แจ้งเกิดเต็ม ๆ ในบท "บุญมี" จาก "นางทาส" สำหรับสาว โยเกิร์ต - รวีวรรณ บุญประชม หวานใจหนุ่ม พีเค - ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร ซึ่งหลังพิสูจน์ฝีมือการแสดงเรื่องแรก ก็ทำให้คนอินกันทั้งบ้านทั้งเมือง วันนี้ "ดาวต่างมุม" ได้โอกาสดีนัดเจอโยเกิร์ตมาเปิดใจถึงเส้นทางในวงการ จากนางแบบแถวหน้าที่เดินสวยเริดบนรันเวย์ มาสู่การเป็นนักแสดงหน้าใหม่โชว์ฝีมือทางจอทีวี พร้อมอัพเดทหัวใจ ที่แว่วมาว่าฝ่ายชายพร้อมเข้าวิวาห์แล้วด้วย
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @yoghurt_rb (IG)
ชิมลางละครเรื่องแรก "นางทาส" ที่เพิ่งลาจอ เป็นยังไงบ้าง พอใจกับผลงานการแสดงของตัวเองครั้งนี้แค่ไหน?
สำหรับฟีดแบ็กในแง่คนดู ทั้งคนรอบข้างและคนที่เข้ามาคอมเมนต์ในไอจีโย ก็รู้ว่าเขาชอบ เซอร์ไพร้ส์กับเรา ไม่คิดว่าเราจะเล่นได้ เพราะคนที่รู้จักโยมาก่อนจะมองเราในมุมนางแบบ พอมาเป็นนักแสดงเรื่องแรกก็ร้ายได้ถูกใจ หลัง ๆ ที่คุณบุญมีโหดขึ้นก็มีมาตามด่าในไอจี (ยิ้ม) ก็แฮปปี้นะที่คนดูอิน ส่วนความพอใจในผลงานเรื่องแรกตัวเอง จริง ๆ โยแฮปปี้มากตั้งแต่ปิดกล้อง เพราะคิดว่าได้ทำหน้าที่ตัวเองเต็มที่แล้ว คือตอนที่ถ่ายแรก ๆ พี่ผู้กำกับเคี่ยวมาก เป็นคนละเอียด เขาบอกโยตั้งแต่แรกเลยว่าเขาไม่ปล่อยเลย อยากให้โยทำออกมาให้ดีที่สุด ตอนถ่ายแรก ๆ เราก็เครียด และหงุดหงิดกับพี่ผู้กำกับมาก อะไรกันนักหนา นิดหน่อยก็สั่งคัตสั่งเทค แต่พอมองย้อนกลับไปรู้สึกขอบคุณพี่เขามากที่เขาไม่ปล่อยเราเลย ที่เขาทุ่มเทกับเราขนาดนี้ค่ะ
จากการเป็นนางแบบ ทำไมถึงตัดสินใจมาลองงานแสดง?
จริง ๆ โยแพลนไว้ว่าพอทำงานด้านนางแบบประมาณ 2-3 ปี ก็อยากหางานใหม่ ๆ ให้เราทำงานในวงการได้มากขึ้น ตอนแรกคิดว่าหรือจะไปทำงานที่เมืองนอกดี แต่ก็มีมองด้านการแสดงไว้ เพราะโยสนใจมาตั้งแต่แรก และจังหวะก็ลงตัว คือมีผู้ใหญ่ช่อง 3 เรียกไปคุย และมันเลยลงล็อกว่าก้าวต่อไปที่เรามองไว้คงเป็นนักแสดง ส่วนตัวเราชื่นชอบและอยากร่วมงานกับทางช่อง 3 มาตั้งนานแล้ว เป็นโอกาสที่ดีเลยตัดสินใจเซ็นที่นี่ ด้วยมุมมองของทางช่องและเราไปทางเดียวกันค่ะ
การเป็นนางแบบและนักแสดงแตกต่างกันเยอะมั้ย?
ทั้งคล้ายและต่างค่ะ มันคล้ายตรงมันเป็นศาสตร์ด้านศิลปะ ด้านอารมณ์เหมือนกัน แต่ความต่างคือนางแบบจะใช้ทักษะด้านคอนโทรลบอดี้ การเดิน การขยับท่าทาง อินเนอร์ จินตนาการก็จะใช้แค่ฉันสวย เธอต้องมองฉัน ก็จบ แต่ละครต้องใช้จินตนาการและอินเนอร์ที่ละเอียดกว่า ลงลึกไปถึงรายละเอียดตัวละคร ซึ่งโยปรับตัวเยอะ ตอนแรกทำอะไรก็เก้ ๆ กัง ๆ เหมือนเรายังติดโพสจังหวะการเป็นนางแบบ แต่ด้วยความที่นางทาสถ่ายค่อนข้างนาน เลยได้พัฒนาขึ้นไปค่ะ
พอมาเป็นนักแสดงมักมีเสียงวิจารณ์เรื่องต่าง ๆ ตามมา รับมือยังไง?
จริง ๆ กระแสวิจารณ์เริ่มมาตั้งแต่ที่ยังไม่เห็นผลงาน วิจารณ์ตั้งแต่รายชื่อนักแสดง "นางทาส" ออกมาแล้ว ตอนนั้นโยได้อ่านบ้าง เพราะคิดว่าไม่มีอะไรเลยลองเข้าไปอ่านดู ซึ่งขนาดโยเป็นคนใจแข็ง ยังรู้สึกนอยด์ คือคนยังไม่รู้จักเราก็มาวิจารณ์ เราเลยรู้สึกว่าถ้ายังไม่แข็งแรงพออย่าเพิ่งไปอ่านตรงนั้นเลย จริง ๆ เรายอมรับคอมเมนต์ทั้งติชม อันไหนช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้อีก ก็เอามาปรับเปลี่ยน น้อมรับอยู่แล้วค่ะ แต่มีบางคอมเมนต์ที่ไม่ได้ช่วย เช่น บอกว่าโยเกิร์ตเป็นใครมาจากไหน ทำไมมาเล่นบทนี้ คือเรารู้สึกว่าคุณยังไม่เห็นผลงาน ยังไม่ได้รู้จักเราก็ตัดสินไปแล้ว รู้สึกว่าไม่แฟร์สำหรับเรา ก็อ่านผ่าน ๆ ค่ะ
เรียกว่าตอนนี้เราเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้ว?
อยากให้คนเห็นแบบนั้นค่ะ จริง ๆ ต้องให้คนดูตัดสินว่ารู้สึกเราเป็นนักแสดงเต็มตัวรึยัง โยเองตั้งใจว่าถ้า "นางทาส" ออกอากาศแล้วก็อยากให้คนมองโยเป็นแบบนั้น แต่ไม่อยากให้ลืมภาพนางแบบ แค่ ณ ช่วงเวลานี้ในเรื่องนางแบบเราทำได้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว แต่เรื่องการแสดงมันใหม่สำหรับโยเลยอยากให้เขาโฟกัสที่ตรงนี้ และเห็นภาพนักแสดงเราที่ชัดเจนมากขึ้นค่ะ
ละครเรื่องต่อไปมีอะไรอีกบ้าง?
ละครเรื่องที่ 2 ของโยคือ "เพลิงนารี" ถ่ายทำใกล้เสร็จแล้ว เราแสดงเป็น "กรนันท์" ก็เป็นนางร้ายแต่ร้ายคนละแบบ อย่างบุญมีเป็นร้ายลึก แต่บทนี้เอาแต่ใจ ลูกคุณหนูโดนสปอยล์ ฉันต้องเริด สวย เด่น ความยาก คาแรกเตอร์นี้อยู่ตรงที่ไม่ใช่โยเลย ต่างจากนิสัยพื้นฐานโยมาก อย่างบุญมีโยยังจับบางอย่างของโยมาเป็นตัวละครนี้ได้ คือเขานิ่ง แต่บทนี้มันไม่รู้จะดึงตรงไหนของเรามาเป็นตัวกรนันท์ ซึ่งนั่นแหละเป็นความท้าทายค่ะ
เอาดีทางร้ายรึเปล่า?
ไม่อยากให้เรียกว่าเอาดีทางร้ายนะคะ โยไม่มายด์ว่าต้องดีหรือร้าย และนักแสดงที่ดีต้องเล่นได้หลายบทบาท เล่นร้ายหรือดีคนต้องเชื่อ โยเล่นร้ายมาแล้วคนเชื่อ บททดสอบต่อไปของโยคือถ้าเล่นบทดีคนจะเชื่อมั้ย ก็แอบกลัวคนติดภาพนางร้ายนิดนึง แต่ละครเรื่องต่อไปที่กำลังจะฟิตติ้ง อาจได้เห็นอีกมุมนึง มันก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับโยว่าคนดูจะอินมั้ยค่ะ
ถามย้อนเส้นทางในวงการหน่อย เห็นว่าจบคณะวิศวะ จุฬาฯ ทำไมกลายมาเป็นนางแบบได้?
เป็นบุพเพสันนิวาสเหมือนกัน จริง ๆ โยชอบทางการแสดงมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยคิดว่าจะเอามาเป็นอาชีพ ตอนเรียนและทำงานก็เลือกด้านสายวิศวะที่เราถนัด คือเราชอบคำตอบตรง ๆ ไม่ชอบวิชาท่องจำ แต่ชอบวิชาคำนวณ เลยคิดว่าทำงานด้านนั้นดีกว่า แต่เผอิญรู้จักพี่ช่างภาพ ณัฐ ประกอบสันติสุข เขาเรียกมาถ่ายรูป แคมเปญนั้นเขาอยากได้นางแบบหน้าใหม่หน้าหมวยมาถ่าย แอล แม็กกาซีน ในช่วง แอล แฟชั่น วีค และพี่ณัฐถ่ายเราได้สวยมาก จนเราไม่คิดว่าเป็นตัวเรา พองานนั้นออกไปคนที่เห็นก็ถามเราเป็นใคร และก็ได้งานนางแบบมาเรื่อย ๆ จนวันนึงต้องตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี เพราะไม่สามารถทำทั้งงานวิศวะ ที่ทำอยู่ประจำ กับงานนางแบบให้ได้ดีทั้งสองอย่าง สุดท้ายลองทำตามหัวใจ เลือกนางแบบเต็มตัว ทิ้งงานประจำ เพราะได้โอกาสมาแล้วและก็เป็นอะไรที่เราชอบตั้งแต่เด็ก ซึ่งเราเริ่มชีวิตนางแบบตอนนั้นอายุ 24-25 ปี คือเราเริ่มในวงการในวัยที่โตแล้ว เข้าวงการช้ามาก แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าเข้ามาถูกจังหวะพอดี เพราะช่วงนั้นเทรนด์หน้าหมวยกำลังมา ถ้าเข้ามาก่อนหน้านี้อาจไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ค่ะ
มีคติประจำใจมั้ย?
โยเชื่อในพระพุทธศาสนาค่ะ เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ที่เห็นง่าย ๆ เลยคือละคร "นางทาส" โยไม่อยากให้มองว่าเราอยู่เฉย ๆ แล้วโชคดีเนอะที่ได้บทดี ๆ และเล่นได้ ทุกอย่างมันล้วนเกิดจากการกระทำของโยที่เฝ้าทำ ตั้งใจเรียนการแสดง ตั้งใจทำงาน มันเกิดจากผลของการ กระทำของเราทั้งสิ้นค่ะ
เราตั้งใจให้คนจำในฐานะ โยเกิร์ต นักแสดง มากกว่า โยเกิร์ตที่เป็นนางแบบ แฟนพีเค?
เวลาที่เรียกชื่อโยชอบมีห้อยท้ายว่าแฟนพี่พีเค เหมือนเป็นนามสกุล (ยิ้ม) โยเลยตั้งใจในเรื่องการแสดง คือเวลาโยทำอะไรก็จะทำด้วยมือและเท้าตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว อย่างเล่น "นางทาส" มันเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำให้คนเห็นภาพเราเดี่ยว ๆ กับผลงานของเรา เอานามสกุลนั้นออกไปก่อนเวลาทำงาน เพราะโยค่อนข้างเป็นคนแยกออก งานคืองาน ส่วนตัวก็ส่วนตัว น้อยครั้งมากที่เราจะรับงานด้วยกัน ทั้งที่มีคนติดต่อเข้ามาเยอะมากนะคะ โยไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับภาพของงานเราค่ะ
ถามถึงเรื่องหัวใจกับ "พีเค" บ้าง ณ วันนี้ มีอะไรต้องปรับอีกรึเปล่า?
จริง ๆ เราคบกันมา 3-4 ปีแล้ว เรื่องปรับตัวมีเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ก็ลงตัว ไม่มีใครมาเปลี่ยนใคร และเราก็ไม่ได้เปลี่ยนตัวเองเพื่อเขาหรือเรา มันเป็นการปรับ เพิ่มความเข้าใจและยอมรับมากกว่าค่ะ มันเลยพอดีกันค่ะ
"พีเค" ครองตำแหน่งคาสโนว่า อะไรทำให้เราเปิดใจคุยกับเขา?
คือจุดเริ่มต้นที่คบกันมาจากเราเจอกันตามงานอีเวนต์ โยไปเดินแบบ พี่พีเคไปเป็นพิธีกร ก็เผอิญได้เจอกัน ตอนที่เขามาจีบเราแรก ๆ เราปิด เราบอกเขาเลยว่าไม่สนใจค่ะ ขอบคุณค่ะ (หัวเราะ) มันรู้สึกติดลบกับเขาด้วยซ้ำ พอทุกคนได้ยินและเห็นข่าวว่าคนนี้มาจีบเรา ทุกคนก็เซย์โนหมดเลย แต่เขาพิสูจน์ตัวเองหลายอย่างจนมาถึงจุดที่ทำให้เรารู้สึกว่า หรือคนนี้จะจริงจัง เลยลองเปิดใจดูค่ะ คือเขาก็ไม่เชิงตื๊อเรานะ ด้วยความที่เขาคุยเก่ง พอเราออกตัวว่าไม่สนใจ ก็คุยเหมือนเป็นเพื่อนกันได้แบบไม่มีกำแพงว่าเขาจะมาจีบ พอคุย ๆ กันมันรู้สึกคุยรู้เรื่อง เคมีเข้ากัน หนึ่งในเรื่องที่ทำให้เราเปิดใจคบเขา คือตลอดระยะเวลาแรก ๆ ที่เขามาจีบเขาไม่เคยไปไหนเลย พอเลิกงานเสร็จก็วอทแอพมาตลอดว่าอยู่ไหน เดี๋ยวจะไปหา ถ้าไม่ไปทำงานก็จะมาหาตลอด จนเรารู้สึกว่าเออเนอะ... (ยิ้ม) และมันก็ไม่ได้เป็นแค่ช่วงนั้น ณ ปัจจุบันความเสมอต้นเสมอปลายของเขายังมี เขายังเป็นแบบนั้นอยู่ ส่วนเหมือนเขาจะหยุดที่เราแล้วรึเปล่า ก็ไม่รู้นะคะ อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่โยรู้สึกว่าถ้าเราทำทุกวันนี้ให้มันดีแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อนาคตที่เรามองกันไว้เป็นภาพราง ๆ คงไม่หนีไปไหนค่ะ
ตอนที่เริ่มคบกันแรก ๆ "พีเค" ก็เปิดตัวเราเป็นแฟน แบบไม่ปิดบังเลย รู้สึกยังไง?
เขาก็ออกตัวแรงตลอด (หัวเราะ) เราก็มองเห็นถึงความชัดเจนของเขา ที่เขาไม่ปิดบังแบบนี้เราก็ชอบนะคะ เรื่องแบบนี้มันต้องชัดเจน เพราะตั้งแต่แรกที่โยเปิดตัวคบกับพี่พีเค โยก็บอกเลยว่าคนนี้เป็นแฟนค่ะ บางคนจะแบบว่าบอกทำไม เดี๋ยวภาพเสียหาย แต่เราไม่รู้สึกแบบนั้น เราอยากชัดเจนกับสถานะมากกว่า
ตั้งแต่คบกันมา "พีเค" ก็ดูเหมือนจะทิ้งลายเพลย์บอย เรามีวิธีปราบผู้ชายเจ้าชู้ยังไง?
