ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

'ไอด้า' เก็บอดีตเป็นบทเรียน ก้าวต่อในบทบาท 'ซิงเกิ้ลมัม'

1 ธ.ค. 2557 11:13 น. | เปิดอ่าน 1527 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

หากเลือกได้ผู้หญิงทุกคนอยากมีคู่ชีวิต ครอบครัวที่อบอุ่น คุณแม่ลูกหนึ่งสุดชิคอย่าง "ไอด้า - ไอรดา ศิริวุฒิ" วัย 26 ปี ก็มองชีวิตไว้แบบนั้นเช่นกัน กระทั่งการเปลี่ยนแปลงมาถึงเมื่อ ความสัมพันธ์กับอดีตสามี แอมมี่ - ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ บอททอมบลู ยุติลงเพราะปัญหามือที่สาม "ไอด้า" ต้องกลายเป็น "ซิงเกิ้ลมัม" ของลูกสาว "น้องลัลลาเบล" ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยสำหรับชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง งานนี้ "ดาวต่างมุม" จึงนัดแนะสาวไอด้ามาเปิดใจเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเธอได้เรียนรู้อะไรบ้าง เพื่อทำให้ตัวเองเข้มแข็งและก้าวเดินต่อไปข้างหน้าติดตามกันเลยค่ะ

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์


จุดเริ่มต้นเข้าวงการ?
"ตอนนั้น 4 ปีที่แล้วเป็นนักศึกษาธรรมดาปี 1 ไปเดินสวนจตุจักรกับพ่อค่ะ แล้วมีพี่นิตยสารชีสถ่ายรูปเราไป จนมาปี 4 ถึงมีคนติดต่อมาสนใจมาลองถ่ายแบบชีสแม็กกาซีนมั้ย จากนั้นก็ถ่ายชีสมาเรื่อย ๆ จนมี ผกก. ชวนหนูไปแคสติ้งถ่ายเอ็มวี งานตอนนี้ทำอะไรบ้างหลัก ๆ เป็นดีเจที่คลื่นเก็ต 102.50 เมกะเฮิรตซ์ รายการเลดี้ทรีเจนท์ ช่อง 3 นอกนั้นก็รับถ่ายแบบค่ะ"


เราเรียนรู้อะไรจากวงการบันเทิงที่ได้สัมผัสมากว่า 5 ปีบ้าง?
"เรียนรู้เยอะมาก ทั้งวินัย ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา สัมมาคารวะคือสิ่งสำคัญ เราไม่ได้มาทางละคร มีแต่เล่นหนัง พิธีกร ดีเจ และนางแบบมากกว่า เพราะสไตล์ตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงจ๋า การเล่นละครต้องเป็นผู้หญิงสวย เปลี่ยนทรงผมแต่งหน้าได้ทุกแบบ แต่สำหรับเราคิดว่าต้องเป็นตัวเองถึงจะดีที่สุดค่ะ มีละครติดต่อมาเหมือนกัน แต่ตอนนั้นคิดว่าตัวเองไม่เหมาะ แต่ถ้าหากมีบทที่ดีและเหมาะกับเราไม่หลอกตัวเราจนเกินไปก็อยากจะลองเหมือนกันค่ะ"


จากวันนั้นจนวันนี้ชีวิตในวงการเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบมั้ย?
"ชอบนะคะ ตอนแรกเราเฉย ๆ ทำได้ก็ทำเพราะมีรายได้ แต่พอทำไปสักพัก เราชอบนะเป็นพิธีกร ดีเจ ชอบมาก ยิ่งไม่มีสคริปต์เราจะเป็นตัวเอง ส่วนเป็นนางแบบก็สนุกได้แต่งตัวเป็นโน่นนี่ วันปกติเราไม่ได้แต่งก็ได้ลอง แฮปปี้เลยแหละ"

 

 

คนก็จะจำภาพ ไอด้าคือสาวแนว ๆ การแต่งตัวไม่เหมือนใคร?
"ใช่ค่ะ คนจะจำเราได้ภาพนั้น มีทั้งคนชอบที่เราแต่งตัวเป็นตัวเอง มีเอกลักษณ์ แต่บางคนมองว่าไอด้าเยอะไป แต่ไม่ซีเรียสเลย เราแฮปปี้ที่จะแต่งตัว ไม่มิกซ์เสื้อผ้าก่อนออกจากบ้านนะไม่ได้เลย เราชอบแต่งตัวตั้งแต่จำความได้เลย เป็นคนเยอะค่ะ (หัวเราะ) มั่นใจในสิ่งที่เราเป็น ไม่ใช่มั่นใจ ชั้นสวย แค่อยากใส่อะไรก็ใส่ รู้สึกแค่ว่าตัวเราชอบ ถึงเพื่อนบอกไม่โอเคเราก็ยังจะใส่ ถ้าเราแฮปปี้ มั่นใจ"


ครอบครัวเป็นยังไง มีพี่น้องมั้ย?
"มีพี่น้อง 4 คนค่ะ มีพี่ชายคนโต ไอด้าคนที่สอง และมีน้องสาวอีกสองคน เป็นครอบครัวที่น่ารักอบอุ่นเหมือนเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง แต่คนเข้าวงการจริงคือ ไอด้า ส่วนน้องสาวถ่ายแบบบ้าง แต่น้องขี้อายและไม่ชอบด้านนี้เลยไม่ได้เคี่ยวเข็ญอะไรเค้า ขึ้นอยู่กับเค้าเลยทำได้ก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร"


ไอด้าเรียนจบที่ไหน คณะอะไรมา?
"ไอด้าจบมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีอาหาร ไม่ได้ทำงานด้านที่จบมาเลย (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นเรากำลังจะเรียนจบก็ได้มาเล่นหนังพอดีจนต่อยอดเรื่อย ๆ ดูลุคไม่น่าเรียนด้านนี้เลยใช่มั้ยคะ (ยิ้ม) ตอนนั้นเราไม่รู้จะเรียนด้านไหนดี ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ บางคนก็ถามหนูว่าทำไมไม่เรียนด้านแฟชั่น เห็นแต่งตัว ชอบแต่งแต่ไม่ชอบเรียน เลยเลือกทางวิศวกรรมเพราะสนใจ แล้วเราเป็นคนเรียนได้โอเคเหมือนกันเรียนจบเมื่อปี 2553 ค่ะ ก่อนเข้ามาทำงานวงการจริงจัง"

 

 

ชีวิตตัวตนของไอด้าเป็นคนยังไง เพราะดูภายนอกจะต้องเปรี้ยว ๆ?
"คนชอบคิดว่าไอด้าหยิ่งแน่ ๆ ด้วยการแต่งตัว ดูเหวี่ยง ถ้ามองจากภายนอกเค้าต้องคิดว่าเปรี้ยว ซึ่งตัวจริงไม่เปรี้ยวเลย ไม่ใช่ผู้หญิงใส่ส้นสูง ปากแดง แต่ถ้ารู้จักก็จะรู้ว่าหนูค่อนข้างให้ความสำคัญกับมารยาท กาลเทศะกับผู้ใหญ่มาก แต่ไม่ได้นิสัยดีเป็นนางฟ้า โลกสวยขนาดนั้น เป็นคนสบาย ๆ ถ้าอยู่กับเพื่อนจะเมาท์ พอคนมาคุยกับหนูจะชอบบอกว่าหนูเรียบร้อยกว่าที่คิดไว้นะคะ (ยิ้ม)"


เราเป็นคนหนึ่งที่ทำงานในวงการตั้งแต่อายุน้อย ๆ มันโอเคมั้ย?
"ดีนะคะ ทำให้เราโตขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น ฝึกประสบการณ์หลายอย่าง การบริหารเวลาก็ท้าทาย เพราะงานในวงการเป็นงานที่ไม่เป็นเวลาเลย แต่ไม่เคยคิดว่าจะหยุดทำแล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติ เพราะไอด้ามองว่าตัวเองไม่ได้ดังขนาดนั้นไงคะ ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ เลยใช้ชีวิตปกติเลย"


การมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง และเป็นตัวของตัวเองสำคัญมากน้อยแค่ไหน?
"สำคัญค่ะถึงจะไม่ใช่ดารา ยิ่งสังคมในวงการบันเทิงไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น มีสิ่งยั่วยุมากมาย ผู้ชายผู้หญิงหน้าตาดี งาน ชื่อเสียง เงินทอง ถ้าคุณหลงไปก็ไม่โอเค ตัวไอด้าไม่เคยเฉียดที่จะหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองดัง แต่มีที่ใช้เงินเยอะเพราะหาเงินได้หลุด ๆ บ้าง แต่เรามีเพื่อนคอยดึงกันไว้ มีอะไรก็บอกตรงๆ เราต้องใจแข็งไว้"

 

 

ครอบครัวเราสนับสนุนมั้ยพอรู้ว่าจะทำงานในวงการ?
"ตอนแรกที่บ้านไม่โอเคเลย คุณพ่อคุณแม่อยากให้เรียนสูง ๆ ทำงานมั่นคง เค้าก็ห่วงในแบบผู้ใหญ่ แต่พอแสดงให้พ่อแม่เห็นเรารับผิดชอบได้ทั้งการเรียนและทำงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร พ่อแม่เลี้ยงไอด้าเป็นเพื่อน สบาย ๆ ไม่เครียด มีอะไรพูดกันได้ทุกเรื่อง รู้สึกโชคดีที่เวลาเจอเรื่องเครียดเราก็ไม่เครียด ที่บ้านใจเย็นมากไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร เลยทำให้เราดูเป็นตัวอย่างอย่างมีสติเพราะไอด้าเป็นคนใจร้อนมาก"


อีกหนึ่งบทบาทคือการเป็นคุณแม่ยังสาวของ “น้องลัลลาเบล” ชีวิตเปลี่ยนแปลงแค่ไหน?
"ทำอะไรก็ต้องคิดถึงลูกก่อน จัดระเบียบชีวิตมากขึ้น ตอนนี้น้อง 2 ขวบแล้วโตไวมาก เหมือนเพิ่งท้องเค้าเมื่อไม่นาน ตอนนั้นวิกฤติสุด ๆ เพราะหนูเป็นไทรอยด์และธาลัสซีเมีย แต่ไทรอยด์อันตรายกว่าเพราะเราเป็นแบบผอมสารอาหารไม่ถึงแม่ก็ไปไม่ถึงลูก โรคกำเริบหนักเพราะมีน้อง ร่างกายแย่ แต่โชคดีที่สุดท้ายเราผ่านมาได้แล้วน้องก็โตมาแข็งแรงมาก ผ่านตรงนั้นมาเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่จริง ๆ มีลูกรู้ดีที่สุดเลย"


ไอด้าเลี้ยงลูกยังไงในแบบของเรา?
"เลี้ยงเหมือนเป็นเพื่อนกัน แบบที่เราเติบโตมาจากครอบครัวเรา เรามีความสุขชีวิตแบบนั้น เรื่องโรงเรียนก็ตามสเต็ป จะมีแค่กรอบบาง ๆ ไม่บังคับให้ชอบอะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าชอบอะไรจะสนับสนุนเต็มที่ ถามว่ามีแววเข้าวงการมั้ย มีนะคะ (หัวเราะ) โพสท่าถ่ายรูปนี่จิกสุด ๆ ด้วยความที่ผู้คนรู้จักเราและลูก โตขึ้นก็คงต้องเข้มงวดเรื่องนี้หน่อยกลัวเขาโดนสปอยล์เยอะ ลัลลาเบลพัฒนาการดีมาก เค้าฉลาดเพราะเราพาไปเจอผู้คนเยอะ"

 

 

พอรู้ว่ามีน้องก่อนแต่งงาน ครอบครัวเราพูดคุยกันยังไง?
"ครอบครัวหนูให้กำลังใจดีมาก คุณพ่อคุณแม่ใจเย็น ไม่ได้มองว่าท้องก่อนแต่งงานคือปัญหาใหญ่โต แต่เป็นเรื่องดีที่เรามีลูก เราดูแลตัวเองไม่เดือดร้อนใคร ในมุมมองของหนู ถ้าดูแลตัวเองได้ การมีครอบครัวเร็วก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ตอนนั้นไม่เคยรู้สึกว่ามันคือความผิดพลาด เพราะเราตัดสินใจด้วยตัวเองว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน เราก็มีงานทำ ดูแลตัวเอง ไม่ได้ขอเงินพ่อแม่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ส่งเสริมให้คนอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน ถ้าคุณยังไม่พร้อมอย่าเพิ่งเป็นแบบนั้นจะดีที่สุดค่ะ"


แต่ก็ต้องมาเจอวิกฤติเป็น "ซิงเกิ้ล มัม"?
"ใช่ค่ะ ตอน นี้เป็นซิงเกิ้ลมัมเลี้ยงลูกเองเต็มตัว แต่หนูไม่ฟูมฟาย เพราะมันเสียเวลาเปล่า ก็หาทางแก้ไขปัญหา เราต้องอยู่เพื่อลูก ฉะนั้นอะไรที่พังไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งพยายามประสาน ตอนล้มก็ล้มเอง ตอนที่จะลุกก็ต้องลุกเองให้ได้ค่ะ"


จากนี้แบ่งการดูแลลูกกับแอมมี่ยังไง?
"หนูไม่ได้ปิดกั้นเค้า เราไม่อยากให้ลูกมีปัญหาโดนกีดกันไม่ให้เจอพ่อ เราพยายามทำให้มันสมบูรณ์ที่สุด ไม่อยากให้ลูกรู้สึกขาด โอเคพ่อกับแม่อยู่ด้วยกันไม่ได้จริง ๆ แต่เรายังคุยกันเป็นเพื่อน มาหาลูก มาเล่น ใช้ชีวิตด้วยกันได้ตามปกติ ให้ลูกไม่รู้สึกว่านี่คือปัญหา เราอาจจะไม่รักกันในฐานะคนรักแล้ว แต่เรายังเป็นเพื่อนที่คอยห่วงใยกันเหมือนเดิม ตอนนี้ก็ยังคุย มาเยี่ยมลูกปกติ"

 

 

ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ สุดท้ายมาลงเอยแบบนี้เสียดายมั้ย?
"ตัวหนูเองก็ไม่คิดว่าชีวิตต้องมาเจอปัญหาแบบนี้อย่างที่เป็นข่าว แต่โอเคมันเกิดขึ้นแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้ขอเดินหน้าดีกว่า มันไม่ใช่ความผิดครั้งเดียว ฉะนั้นพยายามยื้อไปคงไม่ดีสำหรับเรา นี่คือทางออกที่ดีที่สุด ดีกว่าอยู่ด้วยกันแล้วลูกต้องมาเห็นหรือรับรู้สิ่งที่ไม่เหมาะสม เราคิดรอบคอบแล้ว แอมมี่ก็โอเคที่จะทำหน้าที่ในส่วนของพ่อให้ดีที่สุด อนาคตไม่อยากพูดจริง ๆ ว่าเราจะกลับมาดีกันได้มั้ย หรือไม่มีทางกลับมาดีกันอีกแล้วก็ได้ แต่ตอนนี้เราแฮปปี้กับสถานะแบบนี้ค่ะ สบายใจกว่าเป็นสามีภรรยาเยอะ"


ตอนที่โพสต์ว่ามีปัญหามือที่สามลงไอจี ไม่คิดว่ามันอาจส่งผลถึงอนาคตเหรอ?
"ตอนตัดสินใจโพสต์เราคิดดีแล้ว ไม่ได้อยากทำ แต่เผอิญเรื่องไม่จบ ถ้าคุณทำแบบนั้นก็โอเคที่ต้องเจอแบบนี้ เราไม่รู้สึกว่าตัดสินใจผิดพลาดหรืออะไร คนเรามองต่างมุมได้ แต่ไอด้าเชื่อว่าถ้าใครเจอเรื่องนี้กับตัวเองคงรับไม่ได้เช่นกัน แต่มันคือความจริงที่เราอยากระบายออกมาบ้าง"


เข็ดความรักมั้ย?
"เข็ดค่ะ (ยิ้ม) เพราะเป็นความรักที่จริงจัง ไม่คิดเลยจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราทำหน้าที่เต็มที่ เจอแบบนี้รู้สึกแย่มาก แต่ไม่จมกับความทุกข์นาน เรื่องความรักครั้งใหม่ไม่อยากจะพูดว่าคงไม่มีอีก อนาคตเราก็ไม่รู้ ยังไม่พร้อมมีใครใหม่หน้าลัลลาเบลแปะไว้ที่หัวตลอด ผู้หญิงที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้วก็ยากที่คนจะเข้ามา แต่เราไม่โฟกัส แค่เรื่องความรัก ตอนนี้ดูแลลูกให้ดีที่สุดดีกว่า"

 

 

เรียนรู้อะไรจากปัญหาที่เกิดขึ้นบ้าง?
"ชีวิตคู่มีรายละเอียดเยอะ เราอาจจะคิดว่าตัวเราทำดีที่สุดแล้ว แต่บางทียังไม่พอสำหรับคนคนหนึ่งก็ได้ สุดท้ายไอด้ายังเชื่อว่าการเรียนรู้กันให้นานที่สุดยังเป็นเรื่องจำเป็น มีสติในการเลือกคู่ครอง คนยุคนี้ซับซ้อนไม่เหมือนยุคพ่อแม่เราที่รักกันจริง ๆ แต่ของเราสิ่งยั่วตายั่วใจเยอะ การเข้าหากันง่ายขึ้น ต้องมีสติค่ะ"


อยากบอกอะไรกับคนที่เจอสถานการณ์แบบเรา?
"คงไม่มีใครอยากเจอเรื่องแบบนี้ และระดับการยอมรับความเจ็บปวดคนก็แตกต่างกันไป แต่ยังไงต้องผ่านไปให้ได้ เรายังมีลูก มีครอบครัว เพื่อน ทุกคนอยู่ได้ด้วยตัวเอง อย่าคิดว่าฉันล้มแล้วลุกไม่ได้แน่ ๆ ทุกอย่างต้องใช้เวลา นึกถึงตัวเองให้มาก ๆ รักตัวเองเยอะ ๆ ค่ะ"


ฝากถึงแฟน ๆ "ทีมไอด้า" ที่ติดแท็กให้กำลังใจในไอจีเยอะเลย?
"ขอบคุณ "ทีมไอด้า" นะคะ (หัวเราะ) ตกใจมาก คนติดแท็กเยอะมาก ๆ คนในสังคมเจอเรื่องแบบนี้เยอะ ในข้อความเฟซบุ๊กแฟนเพจของหนูมีคนเข้ามาปรึกษาเยอะมาก ทำให้รู้ สังคมอยู่ยากขึ้น ศีลธรรมในใจคนลดลง ผู้หญิงเป็นซิงเกิ้ลมัมเลี้ยงลูกเอง เพราะสามีมีคนอื่น โดนหลอก โดนทิ้งเยอะมาก ขอเป็นกำลังใจให้คนที่เจอเหตุการณ์แบบเราต้องเข้มแข็งและยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง ขอบคุณทุกกำลังใจ ดีใจที่สังคมไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องแบบนี้ การที่โพสต์เรื่องราวออกสื่อเราต้องการให้เป็นบทเรียน เป็นตัวอย่างให้คนที่คิดทำไม่ดีกับครอบครัวคนอื่นควรมีสติ กฎแห่งกรรมมีจริงนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจดี ๆ ที่มอบให้กัน ขอบคุณมากค่ะ (ยิ้ม)"

 

: ไอด้า ไอรดา

 
 
 
ร่วมแสดงความคิดเห็น
 
ชื่อ :
 
ความคิดเห็น :