ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

'ชิปปี้ - ศิรินทร์' มั่น..สวยใส..หัวใจ 'นักมวย'

13 ก.ค. 2558 11:58 น. | เปิดอ่าน 1525 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

"ชิปปี้ - ศิรินทร์ ปรีดียานนท์" สาวสวยคนนี้โด่งดังขึ้นมาจากละครเรื่อง สุดแค้นแสนรัก กับบทหมอรัตน์ และถึงแม้วันนี้จะลาจอไปแล้ว แต่กระแสความแรงของเธอคนนี้ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จัก ชิปปี้ ศิรินทร์ ให้มากขึ้นรวมถึงกระแสของความรักที่หลายคนกำลังจับตามองกับนักมวย ดาวรุ่งที่ชื่อ "อองตวน ปินโต" และวันนี้ ชิปปี้ จะมาตอบทุกคำถามที่ทุกคนอยากจะรู้ เอาล่ะเราไปคุยกับสาวสวยคนนี้กันเลยดีกว่า

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @sirinissirin (IG)


สุดแค้นแสนรัก ทำให้โด่งดังมากในวันนี้ และการมีชื่อเสียงทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปมั้ย? 
ก็ดีใจเหมือนตอนเล่นละครเรื่องแรก คือ ซิกเซ้นส์ สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 เรื่องแรกก็มีคนพอรู้จักบ้าง แต่ก็หายไปนานเหมือนกันเพราะเรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายประมาณ 1 ปี กับ 4 เดือน ซึ่งมันก็นานคนก็อาจะลืมหน้าตาไปบ้าง พอกลับมากระแสตอบรับดีก็ดีใจค่ะ ทุกคนทั่วประเทศดูหมดเลย แต่ชีวิตเราก็ไม่ได้เปลี่ยนนะคะ ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ถามว่าจะต้องดูแลตัวเองมากขึ้นไหมก็ไม่นะคะ เพราะปกติก็ดูแลตัวเองอยู่แล้ว ก็เป็นคนชอบแต่งตัวและออกกำลังกาย


จริง ๆ ชิปปี้ อยากเป็นนักแสดงแต่เด็กไหม? 
ไม่ค่ะ ไม่คิดเลย ตอนแรกคิดแค่อยากเป็นครู อยากเป็นครูสอนเด็กเนอร์สเซอรี่ เพราะชอบเด็ก แต่มันก็ไม่น่าจะใช่ทาง และเหมือนโตขึ้นมาอีกหน่อย อยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ เลยมาเรียนทางออกแบบ แต่พอเรียนออกแบบก็ไม่รู้สึกว่าชอบ ตอนแรกก็คิดว่าเรียนออกแบบไปก่อนจบปริญญาตรีค่อยไปต่อแฟชั่นตอนปริญญาโท คือรู้สึกว่าพอไปเรียนแล้วมันก็ไม่ได้ดีเหมือนที่เราคิด งานหนักมากและเยอะ เราเลยรู้สึกว่าถึงเราจบมา เราก็คงไม่ได้ทำเหมือนที่เราเรียนมา เพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่งานที่เราชอบ และก่อนหน้าเข้ามหา’ลัยก็ได้เริ่มมาถ่ายโฆษณาค่ะ ก็ทำเล่น ๆ ไม่ได้ คิดอะไร ด้วยความที่เพื่อนเป็นนางแบบ นายแบบเยอะก็เลยทำบ้างก็ได้ พอมาทำก็ได้ไปแคสละคร ซิกเซ้นส์ก็ได้ และพอทำซิกเซ้นส์แรก ๆ ก็รู้สึกว่าไม่ชอบด้วยเหมือนเราก็ยังไม่เข้าใจการแสดง พอทำแล้วรู้สึกว่าไม่ชอบเพราะว่าเข้ามหา’ลัยงานก็เยอะ ก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากทำ เราก็คุยกับคุณครูแอ๊คติ้ง ครูก็เลยพูดว่าโอเคถ้าไม่อยากทำจริง ๆ อย่างนั้นก็ทำเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายให้มันดี เราก็โอเคทำไป และพอเหมือนมันพ้นจุด ๆ หนึ่งที่เราเข้าใจการแสดงมากขึ้น เราก็รู้สึกเอ็นจอยกับมันมากขึ้น


ตอนนั้นมันมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกไม่อยากเล่นแล้ว? 
อาจจะเป็นความรู้สึกว่าแบบเพิ่งเข้ามหา’ลัย ขนาดรับน้องก็ไม่ได้ไปรับน้องเลย มันไม่ใช่ว่าชีวิตเราหายไปนะ คือเรารู้สึกว่าเราใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนเพราะต้องทำงาน คือถ้าวันไหนไม่ถ่ายก็เรียนแอ๊คติ้ง หรือไปเรียนซึ่งมันก็แบบเพื่อนเขามีเวลาให้กันมากกว่าเขาก็จะสนิทกันมากกว่า เราก็จะรู้สึกว่าเราไม่มีเพื่อนเหมือนคนอื่น เราก็รู้สึกว่าทำไมเราต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ คือตอนนั้นเราก็คิดว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย ด้วยความที่เราถ่ายโฆษณาเราก็มีเงินเก็บ เราก็ไม่ได้ว่าไม่มีเงินทำอะไร หรือต้องมาทำอะไรแบบนี้ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้ชอบ

 

 

มาถึง สุดแค้นแสนรัก คิดนานไหมกว่าจะรับเล่น? 
ก็ไม่ได้คิดนาน เพราะคิดว่าเป็นโชคดีของเรา ที่ว่าเรื่องแรกเป็นตัวร้ายใช่ไหมคะ แล้วเรื่องนี้เป็นนางเอกเลย เราก็เลยรู้สึกว่ามันก็เป็นอีกก้าวหนึ่งนะ ที่มันเป็นสเต็ปใหญ่ที่แบบหลาย ๆ คนที่มาทำงานจุดนี้เขาอยากเป็นนางเอก แล้วเราเห็นชื่อนักแสดงและอ่านเรื่องย่อ รู้สึกว่าคนไทยทุกคนน่าจะชอบ และมันเป็นละครที่สอนคนดูด้วย ก็เลยรู้ว่าเอาดิ ทำไมไม่เอา แล้วตอนถ่าย ก็ไม่ได้ห่วง ไม่ได้กังวลอะไรนะคะ แค่รู้สึกว่าเราควรทำพาร์ตของเราให้ดีเท่านั้นเอง แล้วพอละครออกมาประสบความสำเร็จ ก็รู้สึกดีใจค่ะ


ถามเรื่องเรียนบ้าง ตอนนี้ชิปปี้เรียนที่ไหน? 
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ อินเตอร์ คณะสถาปัตย์ค่ะ แต่คิดไว้แล้วว่าจบออกมา ก็คงไม่ทำสถาปัตย์อยู่ดี คือคิดไว้ว่าถ้าไม่ทำงานในวงการนี้ก็คงไปต่อโทที่เมืองนอก คือจริง ๆ แล้วเราอยากเรียนแฟชั่นดีไซน์ แต่ด้วยความที่เรียนจบอินเตอร์มา ทำให้ไม่สามารถเรียนภาคภาษาไทยได้ คือมันมีแฟชั่นดีไซน์ภาคภาษาไทย ในคณะศิลปกรรม แต่ว่าเราไม่มีอะไรไปยื่นสอบเข้า เพราะไม่ได้ไปสอบภาษาไทย ก็เลยต้องเลือกคณะอินเตอร์ที่เราคิดว่าเราจะโอเคกับมัน ตอนแรกที่เรียนเพราะมันก็ต่อยอดได้นะ ก็เป็นดีไซน์เหมือนกัน ดีซะอีกที่มันได้ออกแบบหลาย ๆ อย่าง พอเรียนไปก็รู้สึกว่าไม่ได้ชอบขนาดนั้น แต่ก็ต้องเรียนไป คือเราคิดว่าหลาย ๆ คนเขาเรียนจบไม่ได้แปลว่าเขาชอบ เราคิดว่าวุฒิของปริญญาตรี มันปรู๊ฟให้คนรู้ว่าคนเรามีความพยายามมากน้อยแค่ไหนมากกว่า ดูประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของทุกคนอะ ไม่ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองเรียนจบมา แต่ว่าทุกที่ที่ทำงาน เขาอยากได้คนที่มีวุฒิ เพื่อพิสูจน์ว่าอย่างน้อยมันก็ได้ผ่านจุด ๆ หนึ่งที่บางคน 4 ปีก็ไม่จบ เราอะอาจจะไม่จบ 4 ปี ชิปปี้ว่าสำหรับเรามันคือการทดสอบความพยายามมากกว่า


แล้วเป็นคนมีความฝันของตัวเองไหม? 
ก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ความฝันของตัวเองคืออะไร ตอนนี้อยู่ในช่วงค้นหาตัวเองว่าจริง ๆ แล้วต้องการอะไร ก็โตแล้วแหละจริง ๆ มันควรหาได้ตั้งนานแล้ว แต่เราเป็นคนรู้สึกว่าทำอะไรก็ได้ นี่ก็โอเค นั่นก็โอเค จนไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร ถามว่าคิดว่าจะหาเจอเมื่อไหร่ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่ ณ ตอนนี้รู้สึกว่าโอเคการแสดงนะ แต่จริง ๆ แล้วชิปไม่ได้อยากเข้ามาอยู่วงการนี้ ไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่าเราเป็นใครยังไง แต่ถ้าเกิดว่าอยู่ในแง่มุมของนักแสดง ถ้าจะให้ซักเซสก็ต้องมีชื่อเสียง ก็ต้องให้คนอื่นรู้และยอมรับในฝีมือ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆแล้วชิปไม่ได้ต้องการตรงนี้ค่ะ

 

 

ดูเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง? 
ใช่ค่ะ ตัวชิปเองก็ไม่ได้เป็นคนเข้าถึงยากนะ มันแล้วแต่อารมณ์เราด้วย เป็นคนหลากหลายมาก ๆ คืออย่างคนถามว่าชอบแต่งตัวยังไง คือมันแล้วแต่อารมณ์มากกว่า บางวันก็หวาน บางวันก็เท่ บางวันก็เปรี้ยว แต่ว่าไม่ได้เป็นคนฟรุ้งฟริ้ง คือชิปไม่ใช่คนหวาน คือหมายความว่าหวานได้นะ แต่ไม่ชมพูจ๋าจนเกินไป ส่วนเรื่องการออกกำลังกายก็เหมือนกัน ชิปไม่สามารถทำกีฬาแบบโยคะได้ เพราะว่าไม่มีความอดทนขนาดนั้น เรารู้สึกว่ามันน่าเบื่อ คือเราเป็นคนที่ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ ไม่ชอบทำอะไรช้า ๆ เลยเลือกที่จะไปต่อยมวย มันสนุกดี ยิ่งถ้าเวลาที่อารมณ์ไม่ดีอยากปลดปล่อยก็ใส่เต็มที่เลยค่ะ เล่นเสร็จก็สบายตัว สบายใจ ปล่อยออกมาหมดแล้ว


พูดถึงเรื่องมวย งั้นขอถามถึงเรื่องที่เป็นกระแสอยู่หน่อย กับนักมวย อองตวน ตอนนี้ความสัมพันธ์เป็นยังไง? 
เรื่องอองตวน ชิปกับเขาก็รู้จักกันนานมากแล้ว 4-5 ปี แล้ว คือเราก็เป็นเพื่อนกัน ด้วยความที่ชิปชอบต่อยมวย และตอนแรกเราไม่รู้ว่าเขาเป็นนักมวย มารู้ทีหลัง ก็แบบเอ้าเป็นนักมวยเหรอ จากนั้นเราก็มีเจอกันบ้าง คุยกันบ้าง และเริ่มคุยกันมากขึ้นเพราะว่าเรื่องมวย ว่าเฮ้ยยูมันเป็นยังไงอะ เราเตะต่อยโอเคไหม แต่ถามว่าจีบมั้ยไม่ได้จีบเพราะว่าด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่แรก มันใช่เหมือนกับคนที่แบบเจอผู้หญิงคนหนึ่งแล้วแบบเฮ้ยคนนี้สวยอะชอบอะ อยากจีบมันไม่ใช่ค่ะ เราสนิทกันแบบเพื่อนมากกว่า แต่ยอมรับว่าด้วยความที่สนิทกันมากขึ้น ก็มีความรู้สึกดี ๆ และเหมือนความสัมพันธ์ก็พัฒนาขึ้น แต่ถ้าถามว่าเป็นแฟนแล้วยัง สำหรับหลาย ๆ คน อาจจะบอกว่าเป็นแฟนกัน แต่สำหรับเราขอพูดว่าเราศึกษาดูกันอยู่ดีกว่า เพราะว่าสมัยนี้เขาจะไม่เชื่อหรอก เพราะถ้าเราบอกว่าไม่ใช่แฟน เพราะว่าคนเราสมัยนี้ถ้าเกิดว่าชอบกัน มันก็คือพร้อมเป็นแฟนกันแล้ว แต่สำหรับเราคือเราสนิทกันมานาน เราว่าคนที่เรียกว่าแฟนมันควรจะศึกษาดูใจกันมาพอสมควร แต่สำหรับชิป ไม่คิดว่าถ้าเราชอบกันแล้ว เราควรจะเป็นแฟนกันเลยนะ และอีกอย่างชิปว่ามันไม่มีเวลากำหนดหรอกว่าปีหนึ่ง สองปี สามปี เรียกว่าแฟนได้แล้ว ชิปว่าถ้าเราพร้อมเมื่อไหร่ตอนนั้นแหละคือเป็นแฟน เราไม่กลัวว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ เพราะว่าเป็นเพื่อนกับเขามานาน ก็ไม่กลัวว่าเขาจะรอนาน เขาจะเบื่อ เขาจะไปชอบคนอื่นหรืออะไร เราอยากแบบมั่นคงมาก กว่า อยากมีความสัมพันธ์ที่ไม่ได้สมมุติถ้าเป็นแฟนกันแล้ว เพราะว่าชอบกันอย่างเดียว มันไม่รู้ว่าเราจะเลิกกันเมื่อไหร่ และด้วยความที่เราทำงานอย่างนี้ เราก็ไม่ค่อยมีเวลา พี่เขาก็ไม่ค่อยมีเวลา ฉะนั้นเราต้องการความมั่นคง และเราก็เป็นคนอยากมั่นใจกับความสัมพันธ์ค่ะ


สำหรับ อองตวน คืออยู่ในสถานะนี้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน? 
ใช่ค่ะ ก็เหมือนเป็นเพื่อน เป็นพี่ เหมือนเป็นคนสนิท

 

 

แล้วตอนนี้กับงานในวงการแพลนยังไง? 
ก็ไม่ได้แพลนว่าจะต้องเป็นที่หนึ่ง แต่เราแค่ทำแล้วรู้สึกว่าหนูเอ็นจอยกับมัน และคนดูก็เอ็นจอยกับมันเหมือนกัน ก็โอเค ทำให้ดีที่สุดเท่าที่มีศักยภาพค่ะ


ข่าวว่ามีการไปเรียนเพิ่มเติมด้วย? 
ใช่ค่ะ เรารู้สึกว่าเราด้อยกว่าคนอื่นไม่ได้ค่ะ ดีแล้วก็ดีกว่านี้ได้อีกค่ะ ตอนนี้ก็เรียนร้องเพลง มันก็จะช่วยในเรื่องการโปรเจคท์เสียง หรือถ้าไปร้องเพลงออกงาน มีอีเวนต์ ก็ใช้ได้ค่ะ


สุดท้ายแล้ว อยากจะฝากอะไรถึงแฟน ๆ ของเราหน่อยมั้ย 
ก็ฝากติดตามผลงานของชิปด้วยนะคะ และตอนนี้กำลังถ่ายละครเรื่องแรงตะวันอยู่คู่กับพี่อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์ ตอนนี้ก็ถ่ายไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ก็น่าจะออกประมาณสิ้นปีค่ะ และตอนนี้ก็กำลังมีรีรันของสุดแค้นแสนรักที่ช่อง 3 SD ถ้าเกิดว่าใครคิดถึงก็ติดตามกันนะคะ

 

: ชิปปี้ ศิรินทร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • "ชิปปี้ ศิรินทร์" เป็นปลื้มโชว์เสียงใสละมุน ร้องเพลง "จันทร์" ประกอบละคร "บุหลันมันตรา"
  • "ช่อง 8" มือไวคว้า "ชิปปี้" ลงละคร "บุหลันมันตรา" เรื่องแรกหลังเป็นนักแสดงอิสระ ประกบ “นิว-ยีน"
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :