เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ใช้ชีวิตในวงการมาถึง 15 ปีแล้ว สำหรับนักร้องสาวเซ็กซี่ "กระแต อาร์สยาม" ที่ตอนนี้ก็ยังคงมีผลงานเพลงออกมาให้เราได้ฟังตลอด และล่าสุดก็คือเพลง "สะบัด" ซึ่งต้องบอกว่าตลอดเวลาที่เธออยู่ในวงการก็ล้วนแต่มีเรื่องร้ายดีเข้ามาหาเธออย่างมากมาย วันนี้ "ดาวต่างมุม" เลยขอนัดแนะเพื่อเปิดใจทุกมุมมอง ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับเธอ
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: FHM Magazine
ฟีดแบ็กเพลง "สะบัด" จนถึงตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
เพลงนี้เป็นกระแสที่มาเร็วมาก คนให้การตอบรับดี มันเป็นแนวการเต้นที่เราไม่เคยเต้นมาก่อน เป็นลีลาศผสมลาติน ด้วยแนวดนตรีมีความพิเศษ มีกลิ่นอายแซมบ้า แบบคาร์นิวัล สำหรับการเต้นยากมาก เป็นเพลงที่เต้นยากที่สุดตั้งแต่แตเคยเต้นมา เหมือนเริ่มต้นใหม่ ต้องใช้ไลน์สวยงาม มีความสง่าแข็งแรง ต่างจากเราเคยเต้นที่ส่วนใหญ่จะแข็งแรงแบบฮิปฮอป พอเปลี่ยนมาเต้นแบบลาติน มันปรับบุคลิกใหม่หมดค่ะ
แต่เพลงนี้ออกมาได้ไม่นานก็เกิดดราม่า เราไม่สวมกางเกงในถ่ายเอ็มวี ในตอนนั้นเรารู้สึกยังไง?
พอกระแตออกเพลงมาปุ๊บ สิ่งหนึ่งที่แฮปปี้เลยคือเราทำหน้าที่เราเสร็จแล้ว เราซ้อมหนักพอถ่ายเอ็มวีเสร็จ หน้าที่เราก็จบ พอเอ็มวีออกมาคงต้องลุ้นว่าแฟน ๆ ชอบมั้ยแต่สุดท้ายความสุขของเราคือเราเต็มที่แล้ว ณ ตอนนั้น จริง ๆ 2 วันแรกยังไม่มีดราม่า นาทีที่ 2.2 (ยิ้ม) ทุกคนก็ชื่นชม เราก็แฮปปี้ว่าครั้งแรกเราทำได้ จนมีเพื่อนส่งรูปมาแซว เขาบอกแกไม่ใส่กางเกงใน ตื่นเช้ามาวันที่ 3 ตกใจมาก ไลน์เข้ามาอย่างกับคนทักมาตอนปีใหม่ เห็นตอนแรกยังขำอยู่ ที่บ้านเราขำก๊ากเลย คือใครจะไม่ใส่ มันใส่อยู่แล้ว แต่พอเริ่มมีคนพูดว่าเพลงนี้ใช้วิธีนี้โปรโมต อันนี้เริ่มซีเรียส เพราะจริง ๆ มันไม่ใช่นโยบายที่เราจะโปรโมตตรงนี้ เราคิดว่า 5 นาทีเต็ม ๆที่เต้นเหนื่อยแทบตายคุณไม่ได้มองเลยเหรอ เริ่มน้อยใจแต่มันก็ผ่านไป เพราะทุกคนได้เล็งเห็นแล้วว่ามันเป็นความสามารถในการเต้นที่เราต้องการให้ทุกคนเห็น แต่เป็นธรรมดาที่ผิดพลาดได้ ก็เอาไว้เป็นบทเรียนว่าคราวหลังคงต้องละเอียดขึ้น เพราะเราไม่ได้กดหยุดแล้วขยายดู ไม่ได้ละเอียดขนาดนั้น (หัวเราะ) แต่ครั้งต่อไปเราต้องละเอียดขนาดนั้นแล้วล่ะ จริง ๆ สาบานเลยว่าไม่ได้คิดสร้างกระแสให้เพลงนี้สื่อไปในทางนี้เลย อยากให้เป็นกระแสว่าเพลงสนุกและเราก็ได้เต้นอะไรใหม่ ๆ มากกว่าแต่สำหรับเรื่องนี้เรามองในอีกแง่ว่าจากแฟนเพลงที่ไม่เคยฟังเพลงเรา ก็หันมาฟังแล้ว เพราะเข้ามาดู (หัวเราะ) ก็มีนะที่คอมเมนต์ยอมรับว่าดูตามกระแสแต่ไป ๆ มา ๆ ดูกระแตเต้นเพลินจนลืมตรงกันไปเลย พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสที่ดีค่ะ
แนวเพลงลูกทุ่งของกระแต ค่อนข้างต่างจากลูกทุ่งทั่วไป เรานิยามดนตรีและเพลงของตัวเองยังไง?
หนูพยายามไม่นิยามดนตรีตัวเอง ไม่ให้มีข้อจำกัด คนเรามีความชอบที่หลากหลาย ฉะนั้นการที่เราสร้างสรรค์ผลงานสักชิ้น เราก็ไม่ได้เจาะจงที่จะทำเพื่อใคร แต่เราทำเพื่อทุกคน ดังนั้นทุกคนจะชอบหมดมันเป็นไปไม่ได้ อย่างนึงคือการทำหน้าที่ในส่วนของเราให้ดี เราก็แฮปปี้แล้ว ไม่ได้ต้องการให้ทุกคนชอบ ดังนั้นอัลบั้มนี้อาจไม่ได้เป็นลูกทุ่ง ก็จะเรียกลูกทุ่งไม่ได้ เพราะกระแตไม่ได้ร้องลูกทุ่งอย่างเดียว อยากให้ทุกคนมองว่าเราทำได้หลายอย่าง เพราะแต่ละเพลงไม่ซ้ำกันเลย มันสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ว่าช่วงจังหวะแต่ละซิงเกิ้ลจะได้เพลงแบบไหน อยู่ที่ผู้ใหญ่ด้วย เราก็มีหน้าที่พรีเซ็นต์มันออกมาให้ดีค่ะ
บางคนบอกว่าเราเป็นลูกทุ่งขายความเซ็กซี่หวือหวา?
ต้องยอมรับว่าความเซ็กซี่มันขายได้ บอกว่ามันไม่นิยมคงไม่ได้ เพราะหนูโพสต์ธรรมะในไอจี คนกดไลค์พันกว่า พอโพสต์เซ็กซี่คนกดไลค์เป็นหมื่น ก็ต้องยอมว่าสังคมเราเป็นแบบนี้ สิ่งหนึ่งที่หนูทำได้ก็คืออยู่ในขอบเขตที่สวยงาม พอดี แต่ตัวจริงหนูไม่ได้เป็นคนเซ็กซี่นะ แต่ภาพหนูอาจดูเซ็กซี่ด้วยงาน ซึ่งเราก็แฮปปี้ในจุดที่คนมองภาพว่าเราเซ็กซี่ เพราะเส้นทางที่หนูอยู่มันทำให้หนูดูแลครอบครัวได้ ดูแลพ่อแม่ได้ แค่นี้ก็คือหน้าที่ของลูกคนนึง ส่วนคนอื่นจะมองยังไงก็ไม่ค่อยสนใจ เพราะบางทีเราแคร์ทุกคนบนโลก มันทำให้เราไม่แฮปปี้กับชีวิต ฉะนั้นเราจะอยู่กับคนที่เข้าใจและรักเรามากกว่า คนที่เขาไม่ชอบก็คือไม่ชอบเนอะ จะไปพูดให้เขาชอบคงไม่ได้ แต่เรารู้ว่าเราทำอะไร และเรารู้ว่าสิ่งที่เราทำเป็นอาชีพสุจริต ที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอแล้ว
เข้าวงการมากี่ปีและได้เรียนรู้อะไรจากวงการนี้มากที่สุด?
หนูออกอัลบั้มแรกตอนอายุ 14 ปี ตอนนี้หนูอายุ 28 ปี เราก็อยู่วงการมา 15 ปีถือว่านานมาก ดีใจนะคะ เพราะเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันหายไปหมดแล้ว แต่เรายังอยู่ตรงนี้ได้แสดงว่ามันผ่านอะไรมาเยอะ มองย้อนไปสิ่งหนึ่งที่หนูผ่านมาได้ เพราะหนูมีกำลังใจจากครอบครัวและคนรอบข้าง มีธรรมะเข้ามาช่วยนำทางเรา เพราะในวงการนี้มันยากมากนะที่จะอยู่ได้นาน ส่วนสิ่งที่หนูได้เรียนรู้แน่นอนในวงการบันเทิงทุกงานเพิ่อประสบการณ์อยู่แล้ว คำแนะนำจากผู้ใหญ่ สิ่งรอบตัวคือบทเรียนหมดเลย วงการนี้ค่อนข้างน่ากลัวในแง่การแก่งแย่งชิงดี แต่แตโชคดีที่มองว่าเราไม่ได้แข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง การเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบมันจะทุกข์เปล่า ๆ ขอชนะตัวเอง ก็ทำให้เราอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุขค่ะ
กระแตเมื่อ 15 ปีก่อนกับกระแต ณ วันนี้ ต่างกันเยอะมั้ย?
เยอะมาก ทั้งเรื่องอายุ ทัศนคติ มันเป็นช่วงเวลาค่ะ มนุษย์ทุกคนมีช่วงเวลาในการเติบโตในทุกอย่าง การตัดสินใจทุกอย่างตอนนั้นเรายังเด็ก ทำอะไรผิดพลาดไปมันก็เป็นธรรมดา วันนึงเราโตมาด้วยบทเรียนและสังคมรอบข้าง ถูกสอน ถูกตำหนิหลาย ๆ อย่าง มันกลั่นกรองความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นโตขึ้นมาเริ่มมีวิจารณญาณในการตัดสินใจในการทำมากขึ้น สำหรับมุมมองที่มีต่อวงการก็เปลี่ยน ตอนแรกที่เข้ามาก็คิดว่ามันสวยงาม หาเงินง่าย คงอยู่ได้นาน แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย วงการบันเทิงเป็นงานที่ฉาบฉวย ไปเร็วมาเร็ว เป็นวงการมายาในที่นี้ไม่ได้แปลว่าหลอกลวง แต่เราต้องอยู่กับความจริงทั้งหน้าม่านและหลังม่าน ต้องอยู่แบบไหนถึงจะอยู่ได้นาน มันไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนอยากเข้ามา แต่เข้ามาแล้วจะทำยังไงให้อยู่ได้นานที่สุด อันนี้ยากกว่าค่ะ
คิดว่าอะไรทำให้เราอยู่ได้นานถึง 15 ปี?
แน่นอนคือกำลังใจและความเป็นตัวเอง หนูว่าสุดท้ายคนเราถ้าเป็นตัวเองมันจะอยู่ได้นานค่ะ ไม่มีใครหลอกตัวเองได้นาน หนูเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ตลอดเวลา มันเลยได้พัฒนาผลงานมาเรื่อย ๆ จนคนยอมรับมากกว่า คนส่วนมากเห็นกันแล้วว่าผลงานเรามีระดับดีมากขึ้น เริ่มชื่นชม ส่วนกำลังใจสำคัญของเราคือครอบครัว สำคัญกว่าชีวิตแตด้วยซ้ำ เราไม่ได้มองเลยว่าเหนื่อยแค่ไหน แต่มองว่าพวกเขาสบายขึ้นแค่ไหน อยากให้พ่อแม่อยู่ดีกินดี ไม่ต้องเหนื่อย เพราะเขาเหนื่อยเลี้ยงเรามานานแล้ว พอเราโตขึ้นก็อยากเลี้ยงพ่อแม่และครอบครัว ซึ่งเราภูมิใจนะที่ได้เลี้ยงปากท้องญาติพี่น้องเรา ถึงไม่ได้มากมายแต่ก็เป็นเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงเรา ได้ดูแลครอบครัวซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ คือการเป็นหัวหน้าครอบครัวมันเหนื่อยมาก 15 ปี เราเหนื่อยทุกวัน แต่เรายิ้มให้ความเหนื่อย เพราะผลตอบรับคือความสุขค่
เป็นอีกคนที่เคยมีเพจ แอนตี้ เป็นของตัวเองด้วย มีวิธีรับมือกับตรงนี้ยังไง?
โอ้โห! ช่วงนั้นมันมากค่ะ (ยิ้ม) ถ้าพูดถึงอดีตที่ผ่านมา มันมีทั้งดีและไม่ดี กระแสที่ไม่ดีนี่แหละเป็นสิ่งดี มันทำให้เราโตขึ้น เพราะถ้าไม่มีแอนตี้หรือเรื่องร้ายเข้า หนูคงเป็นคนโลกสวย ทำอะไรไม่ระวัง จริง ๆ สิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียนที่ดีมาก มันทำให้หนูโตขึ้น ทำให้เรารู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร จริง ๆ ชอบนะ มันเหมือนเป็นฟ้าหลังฝน พอเราโดนกระแสมาก ๆ ทำให้เรามีความพยายามมากขึ้น มีความมุ่งมั่นที่จะผลักตัวเองให้พ้นจุดนั้นไป และพอพ้นมาได้มันก็รู้สึกสดใส ต่อไปนี้อะไรมาโจมตีเราหนัก ๆ เราไม่สนใจแล้ว มันตั้งรับได้เต็มที่เพราะผ่านมาแล้ว ซึ่งช่วงนั้นมันก็มีท้ออยู่แล้วนะ แต่เราไม่ถอย มีพ่อแม่เป็นกำลังใจ เป็นดวงใจเลย คือถ้าเราถอยคนที่เราต้องดูแลเขาจะอยู่ยังไง เรามองว่าเส้นทางนี้เราก้าวมาแล้ว เราออกไม่ได้ ต้องสู้ต่อ พิสูจน์กันต่อ แม้ว่าจะเหนื่อย เจ็บหรือหนักหนาขนาดไหน สุดท้ายเวลามันพิสูจน์คน และมันพิสูจน์จริง ๆ เพราะผ่านมาคนก็เริ่มรู้ว่าความจริงคืออะไร เราไม่พูดว่าผิดหรือถูก แต่เราจะดำเนินต่อไปโดยที่ไม่ทำให้ใครให้เดือดร้อนค่ะ
เวลาทำอะไรเราก็มักโดนมองสร้างภาพสร้างกระแสตลอด เหนื่อยมั้ย?
ไม่เหนื่อยนะ เพราะในวงการนี้มันโดนกันทั้งหมด เราไม่รู้สึกอะไรเลย รู้สึกแค่ว่ามันดีซะอีก จะได้มีข่าว (หัวเราะ) ถ้ามองแง่บวกนะ แต่ความจริงหนูไม่เคยโปรโมตด้วยการสร้างกระแสด้านไม่ดีให้กับตัวเอง เพราะกระแสแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน สิ่งที่อยู่ได้นานคือความสามารถและผลงานเรา ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องการคือการสร้างผลงานมากกว่าการสร้างกระแสค่ะ ซึ่งตอนนี้หนูก็แข็งแกร่งขึ้น อาจเพราะได้แม่ที่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งเหมือนกัน และก็มีธรรมะ ในที่นี้คือธรรมชาติเราศึกษาความเป็นจริง เราอยู่กับปัจจุบันและมันคืออะไร การที่เรามีธรรมะ ไม่ได้หมายความเราเป็นคนดี แต่มันคือการสร้างทางชีวิตและสร้างภูมิคุ้มกันเราจากภยันตรายทั้งปวงที่จะเข้ามา
อะไรทำให้เราสนใจธรรมะ?
มันมาจากที่ครอบครัวหนูตั้งแต่คุณยายปลูกฝังเกี่ยวกับธรรมะมาตลอด ท่านสอนให้รู้ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อะไรก็ตามที่เป็นความสัตย์จริง สอนว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ตัวของเรา ทุกอย่างในโลกไม่มียั่งยืน ดังนั้นถ้าจะตั้งรับปัญหาต่าง ๆ เราต้องมีธรรมะคอยชี้ทาง เป็นเข็มทิศให้ชีวิตเรา พอมีธรรมะเข้ามาชีวิตหนูมีทิศทางขึ้นนะ หนูโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่มีธรรมะอยู่แล้ว คุณแม่จะสอนให้สะสมบุญตลอด และการดูแลพ่อแม่ก็เป็นบุญใหญ่ หนูคิดว่าหนูดูแลบุพการี บุญตรงนี้ช่วงส่งเสริมให้เรายืนอยู่ตรงนี้ได้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่นะ คนที่เขามองว่าเราสร้างภาพชอบธรรมะ แต่หนูไม่ได้สนใจ เพราะถ้าเราไปอคติกับเขา ก็เหมือนสร้างบาปให้เขาและตัวเอง การเห็นผู้อื่นทำดี แล้วเราสาธุโมทนาเราก็ได้บุญกับเขาแล้ว สุดท้ายจุดประสงค์เราคืออะไรตัวเรารู้ดี ที่เราโพสต์ธรรมะ คือเรามีโซเชียลของตัวเอง เราก็แค่อยากเชิญชวน แตโพสต์ธรรมะเพราะความสุขเราคือการที่คนอื่นอ่านแล้วรู้สึกดี มันเป็นความอิ่มใจ อย่างน้อยเราเป็นคนนึงที่ชี้ทางให้เขาได้ เมื่อก่อนเอาหนังสือธรรมทานไปวางเป็นหมื่นคนหยิบไม่กี่คน แต่ในไอจีเราคนตามเราเป็นแสน ได้อ่านก็คุ้มกว่ากัน แตเลยมองว่าเอาตรงนี้เป็นกระบอกเสียงอย่างหนึ่งที่ช่วยขัดเกลาให้คนที่ติดตามเราได้รู้ค่ะ
ถามเรื่องหัวใจเห็นว่ามีคนคุย แต่ยังไม่มีใครเป็นตัวจริง?
คือเราไม่พร้อมที่เปิดตัวมากกว่า หนูคุยกับคนเยอะนะคุยเล่น ๆ คุยเพื่อศึกษา พูดตรง ๆ เราโตแล้วก็มีคนคุย แต่ถ้าเราพร้อมเปิดตัวว่าคนนี้เป็นคนที่เรารัก ก็จะบอกค่ะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามีความส่วนตัวอยู่ ยังไม่พร้อมบอกให้ใครรู้ คือคนที่พิเศษมันมีมากกว่า 1 คนนะ (หัวเราะ) เลือกไม่ได้ เรายังไม่ถูกใจ หนูเป็นคนที่เชื่อว่าความรักต้องอยู่ที่ความเข้าใจ อยู่ด้วยบุญบารมี ศีลต้องเสมอกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข ถ้าคุยกันแล้วไม่รู้เรื่องก็ไม่เอา ตอนนี้คนพิเศษจริง ๆ เลยยังไม่มีค่ะ
คิดว่าตัวเองเรื่องเยอะ มีสเปกสูงมั้ย?
ถ้าเราอยู่ในฐานะโสด เราก็ยังมีโอกาสที่จะเลือก แต่พอถึงอายุ 30 ปีขึ้นไป คงไม่เลือกเยอะแล้วล่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้ยังแฮปปี้กับงาน หนูก็เลยคุยไปเรื่อย ๆ พอให้ตัวเองรู้สึกมีความสุข ซึ่งใครจะมองเราเจ้าชู้ก็ได้นะ แต่จริง ๆ เราไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ ถ้าได้เลือกรักใคร หนูก็มั่นคง เพราะเราปฏิบัติตามหลักพุทธ ถ้าเรามีศีล 5 ก็จะไม่มีความรักที่ล้มเหลว ไม่มีทางมองคนอื่น ถ้าเราอยู่ในความซื่อสัตย์ค่ะ
ณ วันนี้ผู้ชายที่จะอยู่ข้างกระแตได้ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
ต้องเข้ากับครอบครัวเราได้ อันนี้สำคัญมาก เพราะเราติดครอบครัวมาก ถ้าเขามาแล้วพ่อแม่ไม่แฮปปี้ หนูคงไม่แฮปปี้ค่ะ รวยจนไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายคู่ชีวิตมันต้องช่วยกัน ต่อให้เขารวยเราก็ไม่กินเงินเขาหรอก มันคือศักดิ์ศรี เราไม่ได้มองว่าต้องหาแฟนรวย ต่อให้ไม่รวยเราก็ภูมิใจถ้าเขาคือคนดี ตอนนี้ก็ต้องรอ หนูเชื่อเรื่องพรหมลิขิต เชื่อบุญบารมี สร้างกันมาแล้วเจอกันแว้บเดียว ถ้าใช่มันก็ใช่ค่ะ
เคยมีคนเข้ามาจีบแบบไม่หวังดีมั้ย?
มาจีบมีเยอะแยะค่ะ คือเราเป็นคนเจ้าเล่ห์ รู้ทันคนอยู่แล้ว (ยิ้ม) ถ้าเขามาแบบนั้น เราก็จะไปแบบนั้นแหละ เราเป็นคนขี้เล่น ถ้าใครเข้ามาแบบเล่น ๆ เราก็เล่นด้วย สุดท้ายก็หายไป เราระวังเรื่องความรักนะ มองจากบทเรียน คนรอบข้าง ที่รัก ๆ เลิก ๆ ตลอดเวลา สุดท้ายเรื่องหัวใจต้องใช้เวลาค่ะ
เรามีมุมมองความรักยังไง?
คำว่าคู่ชีวิตมันต้องเป็นแขนเป็นขาให้กันได้ แก่เฒ่ามาบางทีลูกหลานมีครอบครัวแล้ว ใครจะมาดูแลเรา เราก็ต้องมีคู่ของเราคอยดูแลกัน มันคือความสุขตากับยาย หนูเห็นอะไรแบบนี้แล้วมีความสุขค่ะ
ท้ายที่สุดอยากฝากบอกอะไรกับแฟน ๆ ที่คอยหนุนหลังเราตลอดบ้าง?
ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสผู้หญิงคนนึงที่อาจไม่เก่ง ไม่ได้เป็นคนดีมาก แต่สิ่งหนึ่งที่หนูตั้งใจคือหนูอยากเป็นตัวอย่างให้ทุกคนเห็นว่าความพยายามมุ่งมั่นมันชนะทุกสิ่ง และเราอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะมีกำลังใจ ที่ดี หนูก็ต้องขอบคุณทุกคนเลยที่เข้ามาในชีวิตทั้งดีและไม่ดี เพราะเขาเป็นเหมือนบทเรียนให้กับเรา และขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกคน แฟนเพลงตั้งแต่อัลบั้มแรก ๆ เลย และอยากให้ทุกคนติดตามผลงานเราตลอดไป เราก็จะสร้างสรรค์และพยายามทุกงานให้ดีที่สุด สุดความสามารถค่ะ