ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

'กรีน' มองมรสุมข่าว เป็นตัวสร้างเกราะป้องกัน

4 พ.ค. 2559 16:53 น. | เปิดอ่าน 1523 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

กำลังเรียกเรตติ้งได้ถล่มทลายมาก ๆ สำหรับละครบู๊สุดมัน "ขุนกระทิง" ทางช่อง 7 แถมเรื่องนี้ยังได้เห็นอีกบทบาทหนึ่งของ กรีน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ที่พลิกมาเล่นร้ายเพื่อความแปลกใหม่ทางการแสดง วันนี้ "ดาวต่างมุม" ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยอัพเดทเรื่องการงาน ชีวิต ความรัก รวมถึงข่าวคราวกับพระเอกร่วมช่อง ธันวา สุริยจักร ด้วยว่าแท้จริงแล้วความสัมพันธ์เป็นอย่างไรกันแน่ 

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @green_ausadaporn (IG)

 

ได้ข่าวว่าละคร "ขุนกระทิง" เรตติ้งสูงมาก? 
กระแสดีค่ะ ก็ได้ยินมาบ้างว่าเรตติ้งสูง แต่ไม่ทราบตัวเลข เปิดตัวมาก็กระแสดีคนชอบ แต่ไม่ได้ว่าชอบตัวกรีนนะ ชอบทั้งเรื่อง เรื่องนี้ก็ไม่ทิ้งความมัน ระเบิดภูเขา เผากระท่อม ทำทุกอย่างให้สุดขีดเต็มสตรีม เรื่องราวก็มีดราม่าเข้ามาเกี่ยวข้อง มีเส้นเรื่องที่เป็นเรื่องรักโรแมนติก มีนักแสดงที่เคยเป็นสตั๊นต์ให้กับนักแสดงฮอลลีวูดมาหลายท่าน บวกกับมันมีเส้นเรื่องของผู้หญิงที่หลากหลาย กรีนก็มาแบบดูร้ายนิ่ง ๆ ดูสง่าเป็นนางพญา ซึ่งเป็นการพลิกบทของกรีนเลย ปกติจะเป็นสาวสู้ชีวิตช่วยเหลือครอบครัว จน ๆ ทุกข์ระทม ไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ใส่ส้นสูง แต่เรื่องนี้ได้แต่งตัวสวยเข้ารูป ใส่รองเท้าส้นสูง แต่งหน้าจัดเต็ม


เรียกว่าพัฒนาฝีมือขึ้นไหม? 
ขึ้นตลอด เพราะไม่ว่าเราจะได้บทอะไรก็ตามมันมีความท้าทายอยู่ในตัวอยู่แล้ว บทมันก็แตกต่างกันไปตามแต่สถานการณ์ของแต่ละเรื่องอยู่แล้ว บทที่ได้รับก็ต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ เวลาเล่นละครกรีนพยายามเปลี่ยนคาแรกเตอร์ไม่ให้เหมือนเดิม แม้ว่าเราจะได้รับบทสู้ชีวิตเหมือนเดิมก็ตาม มันก็ต้องมีความแตกต่าง อย่างเรื่องนี้ต้องดูเป็นผู้ใหญ่ โหนอายุเลยค่ะ น้ำเสียงต้องพูดให้ดูเสียงต่ำ จะมาพูดง็องแง็งไม่ได้ ถ้าดูจากชีวิตประจำวันกรีนจะไม่มีลุคแบบนั้นเลย กรีนไม่ชอบแต่งตัวแบบดูโต อยากแต่งแบบวัยรุ่นสบาย ๆ มากกว่า แล้วก็ไม่ชอบแต่งหน้า ทุกวันนี้ถือว่าพอใจในระดับหนึ่ง ก็ชอบอยากจะทำต่อไปเรื่อย ๆ มันไม่มีที่สิ้นสุดในเรื่องของการแสดงจริง ๆ ถ้าต้องให้คะแนนตัวเองน่าจะสักประมาณ 6 ถ้าจากวันแรกนะคะ จำได้วันแรกเล่นเป็นหินมาก แข็งมาก นี่น่าจะเดินมาได้สักครึ่งหนึ่งแล้ว เราก็โตมาระดับหนึ่งแล้วผ่านอะไรมาสักช่วงหนึ่งแล้ว ความคิดก็เปลี่ยนนะ มองว่าอะไรกว้างขึ้น โตขึ้น


จากวันแรกที่เข้ามาประกวดเอเอฟ จนถึงวันนี้ชีวิตมาไกลมาก? 
ตอนเข้าบ้านเอเอฟไม่ได้คิดเลยว่าจะมาไกลขนาดนี้ ตอนนั้นคิดแค่ว่าติดเอเอฟแล้วฉันจะเรียนยังไง ตอนนั้นกำลังจะเข้าปีหนึ่ง คิดไม่ออกว่าจะต้องทำยังไง ตอนนั้นเราก็ยังมีแม่มีพ่อ เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะหาเงิน ก็คิดแค่ว่าทำตามความฝันสนุก ๆ คิดว่าคงอยู่ในบ้านแป๊บเดียว ใครจะมาชอบเรา ร้องก็ไม่เก่ง ปรากฏว่าอยู่ยาว แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเล่นละคร พอมาทำงานมันก็ซึมไปเรื่อย ๆ มีงานมาให้เราลองทำหลาย ๆ อย่าง จนเราก้าวข้ามช่วงเวลาที่เราอยู่มาหลายปีขนาดนี้แล้วเหรอ เรียนรู้อะไรเยอะเลยค่ะ ชีวิตมันก็พลิก อาจไม่ได้ขนาดหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ก็ค่อย ๆ พลิกไป ก็มีเรื่องของแฟนคลับซึ่งเราไม่เคยอยู่ในชีวิตแบบนั้นมาก่อน เขามาตามเราชอบเรามาก แต่คนเกลียดเราก็มี เกลียดมาก เรายังงงว่าเราไปทำอะไรให้เขา สับสนมาก แต่พอเรียนรู้ไปก็รู้ว่าคนเรามันต้องอยู่ในจุดไหนถึงจะเหมาะสม ถามว่าคนเรามีชีวิตที่เดินพลาดไหม ก็มีที่เห็นตามข่าวมากมาย แต่มันก็เป็นอะไรที่เราพลาดแล้วเราต้องเรียนรู้

 

 

การมีแฟนคลับ ทำให้เราทำตัวยากไหม ที่ไม่ให้เขาผิดหวัง? 
แรก ๆ ก็มีนะคะ เรายังเด็กด้วย ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง แต่ทำไปทำมารู้สึกว่า เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด คือเรารู้แค่ว่าครอบครัวเราสอนมาดี ไม่ได้สอนให้เราเป็นคนเลวหรือเห็นแก่ตัว เราก็เป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่ใช่เอาด้านไม่ดีของเรามาแสดงให้คนอื่นเห็น ดึงส่วนดีของเราออกมาให้มันชัดเจนมากขึ้น มีความเป็นธรรมชาติของเราที่ไม่ใช่เฟก เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นตัวของตัวเอง ที่สำคัญการอยู่รวมกับคนอื่นก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนมีมารยาท แรก ๆ ไม่ได้สนใจเรื่องภาพลักษณ์ หน้าสด ปากซีด แต่คนก็จะบอกว่าไม่ได้นะ เราเป็นนักแสดง แรก ๆ ก็แอนตี้นิด ๆ ทำไมไม่เข้าใจ จนทุกวันนี้ก็ อ่อ มันเป็นเรื่องของงาน การต่อยอดของงานหลาย ๆ อย่าง ก็นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้ทำเพื่อเปลี่ยนตัวเอง ทุกวันนี้แค่เขียนคิ้ว ทาปากพอ เอาที่ดูไม่โทรม


ทุกวันนี้มีวิธีจัดการกับข่าวที่เข้ามายังไง? 
ก็เฉย ๆ มากกว่าค่ะ ถึงจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็เป็นแค่ข่าว มันเหมือนเป็นกระแสเท่านั้นแหละไม่ได้มาทำร้ายอะไรเราได้ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเราจะปฏิบัติตัวอย่างไร แต่ถ้ามันไม่ใช่ความจริงเลยแบบ 100% กรีนก็คงต้องออกมาพูดว่ามันไม่ใช่ แต่กระแสทุกวันนี้มันก็มาไวไปไวมาก เราก็อย่าไปเครียดกับมัน ก็ต้องอยู่ให้ได้อยู่ให้เป็น เวลามีคนมาวิจารณ์ก็เปิดใจรับฟัง บางอย่างอ่านแล้วก็คิดว่า เคยรู้จักเราบ้างไหม คิดกับเราขนาดนั้นเลยหรอ มันก็ต้องมีความรู้สึกแบบนี้บ้าง แต่มันก็นานาจิตตัง มันเป็นแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน ถ้าสิ่งไหนไม่ดีก็จะเปลี่ยน ไม่โกรธคนที่ว่านะ เพราะกระแสทั้งดีและไม่ดีปน ๆ กันไป บางทีอ่านแล้วก็ตลก ไม่ได้อะไร เราอยู่ในวงการมาขนาดนี้แล้วเราก็ต้องชินกับมัน บางทีไม่ได้เลือกที่จะอ่าน แต่มันโผล่เข้ามาในไอจีเราก็ต้องเห็น มันเหมือนเราหนีปัญหายังไงมันก็ต้องเจอ ถ้าเราลองอยู่กับมันแล้วลองควบคุมสถานการณ์ตอนนั้นของตัวเราเอง ก็เป็นการควบคุมจิตใจของเราไปอีกระดับชั้นหนึ่ง จากที่เราเป็นคนใจร้อน ทำอะไรไว แต่พอเราได้ทำงานตรงนี้มันทำให้เราคิดช้าลง คิดก่อนทำ เรื่องพวกนี้แหละที่เพิ่มสติให้กับตัวเอง ทำให้เรามีเกราะป้องกันมากขึ้น ก็เหมือนสร้างวิกฤติพวกนี้ทำให้เกิดโอกาสให้เราได้พัฒนาอารมณ์ของเราให้เบาลง ถึงได้บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด จะทำให้คนเป็นล้านคนมาชอบเราก็คงเป็นไปไม่ได้ ปล่อยให้มันเงียบไปดีกว่า


ทุกวันนี้ยังไม่พร้อมที่จะมีแฟน? 
ยังอยากทำงานมากกว่า อยากตั้งใจเรียน อยากตั้งใจทำงาน คนเราก็มีเป้าหมายใหม่เข้ามาตลอด แต่เป้าหมายใหญ่ ๆ คืออยากทำเพื่อครอบครัว เรื่องผู้ชายก็คิดบ้างแหละ แต่ว่ากรีนไม่ค่อยได้เจอใคร ไม่ได้ปาร์ตี้ ไม่ได้มีสังคม ไม่ค่อยได้มีเพื่อนผู้ชายเยอะ เพราะเรียนโรงเรียนหญิงล้วนมาตลอด พอมาเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อนส่วนใหญ่ก็มีแต่ผู้หญิง เพื่อนรุ่นเดียวกันเขาก็เรียนจบกันไปหมดแล้ว กรีนเรียนช้าก็เจอแต่รุ่นน้อง ก็ไม่มีใครอยากจะมาแตะต้องกรีนอยู่แล้ว มันก็กลัวกันไง เราเป็นพี่โตกว่า ไม่ได้ปาร์ตี้ ไม่ได้ดื่ม มันก็เลยไม่เจอใคร แต่กรีนไม่ได้ต้องการ ชีวิตที่คุ้มค่าของกรีนคือการได้ทำงาน ได้มีโอกาสทำงานเยอะ ๆ ได้เดินทาง ได้เปิดโลกทำงาน อย่างล่าสุดกรีนได้ถ่ายโฆษณาที่ฮ่องกงมันก็สุดยอดแล้ว

 

 

เพราะความรักที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จหรือเปล่าเลยไม่อยากมีใหม่? 
ไม่เกี่ยวค่ะ เหมือนเราโตขึ้น เราก็เอาสิ่งที่ผิดพลาดมาเรียนรู้ แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำมากกว่า พิจารณาใช้เวลาตัดสินใจให้มากกว่านี้ เลือกเยอะขึ้น ถ้าผู้ชายคนนั้นจะต้องมาเป็นสามีเรา มาเป็นพ่อของลูกเรา ก็คงต้องตัดสินใจอีกยาวมาก ไม่เคยวาดไว้เลยว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นยังไง ครอบครัวจะเป็นแบบไหน จะต้องแต่งงานอายุเท่าไหร่ กรีนไม่ได้ฟิกซ์เลย อาจจะแต่งงานอายุ 35-40 ก็ได้ ไม่ได้มองภาพตรงนี้ไว้เลย


ถ้าไม่ได้เจอคนข้างนอก แล้วคนในวงการล่ะ? 
จริง ๆ ไม่ได้ปิดกั้นว่าเป็นคนในวงการหรือนอกวงการ แบบไหนก็ได้ที่เข้ากับเราได้ แต่ไม่ค่อยมี เป็นเพื่อนกันแล้วสนุกกว่า ไม่อยากจะเปลี่ยนสถานะเป็นอย่างอื่น เป็นเพื่อนแล้วเข้าใจกันทุกมุมมากกว่า พอเป็นอย่างอื่นเราต้องมานั่งนับ 1-2-3 ในการเป็นแฟน เปลี่ยนสถานะ มีความไม่เข้าใจ ต้องโทรฯ หากัน โน่นนี่นั่น มันก็จะกลับมาเป็นแบบเดิมที่เราเคยเจอ ถ้ามันมีความรักแบบใหม่ได้มันก็ดี แต่เราก็ต้องใช้เวลาในการที่จะเลือกคน ๆ หนึ่งเข้ามา เราเป็นผู้หญิงเนอะ เราก็ไม่อยากจะเปลี่ยนคนนั้นคนนี้เยอะ จริง ๆ ก็ไม่มีสเปกนะ ว่าหน้าตาจะต้องเป็นยังไง ลูกครึ่งหรือว่าอะไร มองที่นิสัยที่เข้าใจกัน เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น และถ้าเขาเข้าใจยอมรับได้ก็โอเค แต่ไม่ค่อยมีคนมาจีบเลยดีกว่า บางทีก็ไม่รู้ว่าจีบหรือเปล่า เพราะก็มาเล่น ๆ มาแกล้ง ๆ ตามกองละครก็มีเหมือนกัน บางทีก็มีไลน์มาแต่กรีนไม่ตอบ หรือบางทีตอบแต่ก็จบแค่นั้น แล้วพอมารู้อีกที อ๋อ นั่นจีบเหรอ


อย่างกรีนมีภาพหลุดเป็นข่าวกับธันวา เวลาไปไหนต้องคอยระวังตัวไหม? 
ก็มีบ้าง อย่างเวลาเราเป็นเพื่อนกันเราสนิทกัน เราก็จะกอดคอกัน บางทีคนก็มองไปอีกมุมหนึ่งที่ผิดไป ซึ่งพอมันเป็นภาพข่าวที่แรง แบบพาดหัวประมาณว่า อะไรกันในซอยเปลี่ยว ซึ่งมันไม่มีอะไร ถ้าซอยเปลี่ยวถ่ายรูปมาได้ยังไงล่ะ ก็คงต้องระวังตัว เพราะมันก็มีผลกับเรื่องงานของเขาและของเรา แต่กรีน ไม่ได้ซีเรียส มันก็เป็นแค่กระแสช่วงหนึ่ง อย่างเป็นข่าวกับธันวาก็ต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์ของเขากับของเรา เพราะเราก็เป็นผู้หญิงด้วย แต่ถามว่าเราคุยกันไหม เราก็คุยกันปกติ เวลาเจอกันตามงานเราก็เล่นกันปกติ แต่ไม่ได้ขนาดว่าระวังจนไม่คุยกัน

 

 

ไม่ได้กิ๊กกันจริง ๆ นะ? 
ไม่ค่ะเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนที่น่ารักคนหนึ่ง กรีนมีเพื่อนในวงการไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าคนที่เราสนิทใจที่จะคุยก็มีไม่เยอะ ธันวาก็เป็นคนหนึ่งนะ เขาเป็นคนติสต์นะ เป็นคนแตกต่างจากที่กรีนเคยรู้จัก รู้สึกว่าคุยกันแล้วเขามีมุมมองการแสดงที่เป็นสไตล์คล้าย ๆ เรา คือไม่ต้องเล่นเยอะ ธันวาจะเป็นคนที่เล่นใช้ความรู้สึก อินเนอร์เยอะ ๆ กรีนเล่นกับเขาแล้วรู้สึกว่า มีเสน่ห์ก็ตรงนี้แหละ ก็เลยคุยกันได้


โอกาสที่จะพัฒนาไม่มีเลยหรอ? 
โอกาสกรีนก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เป็นเรื่องของอนาคต ถ้าวันหนึ่งกรีนได้กลับมาเล่นละครกับเขา ตอนที่เล่นละครด้วยกันเราก็สนิทกันมาก เพราะปีหนึ่งที่อยู่กองด้วยกัน เราเข้าคู่กันตลอด และเขาก็เป็นคนขี้แกล้งขี้เล่น มันก็เลยสนิทกันเร็ว แล้วนิสัยก็คุยกันถูกคอ ละครจบแล้วเราก็ยังมีเจอกันบ้าง กินข้าวกันบ้าง กรีนจะสนิทกับเขาเพื่อคุยในเรื่องของละครมากกว่า เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง จากที่กรีนเล่นกับเขาก็รู้สึกได้ว่าเขามีของ พอเป็นข่าวก็ไม่อึดอัด มองว่าเป็นกระแสที่ดีไปแล้วกัน เขาก็มีละคร กรีนก็มีละคร ถ้ามันไม่ได้มีผลร้ายแรงที่จะทำร้ายเราทั้งคู่ก็ไม่เป็นไร

 

: กรีน อัษฎาพร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 19 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 17-18 ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 30-31 ตุลาคม 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 15-16 ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 23-24 ตุลาคม 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 13-14 ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 16-17 ตุลาคม 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 11-12 ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 9-10 ตุลาคม 2566 ทางช่องวัน31
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :