ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

'เมญ่า' คิดบวกกับทุกปัญหา มุ่งพิสูจน์ให้เห็นตัวตนที่เป็น

8 ธ.ค. 2558 04:40 น. | เปิดอ่าน 1522 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

เรียกว่าได้ทำตามอีกหนึ่งความฝันแล้ว สำหรับ "เมญ่า - นนธวรรณ ฌรรวนธร" มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014 ที่ล่าสุดได้ก้าวสู่ถนนบันเทิงเต็มตัวกับการเป็นนางเอกละครเรื่องแรก "สาวน้อยร้อยล้าน" ประกบคู่พระเอกหนุ่ม ปอ - ทฤษฎี สหวงษ์ วันนี้ "ดาวต่างมุม" เลยขอนัดเธอมาพูดคุยเป็นการส่วนตัว ทั้งงานละคร และมุมมองการใช้ชีวิตที่เข้าวงการได้ไม่เท่าไหร่ก็มีข่าวต่าง ๆ นานาแล้ว รวมถึงแอบแง้มถึงหัวใจของสาวคนนี้ด้วย

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @maeyagirl (IG)


รู้สึกยังไงที่ได้มาแสดงละครเรื่องแรก "สาวน้อยร้อยล้าน"? 
ตอนที่ทราบว่าจะได้เล่นเรื่องนี้ก็ตื่นเต้นมาก เกิดมาเมญ่ามีหลายความฝันมาก บางความฝันเราได้ลองทำแล้ว มีอยู่อีกอย่างที่ยังไม่เคยลองทำคือละคร เมื่อก่อนดู "สะใภ้ไร้ศักดินา", "สาวน้อยคาเฟ่" ซึ่งเราก็นำเพลงในละครเหล่านี้ไปร้องประกวด และมีความคิดว่าวันนึงอยากทำแบบนี้บ้าง ดังนั้นละครเรื่องแรกเราเป็นละครเพลงที่คิดว่าใช่ตัวเราที่สุด เพราะเราก็เดินสายร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งทางผู้จัดเรื่องนี้ก็บอกว่าหานางเอกอยู่นานมาก และเราก็มีโปรไฟล์หลายอย่างที่ใช่สำหรับเขาค่ะ


คาแรกเตอร์ "น้อย" เวอร์ชั่น 2015 จะเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง? 
จริง ๆ เวอร์ชั่นที่แล้วหนูไม่ได้ติดตามมาก ที่แน่ ๆ เวอร์ชั่นนี้จะทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงสัมผัสกับความรู้สึกของคนต่างจังหวัดได้ค่อนข้างดี ทั้งการแต่งตัว คำพูดจา การมีน้ำใจ เป็นเรื่องของกลุ่มคนบ้านนอกที่ตามความฝันแบบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ทำทุกอย่างจนวันนึงสำเร็จ เหมือนเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนที่ตามฝันด้วย ซึ่งคาแรกเตอร์ของน้อย พูดแล้วขนลุกเพราะมันเหมือนตัวหนูเลย เป็นคนที่ตามความฝัน สู้คน และรู้กาลเทศะ คือตัวน้อยใครแกล้งเขา เขาสู้กลับ แต่หนูอยู่ในจุดที่ไม่สามารถตอบโต้คนได้ตลอด ก็ไม่เหมือนกับน้อยแค่ตรงนี้ ส่วนเรื่องมีความมุ่งมานะ มีความอดทน เป็นคนที่มีไหวพริบดี คล้ายกับหนู ไม่ใช่ว่าหนูเป็นคนฉลาดนะ เพียงแต่เราแก้ไขสถานการณ์ได้ค่อนข้างเร็ว เล่นเรื่องนี้แทบไม่ต้องปรับอะไรมาก เพียงแต่เราต้องแสดงความรู้สึกในแต่ละบทให้คนเข้าถึงได้ ซึ่งมันต่างจากชีวิตจริงที่เราแค่ทำให้คนมีความสุขเวลาที่เขาเห็นเรา แต่ในละคร หากเราทุกข์ก็ต้องทำให้คนดูเห็นว่าเราทุกข์อยู่จริง ๆ ให้คนดูร้องไห้ไปกับเรา ให้คนเชื่อว่าเราเป็นน้อยค่ะ


ความท้าทายของบทนี้คืออะไร? 
มีบางตอนที่โมเมนต์ชีวิตน้อย ณ ตรงนั้นเราไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นเราเลยต้องปรึกษาผู้กำกับ แอ๊คติ้งโค้ช รวมถึงพี่ปอเอง เขาก็จะคอยแนะนำ ส่วนเรื่องการร้องเพลงไม่ยาก เพราะโปรดิวเซอร์ปล่อยเมญ่าฟรี อันไหนที่เราไม่พอใจ คิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ก็ขอทำใหม่ เขาก็ให้ทำเลย เพราะเขาอยากให้ออกมาดี หนูอยากให้ละครเรื่องแรกของหนู เพลงลูกทุ่งที่หนูร้องนั้นคนจำได้ คนฟังแล้วคิดว่าเมญ่าทำได้ขนาดนี้เลยนะ ส่วนสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากตัวละครน้อยมีเยอะมาก ทั้งการแก้ปัญหาของเขาที่บางมุมเราก็คิดไม่ถึง ความรู้สึกลึก ๆ ข้างในของเขาที่บางทีเราสัมผัสได้ว่าเราก็เคยเป็นแบบนั้น เราก็อยากตบไหล่น้อยและบอกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป (ยิ้ม) มันเหมือนเรากับน้อยอยู่บนเส้นเดียวกันพอดีค่ะ

 

 

ได้เล่นกับ ปอ ซึ่งเป็นพระเอกเบอร์ต้น ๆ รู้สึกยังไง? 
พี่ปอไม่ใช่แค่พระเอกเบอร์ต้น ๆ แต่เขาเป็นพระเอกในดวงใจเราเลย หนูติดละครเขาแสดงเกือบทุกเรื่อง เหมือนเป็นแฟนคลับห่าง ๆ คือเราไม่รู้ว่าพี่เขาเป็นคนแบบไหน แต่ตอนที่เราได้ดู "ผู้ใหญ่ลีกับนางมา" ก็รู้สึกได้เลยว่านี่เป็นตัวตนเขา (หัวเราะ) พอมาแสดงละครด้วยกัน ทุกครั้งที่มากองถ่ายคุณแม่จะตำส้มตำกินเอง เพราะพระเอกและลูกชอบกิน และพี่ปอก็ชอบแกงปูของแม่มาก เขาไม่ได้ถือว่าตัวเองเป็นพระเอก เขาเป็นคนน่ารักค่ะ ส่วนในแง่การแสดงหนูก็ได้เรียนรู้จากพี่ปอเยอะเลย เขาเป็นคนที่สวิตช์ตัวเองไว พี่ปอจะมีการแสดงแบบไม่ได้พูดแต่สื่อออกมาได้เข้าใจทั้งทางสีหน้าและสายตา เขาเก่งมากและเขาก็สอนหนูเยอะมาก เขาสอนเราเรื่อย ๆ ไม่เคยมาจุกจิก อย่างบทยาก ๆ เขาก็จะบอกว่าลองเล่นแบบ นี้มั้ย ด้วยความที่เขามีประสบการณ์เยอะ เขาก็จะบอกว่าอันนี้ดีอยู่แล้ว แต่เราน่าจะเติมได้อีกแบบนี้ เราก็ชอบอยากให้เขาสอนเราเยอะ ๆ ค่ะ


เห็นมีเสียงวิจารณ์ตั้งแต่ก่อนละครออนแอร์ว่าไม่เหมาะบทนางเอก รู้สึกบั่นทอนกำลังใจบ้างมั้ย? 
ข่าวนี้มาในวันบวงสรวงเลยนะ ตอนที่อ่านข่าวนี้ก็รู้สึกน้อยใจ มีแอบร้องไห้นิดหน่อย (ยิ้ม) ด้วยความที่เราดูเข้มแข็งก็ไม่สามารถแสดงตัวตนว่าอ่อนแอให้คนอื่นเห็นได้ คือหนูตั้งเป้าหมายว่าเราจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น การที่เรามาร้องไห้ให้คนอื่นเห็น แล้วคนที่เห็นเราเป็นไอดอลอยู่คงรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเรา เลยต้องเก็บความรู้สึกนั้น แต่ก่อนที่จะถ่ายทำเราได้เจอกับพี่ปอก่อน เขาก็บอกว่าอย่าไปสนใจ คนก็พูดไป เขาก็ให้กำลังใจ อย่าไปคิดมาก ทำให้เขาดูไปเลย พี่เชื่อว่าน้องทำได้ เราก็ใจชื้น มีกำลังใจดี ๆ คือในขณะที่มีคนวิจารณ์ว่ามันเป็นแบบนี้ ก็มีอีกหลายคนที่มาซัพพอร์ตเรา จนเรารู้สึกว่าเราต้องพิสูจน์ให้คนกลุ่มนี้เห็น เพราะว่าเขามั่นใจในตัวเรา หนูคิดมากเรื่องนี้แค่วันเดียว คือหนูเข้ามาในวงการนี้หนูเจอข่าวหนัก ๆ มาประมาณ 3 ครั้งซึ่งสตั๊นต์ทุกทีที่เจอ และเราก็ต้องทำใจให้ได้ว่าเราอยู่วงการนี้มันต้องมีทั้งคนรักและเกลียด อย่างเราเห็นนักแสดงรุ่นพี่ที่เป็นไอดอลที่ดีมาก ไม่มีที่ติ แต่เขายังมีคนเกลียด เพราะคนพวกนั้นไม่ได้มาสัมผัสตัวตนเขา ฉันใดฉันนั้นค่ะ เขาอาจไม่ได้สัมผัสตัวตนเมญ่าว่าเป็นยังไง อาจเห็นแค่มุมที่เรามั่นใจ แต่ไม่ได้รู้จักเมญ่าในมุมอื่น เราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองตลอด


จากนางงามมาสู่การเป็นนางเอก สิ่งที่เรารู้สึกเปลี่ยนแปลงหรือต้องปรับตัวมากที่สุดคืออะไร? 
จริง ๆ การเป็นนางงามเราจะมีเรื่องบุคลิก การวางตัว การเข้าสังคม ถือเป็นพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว ส่วนการแสดงเราต้องเพิ่มรายละเอียดมากขึ้นจากการเป็นนางงามค่ะ เพราะเป็นนักแสดงเราไม่สามารถเป็นลุคนางงามได้ แสดงเสร็จก็มาเป็นตัวเอง เมญ่าถือคติอย่างนึงคือ เราทำหน้าที่อะไร ณ ตอนนี้ เช่น เราเดินแบบเราเป็นนางแบบ เราเป็นนางงามมีมงกุฎ เราก็เป็นนางงาม ไม่มีอะไรเลยเราก็เป็นเมญ่า ทำการแสดงเราก็เป็น "น้อย" เราต้องแยกคาแรกเตอร์และบทบาทของตัวเองให้ชัดเจน

 

 

เข้าวงการได้ไม่เท่าไหร่ ก็เริ่มมีข่าวด้านลบ เช่น หยิ่งบ้าง เรารับมือกับข่าวแบบนี้ยังไง? 
เมญ่าเป็นคนที่ไม่ปิดหูปิดตาตัวเอง เราจะยอมรับ ดูให้เห็นไปเลย เจ็บก็เจ็บแต่เจ็บไม่นาน หนูเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับการคิดบวก เราไม่นั่งอ้อนวอนขอหรือโทษใคร เราโทษที่ว่ามันเป็นเพราะการกระทำตรงนี้ แล้วมานั่งวิเคราะห์ว่าเขาไม่ชอบเราด้วยเหตุผลอะไร เราจะทำให้ดีกว่านี้ได้มั้ย เราจะแก้ไขยังไง ค่อย ๆ ไปทีละสเต็ป คือมันเป็นสิ่งที่ยากสำหรับคนนะที่จะแยกแยะได้ว่าเรากำลังโกรธ แต่เราต้องวางแล้วและต้องทำงานต่อ เมญ่าเองเคยโกรธหนัก ๆ อย่างการดิสเครดิต แล้วเราก็รู้ว่ามันไม่จริง เช่นว่าเมญ่าเหวี่ยงที่ตลาด อตก. เราก็นั่งนึกว่าไปที่นั่นตอนไหน คือทำไมต้องทำกันขนาดนี้ เรารู้ว่าเขาโกหก แต่หลายคนที่อ่านเขาไม่รู้ คิดว่าจริง หนูรู้สึกว่านี่แหละเป็นสิ่งที่ยากในการใช้ชีวิต รู้สึกว่าคนไม่ได้วางอยู่บนพื้นฐานความจริงแต่วางอยู่ในสิ่งที่คนอื่นพูด เราจึงต้องคอยเคลียร์ความคิดตัวเอง แยกความคิด ความรู้สึกและสิ่งที่เราจะทำ ต้องแยกให้มันเป็นระบบ ไม่งั้นเราจะกลายเป็นคนที่เหวี่ยงด้วยอารมณ์ ทำงานแล้วมีอารมณ์เผลอไผลไปตามโซเชียล ที่ใช้คำพูดยั่วยุ การดิสเครดิต การโกหก ถ้าเราอยู่กับอะไรแบบนี้เยอะ ๆ เรากลัวจะไปเลียนแบบพฤติกรรมเขา เลยเน้นกลับมาหาคนที่เป็นกำลังใจให้เรา หามุมดี ๆ ค่ะ


พูดจากใจจริงพอเริ่มมีชื่อเสียง เคยเหลิงไปกับสิ่งเหล่านั้นบ้างมั้ย? 
เมญ่าไม่มีคำว่าหลงระเริง แต่ลืมชีวิตตัวเอง อยู่กับงานมากเกินไป อยู่กับการที่เราต้องแคร์คนอื่น คิดว่าทำแบบนี้ไม่ได้ จนลืมว่าสิ่งที่เราอยากเป็น สิ่งที่เราฝันในแบบชีวิตธรรมดาของเราคืออะไร แต่หนูไม่เคยลืมตัวอยู่แล้ว แม่ก็สอนว่าลืมอะไรก็ได้ แต่อย่าลืมตัว ให้มีชื่อเสียงยังไงก็ยังต้องติดดินค่ะ เราเห็นตัวอย่างนักแสดงหลายคนที่โด่งดังแต่เขาไม่เคยลืมว่าตัวเองมาจากไหน เราก็รู้สึกว่าถ้าวันนึงเราดัง เราก็จะไม่ลืมตัวแบบนี้ เหมือนที่เราสร้างไลน์ออฟฟิศเชียลกลุ่ม แต่หนูไม่ได้ตั้งเป็นออโต้ หนูตอบทุกคนเลย บางคนส่งมาว่าเครียดมากเลย เป็นหนี้ คือเราอยากช่วยคนเท่าที่สามารถทำได้ อยากให้กำลังใจ หนูไม่อาจช่วยเขาเรื่องเงินได้ แต่แค่เราอยู่กับเขา ให้รู้ว่าเป็นคนนึงที่ฟังเขาอยู่ มันเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่หนูทำได้โดยที่เขาไม่ต้องรู้ว่าหนูเป็นนางงามค่ะ


แล้วเวลาที่เราเองท้อ กำลังใจสำคัญเรามาจากไหน? 
เราก็สร้างกำลังใจให้ตัวเองค่ะ ตั้งแต่เด็กแล้วเราโดนล้อต่าง ๆ นานา คือโดนมาเยอะ ร้องไห้มาเยอะมาก เวลาเรามีเรื่องน้อยใจ ก็ต้องคอยสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองตลอด ด้วยการหาอ่านหนังสือดี ๆ หรือดูชีวิตคนอื่น คือรู้ว่าเราลำบาก ณ ตรงนี้ แต่ยังมีคนที่ตกต่ำยิ่งกว่าเรา เราต้องหาจุดที่ว่าเห็นมั้ยเขายังสู้เลย ทำไมเราไม่สู้ เป็นการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ส่วนคติในการทำงาน คือหนูเชื่อว่าคนคิดบวกยังไงชีวิตก็ไปในทางบวก ต่อให้เราเจอเรื่องลบแต่เราคิดบวก เราก็จะสามารถแก้สถานการณ์นั้นให้กลายเป็นบวกได้ และเราก็เป็นคนที่พยายามไม่อคติ ไม่โกรธ เราจะไม่เก็บขยะที่คนมาทิ้งให้ค่ะ เราไม่ดม ไม่จับมัน เราจะนั่งมอง เพราะเมื่อไหร่ที่ใจเราเครียดหรือโกรธ จิตใจจะไม่สบาย หนูเป็นคนที่เครียดไม่นาน เจอปัญหาก็แก้ตรงจุด ก็จบ เจอปัญหาใหม่ก็แก้กันไป เพราะเราเจอปัญหากันเกือบทุกวัน จะสุขหรือทุกข์มันอยู่ที่ใจเราอย่างเดียวค่ะ

 

 

มองตำแหน่งในวงการบันเทิงของตัวเองตรงไหน? 
หนูไม่ได้คาดหวังเป็นซูเปอร์สตาร์ขนาดนั้น เราอยากให้มันเป็นไปตามโชคชะตา ถ้าคนไทยยังรักและให้โอกาส หนูก็พร้อมที่จะทำงานในวงการนี้ แต่หนูก็มีอย่างอื่นที่อยากทำอีก และถ้าตอนนั้นใจไปทางนั้น ก็ให้ใจพาไปเอง อย่างตอนหนูกลับมาประกวดนางงามอีกครั้ง ทั้งที่เราถอยแล้ว แต่ในใจที่ลึกกว่านั้นมันทำให้หนูกลับมาประกวด และต่อยอดมาได้เยอะขนาดนี้ หนูไม่อยากบังคับตัวเองทำอะไร ถ้าไม่อินกับมันจริง ๆ ก็จะไม่ทำค่ะ


ถามถึงเรื่องหัวใจ เห็นเคยบอกว่ามีคุย ๆ อยู่ ตอนนี้ยังคุยคนเดิมอยู่มั้ย? 
คนเดิมก็ยังคุยบ้าง แต่เวลามันห่างกัน หนูทำงานเยอะทุกวันจนแทบไม่มีเวลาคุยกันเลย เราก็แค่ถอยห่าง แต่เรายังให้กำลังใจกันเหมือนเดิม ยังเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด ก็อาจมีคนเข้ามาบ้าง ก็อาจไม่สนิทและรู้ใจเราเท่าคนนี้ค่ะ ด้วยความที่เขารู้จักกับเราตั้งแต่เรายังไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่เขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเดิม อีกอย่างตอนนี้เราก็คิดว่ายังไม่พร้อมเปิดใจกับความรักขนาดนั้น เวลาไม่มี เราไม่อยากกักหรือให้ความหวังมากกับใคร แต่ถ้าเขามีความสุขที่ได้คุยและให้กำลังใจเรา เราเองก็มีความสุขที่ได้ให้กำลังใจเขา เป็นเพื่อนที่คอยซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว เพราะเมญ่าก็เจอหลายอย่างในแต่ละวัน ตัวเขาเองก็เจอหลายอย่างในชีวิต ดังนั้นกำลังใจสำคัญที่สุด นั่นก็คือการมีคนที่เข้าใจเราค่ะ


เพื่อนสนิทโอเคกับสถานะนี้มั้ย เขาอยากใช้คำว่าแฟนรึเปล่า? 
เขาโอเคนะคะ บางทีเราไม่ต้องมีสถานะมากั้นความรู้สึก การที่บอกสื่อว่าเป็นแฟน แต่คบไม่กี่วันเลิก เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เราอยากให้เป็นความรู้สึกแบบเพื่อนสนิทกัน รู้ใจกันมาก ถ้าวันนึงมันพร้อมที่จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นกว่านี้ พ่อแม่ยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย ก็ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้มันยังไม่พร้อมในทางนั้นจริง ๆ ค่ะ

 

 

มีวิธีรักษาความสัมพันธ์กันยังไง? 
หนูว่ามันเป็นเพราะเราให้ช่องว่างระหว่างกัน ให้คนนั้นได้ทำงานและใช้ชีวิตของตัวเองได้เต็มที่ เราไม่ได้ตั้งสเตตัสว่าแฟนมาครอบไว้จนเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง หนูบอกเลยว่าถ้าคุณเจอคนที่ดี ไปเลย ไม่ต้องรอ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนห่าง ๆ ที่คอยดูแลกัน ตัวเราก็อยู่ไกลกันมาก ถ้าเขาเจอคนที่เข้าใจและดีกว่า เราจะแฮปปี้กับเขามาก เพราะการที่เราได้เห็นเขาเป็นแบบนี้มันไม่โอเค เราไม่อยากกักเขาไว้ ไม่ใช่เรามาถึงจุดนี้แล้วอยากทิ้งเขานะ แต่เขามีสิทธิที่จะใช้ชีวิตของเขาค่ะ


แล้วตัวเรายังเปิดรับคนอื่นด้วยมั้ย? 
หนูเปิดโอกาสให้ตัวเองมากกว่า เราไม่ได้อะไรกับใคร แต่หนูยังให้ทุกคนเป็นเพื่อนหมดเลย เรายังไม่มีเวลา ยังไม่อยากให้เธอมาอยู่กับเรา เป็นแบบนั้นแบบนี้นะ มันเหมือนทำให้คนไม่มีความสุขค่ะ ส่วนเรื่องการพร้อมมีคนรู้ใจก็คือรอแม่พร้อม แม่พร้อมเมื่อไหร่ก็ตอนนั้นค่ะ


ท้ายสุดมีอะไรที่อยากบอกแฟนคลับเราบ้าง? 
ขอขอบคุณมาก ๆ เมญ่ามาถึงจุดนี้ไม่ได้เลย ถ้าไม่มีคนไทยหรือแฟน ๆ ที่คอยสนับสนุนหรือให้กำลังใจเมญ่าในยามที่เราท้อมาก ๆ เราคงไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว แต่เรามีแฟน ๆ มีคนรอบข้างที่ดี ที่คอยให้กำลังใจ จนรู้สึกว่าเราต้องสู้เพื่อคนกลุ่มนี้ และสักวันก็หวังว่าคนที่ไม่ชอบเรา เพราะเรามั่นเกิน คนที่เกลียดเรา ได้เห็นในจุดที่เราเป็นในสักวัน ส่วนหวังให้เขามารักเลยรึเปล่า คือถ้าเขารักเรา เราก็พร้อมที่จะรักเขา ไม่เคยโกรธอยู่แล้วกับคนที่เคยว่าค่ะ แต่หนูต้องทำให้เขาเห็นในความสามารถก่อน เราพร้อมที่จะรับ ถ้าเขาติหนูแก้ได้หนูจะแก้ แต่ถ้ามันเป็นอคติจากเขา หนูก็ปล่อยให้เขาอยู่กับขยะในใจเขาไปค่ะ

 

: เมญ่า นนธวรรรณ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เมญ่า กระแต โชว์หรู สุดอลังการ เปิดตัวยิ่งใหญ่ “โรงแรมไมด้า ทวารวดี แกรนด์ นครปฐม"
  • 'เมญ่า' ลูกเป็ดขี้เหร่ สู่สาวงามที่สุดของประเทศ
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :