลือแค่เรื่องแต่งงานค่ะ วันนี้เรื่องงานเกินคำว่าประสบความสำเร็จไปแล้ว แต่สิ่งที่ใบเตยอยากพิสูจน์ให้คนได้เห็นอีกอย่างคือการร้องเพลงช้า ๆ แต่ไม่ได้อยากเป็นศิลปินดีว่าขนาดนั้นนะ แค่อยากให้คนรู้ว่าเราร้องเพลงมีคุณภาพ

 

 

ถามถึงความรัก "แมน" ตอนนี้คบมา 4 ปีแล้ว ยังมีอะไรให้ปรับตัวอีกรึเปล่า? 
ยังมีสิ่งที่ต้องปรับกันเยอะมาก ในเรื่องไลฟ์สไตล์แต่ละคน ยังมีอะไรที่ต้องทำความเข้าใจทั้งเขาและเรา ซึ่งหลังทะเลาะหนัก ๆ ล่าสุดกลับมาคราวนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้น เรื่องที่เราทะเลาะกันจริง ๆ มันเป็นเรื่องของคนที่คบกันมา 4 ปี เริ่มเห็นธาตุแท้กันมากขึ้น มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่เป็นเรื่องกิจวัตรของเขาและเราที่แตกต่าง เรื่องการเสียสละ ก็ยอมรับนะคะว่าหนูเอาแต่ใจ จากที่เขาเคยทำให้ตลอด พอมาวันนึงเขาไม่ทำให้และอยากให้เราทำให้บ้าง เราเลยรู้สึกว่าทำไม ซึ่งเรื่องนี้เรามาคุยกันตรง ๆ พี่แมนก็บอกว่าทำไมหนูไม่เสียสละเพื่อเขาบ้าง เราก็กลับมาคิดว่าก็จริง เลยมาเจอกันครึ่งทาง พอคุยกันเข้าใจก็โอเคค่ะ

การทะเลาะกันครั้งนี้สอนอะไรทั้งคู่มากที่สุด? 
การทะเลาะกับพี่แมนครั้งนี้ก็สอนเรื่องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ต้องมีทั้งสองฝ่าย เราเคยคิดว่าผู้หญิงต้องถูกเอาใจอย่างเดียว ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เราโตขึ้นไปอีกระดับนึง เราเข้าใจว่าความรักต้องเผื่อแผ่ครึ่งทาง วันนี้มุมมองความรักเราก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะ มีความเข้าใจกันว่าถ้าพี่แมนเป็นแบบนี้ เราก็จะไม่ก้าวร้าวใส่ ไม่เอาแต่ใจ คุยกันง่ายขึ้น ฟังกันมากขึ้นค่ะ อย่างตอนที่มีข่าวเลิกกัน เราก็ไม่ได้ถึงกับขาดกันไป ก็เหมือนการทะเลาะกันของคู่ชีวิต พอกลับมาคุยกันเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะรู้สึกว่าคาดหวังไปแล้วเรากลัวเสียใจ เลยชิล ทำทุกวันให้ไม่ทะเลาะกันมากกว่าค่ะ

สิ่งที่ใบเตยประทับใจ "แมน" ที่สุดคืออะไร? 
เราประทับใจตรงที่ลึก ๆ เขาเป็นคนอ่อนโยน เห็นหน้าเขาเถื่อน ๆ แต่เขาเป็นผู้ชายใจปลาซิว อนาคตคงไม่ถึงขั้นกลัวภรรยา แต่คงมีบ้างถ้าโดนด่า (ยิ้ม) คิดว่าเป็นความเกรงใจมากกว่า คือพี่แมนเป็นคนที่การแสดงออกต่างจากในใจ ทำเป็นเท่แต่ในใจอ่อนโยนมาก และเขาชอบบอกรัก ชอบส่งเพลงทำเป็นมิวสิกวิดีโอมา ก็นี่แหละที่ทำให้เรารู้สึกว่าลึก ๆ เขาเป็นคนดีค่ะ

 

 

เป็นคู่รักที่โดนจับตามองตลอด อยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ มีวิธีดูแลความรักกันยังไง? 
ง่าย ๆ เลยคือหนูจะบอกเขาว่าเรารักกันโดยที่ไม่ต้องคิดว่าเราเป็นใคร เวลาที่หนูกับพี่แมนหนูจะเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ใบเตย อาร์สยาม ต้องห้ามเอาข่าวมาพูดกัน ต้องใช้ชีวิตแบบไม่ซุป’ตาร์เวลาที่อยู่กับคนรัก จริง ๆ พี่แมนเป็นคนยอมเรา ไม่ใช่ว่าใบเตยเอาแมนอยู่หรอก แต่การที่เขามาเจอเรา มันทำให้เขาได้เปลี่ยนอะไรหลายอย่าง ผู้หญิงบางคนไม่สอนแฟน แต่หนูชอบสอน (ยิ้ม) ชอบพูดให้เขาเห็นชัด ๆ ว่าตรงนี้ไม่ดียังไงค่ะ

ตอนนี้เราแพลนวิวาห์ไว้ยังไงบ้าง? 
จริง ๆ เราพร้อมแต่งตั้งแต่ 2 ปีแรกที่คบกันแล้ว แต่มาปีนี้มันมีบางมุมที่เรารู้สึกว่ายังไม่พร้อม เรายังมีงานดี ๆ ที่ได้ทำเยอะ ชีวิตคนเรายิ่งอยู่ในวงการเราไม่รู้ว่าจะได้เจออะไรใหม่ ๆ บ้าง ชีวิตหนูได้ออกอัลบั้ม 10 เพลงก็ดีใจแล้ว มาวันนี้หนูมีอัลบั้มไม่รู้กี่อัลบั้ม ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำบนปกนิตยสารที่นางเอกทุกคนได้ขึ้น มาเป็นนางเอกช่อง 8 มันเกินฝันทุกอย่าง ชีวิตคนมันคือความไม่แน่นอน ก็กลัวว่าถ้าแต่งไปมันจะปิดกั้นตรงนี้รึเปล่า และถ้าแต่งงานไปเราจะไปเมาท์มอย นั่งดริ๊งค์กับเพื่อน ๆ ไม่ได้แล้ว เราต้องคิดเยอะ และ ณ วันนี้สิ่งที่เรายังขัดกันอยู่คือกิจวัตร มันเป็นปัญหาเบื้องต้นของทุกคู่ แม้แต่เรื่องพี่แมนนอนกรน เรานอนไม่หลับ นี่ก็เป็นปัญหาหนึ่งแล้ว แล้วที่พี่แมนเป็นคนกินดึก เที่ยงคืนตีหนึ่งยังตื่นมากิน เราก็คิดว่าถ้าเราแต่งงานกับเขา แล้วเราต้องลุกขึ้นมาหาของกินให้เขาตอนตีหนึ่งอย่างนั้นเหรอ เราต้องเสียสละมากในชีวิตการแต่งงาน ดังนั้นเลยคิดว่าถ้าถึงวันนั้นคือเราต้องพร้อมที่จะทำเพื่อเขาจริง ๆ พร้อมที่จะเป็นภรรยา มันเลยอยู่ในช่วงคิดอยู่ เพราะจะเป็นอย่างนั้นได้เราต้องพร้อมเป็นแม่บ้าน ส่วนพี่แมนต้องพร้อมที่จะดูแลเราแล้วจริง ๆ ค่ะ

แต่เท่าที่เรามอง "แมน" ตอนนี้ก็คือเจ้าบ่าวของเราในอนาคต? 
บางมุมนะ เรื่องพื้นฐานการเป็นคนดีของแกก็เหมาะแล้ว แต่ ณ วันนี้เราก็เป็นห่วงเรื่องที่ไม่คาดฝัน ไม่ใช่แต่งงานกันไปเขาดันเปลี่ยน อยากมีเมียน้อย อยู่ไปนาน ๆ ดันเบื่อเรา คนเราเป็นไปได้หมด ดังนั้นขอดูก่อนอีกหน่อย เรื่องแต่งเขามีคุยบ้าง อย่างสร้างเรือนหอก็มีพูดแต่ไม่รู้จริงรึเปล่า ประมาณว่าบ้านที่แกจะสร้างเสร็จ ก็บอกเดี๋ยวให้เรามาคนแรกเลย เป็นเรือนหอ เราก็ไม่กล้าคิดไป กลัวเป็นการมั่นหน้า (ยิ้ม) แต่เอาจริง ๆ หนูไม่ได้ซีเรียส เพราะเดี๋ยวนี้คู่รักมันชิลชิล ถ้าแต่งงานกันไปพี่แมนจะมาอยู่บ้านหนู หรือจะมาอยู่บ้านพี่แมน ยังไงก็ได้ เราแต่งงานเพื่อความสุขของเราและพ่อแม่ และแต่งงานไปเราก็ยังต้องใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นต่างคนต่างอึดอัด จริง ๆ เรื่องแต่งงานหนูไม่รู้เลยว่ามันจะอีกนานมั้ย มันอยู่ที่ดวงด้วย หนูเชื่อว่าอยู่ที่จังหวะชีวิต กะเกณฑ์ไม่ได้ กะเกณฑ์ทีไรพังทุกที ถ้าปุ๊บปั๊บเขาคุกเข่าขอแต่งหนูพร้อมเซย์เยสนะ แต่จะให้แต่งเลยเดี๋ยวขอเวลาก่อนค่ะ

 

 

เราเคยมีความคิดที่จะอยู่ด้วยกันแบบไม่แต่งงานบ้างมั้ย? 
ไม่ค่ะ หนูเป็นคนหัวโบราณในเรื่องนี้ ยังไงก็ต้องแต่ง และต้องอลังการด้วย เราพูดแบบนี้เลยว่าถ้าจะแต่งงานกันพี่แมนไม่ต้องทำอะไร อยู่นิ่ง ๆ ไปเลย เอาแต่เงินมา (หัวเราะ) นอกนั้นหนูจัดการให้เสร็จสรรพ เขาต้องเชื่อใจเรา เพราะเราเป็นนักวางแผน แต่พี่แมนเขาชอบพิธีเล็ก ๆ ดังนั้นเราจะมาเจอกันครึ่งทาง คือพี่แมนเขาชอบจัดพิธีไทย ๆ ก็จะจัดพิธีที่ในวังเขา ที่บ้านหมอ ซึ่งเราเต็มที่อยู่แล้ว เราอยากใส่ชุดไทยเนอะ แต่ตอนเย็นฉันต้องมีปาร์ตี้ เลี้ยงในโรงแรมนะ จริง ๆ หนูเป็นสาวสังคม งานแต่งงานหนูตั้งเพื่อนเจ้าสาวไว้แล้ว 100 คนเลย (ยิ้ม) เพื่อน ๆ ต้องมาเฮฮาปาร์ตี้ มายินดีในวันสำคัญของเราค่ะ

มองชีวิตคู่ของตัวเองกับแมนในระยะยาวไว้ยังไงบ้าง? 
คงเป็นไปตามธรรมชาติ รักคือความรัก จากนั้นก็แต่งงาน พอแต่งงานแล้วก็มีลูก ก็อยากอยู่กันจนแก่เฒ่า เราก็อยากมีลูกหลานไว้คอยดูแลค่ะ ส่วนตัวหนูก็อยากมีลูก แต่หลัง ๆ เริ่มแอบกลัวเจ็บเวลาที่คลอดและเรากลัวว่าลูกเราจะออกมาสมบูรณ์มั้ย ถ้าเขาออกมาไม่สมบูรณ์หนูคงหัวใจสลาย แต่พอได้เห็นพี่ ๆ หลายคนคลอดลูก เราก็คิดว่ามันคงไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่อดทนมาถึง 9 เดือน มันคงคุ้มค่ากับการรอคอย คิดว่าพอถึงวันนั้นเราคงทำได้ค่ะ

ท้ายสุดฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่คอยให้กำลังใจเรามาโดยตลอดหน่อย? 
อยากขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบและให้กำลังใจมาตลอด โดยเฉพาะตอนมีปัญหากับพี่แมนมีคนให้กำลังใจล้นหลาม ไม่เคยคิดเลยว่าทุกคนชอบพี่แมนขนาดนี้ (ยิ้ม) และคอยเชียร์คู่เรามาก ๆ ขอบคุณที่รักในความเป็นใบเตยและคนรอบข้างใบเตยทุกคนค่ะ