จริง ๆ โยไม่ได้ปราบนะ (ยิ้ม) ไม่ได้ทำอะไร โยพูดเสมอว่าโยเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด มันน่าจะเป็นนิสัยพื้นฐานของโยด้วย แบบถ้าคุณไม่โอเคโยก็ไม่เอาเลยนะ ไปเลย โยฮาร์ดคอร์มาก ถ้าคุณอยากให้เราดีกับเขาแค่ไหน อยากให้เราอยู่ตรงนี้ อยากให้เราซื่อสัตย์กับคุณ คุณต้องแสดงแบบนั้นมาให้เราเห็นก่อน ไม่งั้นก็ไม่เอา ซึ่งเรื่องแบบนี้เราไม่ต้องบอกเขาเลยนะ แต่เขาสัมผัสได้จากนิสัยส่วนตัว ถ้ามีเกเร เราก็ไม่อยู่แน่นอนค่ะ
ส่วนตัวโยเกิร์ตขี้หึงหรือระแวงเรื่องผู้หญิงมั้ย?
โยไม่ค่อยขี้หึงนะ อีกอย่างมันไม่มีสถานการณ์ที่เขาทำให้เราหึงด้วย เหมือนทั้งสองคนพยายามไม่ทำตัวเองให้ไปอยู่ในสถานการณ์ นั้น ๆ โยเองก็ไม่ได้เปิดให้คนอื่นเข้ามา ส่วนที่เขาทำให้เราระแวงเรื่องผู้หญิงก็มีบ้าง แต่จากประสบการณ์ที่เราเคยคบคนอื่นเป็นแฟนมา สำหรับพี่พีเคถือว่าค่อนข้างน้อย มันอาจด้วยความที่ตอนนั้นโยยังเด็กด้วยเลยคิดจุกจิก แต่ตอนนี้เราโตแล้ว วิธีคิดมันก็เปลี่ยนไป และเราเองก็พยายามที่จะปรับกันทั้งคู่ด้วยค่ะ
ล่าสุดไปออก "3 แซ่บ" คนก็จับสังเกตเรากับ "กาละแมร์ - พัชรศร" แฟนเก่าพีเค บอกว่ากาละแมร์ดูนิ่ง ๆ ชักสีหน้าใส่เรา?
โยเห็นข่าวนี้แล้วค่ะ แต่ไม่ได้เห็นเทปเพราะไม่ได้ดูรายการย้อนหลัง แต่ระหว่างถ่ายรายการโยก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาระหว่างโยกับพี่แมร์ ก่อนหน้านี้โยได้มีโอกาสทำงานร่วมกับพี่แมร์ มันก็ปกติมาก ไม่มีอะไรที่ระแคะระคายกัน โยยังรู้สึกว่าตอนทำงานพี่แมร์ก็ช่วยให้งานโยไหลลื่นด้วยซ้ำ พอเห็นข่าวก็ตลกดี (หัวเราะ) คนช่างสรรหาจับผิดเนอะ ส่วนตัวโยไม่มีอะไรกับพี่แมร์และเรายังชื่นชมเขาอีกต่างหากว่าเป็นผู้หญิงเก่ง และบางเรื่องก็เกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว โยก็เป็นผู้ใหญ่ระดับนึง ไม่เอาเรื่องพวกนี้มาคิดเล็กคิดน้อย ณ วันนั้นโยไม่รู้สึกว่าพี่แมร์ชักสีหน้า หรือก่อนหน้านั้นที่เจอกันโยก็ไม่ได้รู้สึกในแง่ลบกับพี่แมร์เลยค่ะ
ประทับใจ "พีเค" ตรงไหนที่สุด?
เขาเป็นแผนกซัพพอร์ตที่ ดีมาก ซัพพอร์ตทุกเรื่อง เวลาที่สัมภาษณ์ถึงเรา เขาก็พูดถึงเราในแง่บวกตลอด เขาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญของเรา รวมทั้งกำลังใจจากที่บ้านโยด้วย ถือเป็นกำลังใจดี ๆ ที่ช่วยผลักดันเรา สำหรับที่บ้านโยแรก ๆ ก็มีอคติกับพี่พีเคนิดหน่อยเหมือนกัน เพราะชื่อเสียงเขาก็ไม่น้อย (หัวเราะ) แต่พอมาได้สัมผัส โยรู้สึกว่าทางบ้านโอเคและค่อนข้างเปิดกับพี่พีเคมาก ซึ่งสิ่งที่พี่พีเคพิสูจน์กับพ่อแม่เราคือเขาไม่ได้มองว่านี่บ้านโย แต่มองเป็นครอบครัวเดียวกับเขา ที่เขาคอยเป็นห่วง เทคแคร์ คือเราเป็นครอบครัวเดียวกันทั้ง 2 ครอบครัว ที่โยรู้สึกได้ค่ะ
คบกันมานานและยังหวานตลอด มีเคล็ดลับในการดูแลความรักยังไง?
ไม่รู้ มันพูดยากนะ แต่คนสองคนที่คบกัน อยู่ด้วยกันได้นานขนาดนี้ โยเชื่อในเรื่องของวิทยาศาสตร์ เรื่องของเคมีคน อย่างบางคนไม่รู้เป็นอะไรแต่คุยกับคนนี้ถูกคอมาก เคมีเข้ากันได้ อีกเรื่องคือต้องรู้จักปรับเข้าหากัน มันไม่มีใครที่เปลี่ยนตัวเองได้ ทั้งโยและเขายังเป็นตัวของตัวเองมาก ๆ มันอาศัยการปรับ การเข้าใจและยอมรับ ณ วันนี้ทั้งเขาและโยก็ยังมีบางอย่างที่เราไม่ชอบกันอยู่ แต่เราเลือกที่จะยอมรับกันมากกว่าค่ะ คือพื้นฐานความสัมพันธ์ของคนสองคนที่ดี มันต้องมีความเป็นพี่น้อง เป็นที่ปรึกษา เป็นเพื่อนคุยและเป็นคนรัก และเขาก็เป็นได้ตามนี้ครบค่ะ
"พีเค" บอกอยากแต่งงาน เราล่ะพร้อมรึยัง?
โดนถามเรื่องแต่งเรื่อย ๆ เลย (ยิ้ม) โยตอบได้เหมือนเดิมว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ เพิ่งจะได้เล่นละคร 2 เรื่องเอง เรายังอยากโฟกัสเรื่องนี้ โยว่าพี่พีเคเข้าใจว่าเรายังสนุกและอยากทำตรงนี้อีกเยอะ เขาก็รู้สึกว่าเราไปได้ดีกับตรงนี้ เขาคงต้องรอแหละ
กดดันบ้างมั้ยเวลาที่โดนถามเรื่องแต่งงาน แถม "พีเค" ก็ให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมตลอด และมั่นใจเราเป็นแม่ของลูกด้วย?
ก็กดดัน เพราะทุกครั้งที่คนอื่นถามโยก็ตอบได้แบบเดิม ณ ตอนนี้ยังตอบได้แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ส่วนแพลนแต่งงาน เมื่อก่อนนี้โยเคยมองว่าถ้าจะแต่งงานมีลูกอย่างน้อยก็ต้องอายุ 30 ปี แต่ตอนนี้คงต้องเลื่อนไปยาวกว่านั้น เพราะมีเรื่องงานเข้ามา โยเริ่มทำงานตรงนี้ช้าค่ะ ทุกอย่างเลยต้องดีเลย์ไปนิดนึง ซึ่งพี่พีเคก็ไม่เคยถามเรื่องแต่งงานกับโยนะ ไม่เคยพูดกันจริงจัง จะมีก็แค่เขาคิดในใจคนเดียว หรือไม่จะเป็นแบบมองหาคอนโดฯที่มันใหญ่หน่อย เผื่อวันข้างหน้า แต่ไม่ได้พูดออกมา
แต่ภาพในหัวเรา "พีเค" ก็คือเจ้าบ่าว?
อย่างที่บอกว่าถ้าวันนี้เราทำดีแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็ไม่น่าจะหนีไปไหน ต้องดูค่ะว่าทำได้แบบนี้และรอไหวรึเปล่า (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ลุ้นเรื่องงานโยกันไปก่อนดีกว่า
ท้ายสุดมีอะไรที่เราอยากฝากบอกแฟน ๆ หรือคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจเราบ้าง?
จริง ๆ ต้องขอบคุณทุกคนที่เปิดใจให้โย ก่อนหน้านี้โดนกระแสปิดกั้นเยอะ แต่พอละครจบกระแสดีมาก ทุกคนอิน พอเรารู้สึกว่าทุกคนชอบก็ไม่เหนื่อยกับการทำงาน มันมีพลังที่จะทำละครน้ำดี พัฒนาตัวเองเพื่อทำงานดี ๆ ออกมาให้ทุกคนได้ดูอีกค่ะ