ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

'กรีน' ฝ่ามรสุมชีวิต ยึดอดีตเป็นบทเรียน

8 เม.ย. 2557 11:38 น. | เปิดอ่าน 1528 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

ก่อนหน้านี้เหมือนกระแสของนางเอกสาว กรีน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล กำลังมาแรงไม่แพ้นางเอกร่วมช่อง 7 คนอื่น ๆ แต่หลังจากที่เธอเจอมรสุมชีวิต เมื่อแฟนหนุ่ม เคลลี่ ธนะพัฒน์ มีปัญหาขัดแย้งกับพ่อของกรีน ทำให้เธอตกสถานะลำบาก คนหนึ่งก็พ่อ คนหนึ่งก็แฟน เจอกระแสสังคมโจมตีอยู่พักใหญ่ ส่งผลให้ความนิยมในตัวเธอลดลง แต่เมื่อละคร "หางเครื่อง" ออนแอร์ ชื่อของเธอเริ่มกลับมาอีกครั้ง วันนี้ "ดาวต่างมุม" จึงนัดเธอมาอัพเดทเรื่องราวชีวิตว่าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว

ที่มา : ดาวต่างมุม เดลินิวส์

 

ละคร 'หางเครื่อง' ฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง
"ก็โอเคค่ะ จริง ๆ ตอนที่เล่นละคร "มายาสีมุก" เรตติ้งประมาณ 18-20 แต่มาเรื่องนี้แค่ 9 เท่านั้น จริง ๆ ละครเรื่องนี้เป็นละครที่สนุก แต่คงเป็นเพราะตอนนี้ละครในช่องเคเบิลค่อนข้างเยอะ มีการแข่งขันสูง คนก็คงไปดูช่องอื่นมากขึ้น ทำให้เรตติ้งละครเรื่องนี้ลดลงด้วย แต่เราก็ยังได้กลุ่มคนที่เป็นแฟนละครต่างจังหวัดเยอะขึ้นมาก เวลาไปงานคนรู้จักเราเยอะขึ้นให้การต้อนรับดีมาก เรื่องเรตติ้งวัดอะไรมากไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกมีช่องอื่น ๆ เข้ามาแชร์เรตติ้งละครไป ทำให้ต้องมีการวัดใหม่คงจะไม่เยอะเท่าแต่ก่อนที่เคยเป็น อย่างสมัยก่อนมีแค่ไม่กี่ช่อง แต่ตอนนี้เพิ่มเข้ามาอีกเยอะ ละครดี ๆ มีขึ้นเยอะ สถานการณ์บ้านเมืองก็ไม่ค่อยดี คนก็หันไปเสพข่าวติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมากขึ้น อาจมีบางช่วงที่ดูละครเพื่อความผ่อนคลายบ้าง เอาเป็นว่าเรายังได้กลุ่มคนที่เป็นฐาน ช่อง 7 อยู่"


ปกติเป็นนักร้องเพลงป๊อป พอมาเล่นละคร 'หางเครื่อง' ต้องร้องลูกทุ่งมีการฝึกเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง
"ไม่เคยร้องลูกทุ่งมาก่อน เคยแต่ร้องตอนประกวด 'อะคาเดมี แฟนเทเชีย' แค่ 1 สัปดาห์ ช่วงที่ได้รับโจทย์ให้ร้องเพลงลูกทุ่ง และ ในละครเรื่องนี้ก็ไม่ได้ร้องลูกทุ่งจ๋ามาก เป็นลูกทุ่งแบบสไตล์เรา มีกลิ่นลูกทุ่งนิดหน่อย เอื้อน ๆ และเปลี่ยนเนื้อเสียงใหม่ เพราะโดยพื้นฐาน กรีนไม่ได้เป็นคนร้องเพลงเก่งอะไร แต่พอมาร้องเพลงในละครเรื่องนี้ คนก็ชมว่าเสียงกรีนดีขึ้น ก็ไม่อยากจะเชื่อนะ เพราะตอนอัดเสียงรู้สึกว่าเสียงเราฟังไม่ได้ (หัวเราะ)"


หลายคนมองว่ากรีนเหมาะกับบทนี้มาก เพราะทั้งเต้นทั้งร้องเพลง
"กรีนชอบนะ มันเป็นตัวกรีน เราอาจจะร้องเพลงไม่เก่ง แต่ชอบร้องและเต้นเข้าทางเราเลย เพราะเราชอบเฮฮาเวลาไปกองถ่ายจะสนุกมาก มันเหนื่อยนะถ่ายละครเช้ายันดึก แต่เรารู้สึกสนุก ชอบตรงที่ได้เปลี่ยนชุดไป ๆ มา ๆ เวลาใส่ชุดแล้วได้เต้นครื้นเครงมาก แรก ๆ เต้นแบบหนืด ๆ แต่พอเริ่มเข้าที่เต้นก็จังหวะลงตัว พี่ ๆ นักร้องลูกทุ่ง ที่แสดงด้วยกันก็ให้คำแนะนำเทคนิคในการร้องเพลงดี ๆ กับเรา"

 

 

เวลาไปไหนคนพูดถึงผลงานของเรารู้สึกอย่างไรบ้าง
"เวลาเขาชมก็หายเหนื่อยเลย เล่นละครเรื่องอื่นคนยังจำเราไม่ได้ขนาดนี้ แต่เรื่องนี้คนกลับจำเราได้เยอะขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่าอย่างน้อยยังมีคนรักและชื่นชอบละครประเภทบ้าน ๆ ที่เป็นรากเหง้าของคนไทยเรา และมีคนจ้างไปโชว์ตัวให้ร้องเพลงเยอะขึ้น คนอยากจะฟังเพลงละครมากพอสมควร"


นอกจากเรื่องนี้มีละคร 'คีตโลกา' ด้วย
"เป็นละครเกี่ยวกับยาเสพติด จะมีการแฉเรื่องยาเสพติด ทำให้เราเห็นถึงโทษและประโยชน์ของมัน ในเรื่องนี้ได้พลิกบทบาทเล่นเป็น 2 คน เหมือนกับบทประพันธ์เรื่องนี้ผู้เขียนเชื่อว่า คนเรานอกจากจะมีโลกที่เราอยู่แล้ว ยังมีโลกคู่ขนานอยู่ด้วย โลกนี้เราอาจจะรวย เป็นลูกนักธุรกิจพันล้าน โดนตามใจสไตล์ลูกสาวไฮโซ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ในขณะที่อีกโลกหนึ่งเราจน พ่อตาย แม่มีพ่อเลี้ยงใหม่ พ่อเลี้ยงก็พยายามหาทางปล้ำเราตลอดเวลา สภาพแวดล้อมย่ำแย่ พอเครียดกับชีวิตก็ไปใช้ยาเสพติด พอรู้สึกว่าชีวิตย่ำแย่ก็จะฆ่าตัวตายด้วยการ กระโดดน้ำ ในขณะที่โลกของลูกคุณหนู พอเราผิดหวังแค่เรื่องเล็กน้อยก็จะกระโดดน้ำตายเช่นกัน สุดท้ายก็มาสลับร่างกัน คนรวยไปอยู่ในร่างคนจน ฟื้นขึ้นมาก็งง แต่ด้วยความที่สู้คนก็ดำเนินชีวิตต่อไป จนไปเจอกับพระเอกซึ่งก็คือ นิว-วงศกร"


เรื่องนี้ดูเหมือนจะยากนะ
"ตอนที่ทราบว่าจะได้เล่นเรื่องนี้ตื่นเต้น เพราะเราไม่เคยเล่นบทเด็กติดยามาก่อนด้วย ดีใจที่จะได้เล่นละครสะท้อนสังคมและได้เรียนการแสดงกับ อาโย-ทัศน์วรรณ อาโยสอนให้เราได้รู้จักอาการคนติดยา เวลาเขามีอาการลงแดงนั้นเป็นอย่างไร แต่กรีนไม่ได้ถึงกับไปศึกษาจากคนที่ติดจริง ๆ เพราะกลัว เรื่องนี้ถ่ายไปได้เยอะแล้ว ซีนลงแดงยากมากผู้กำกับและอาโยเคี่ยวมากแต่อาโยเก่งสุด ๆ อามาคอยชี้ให้เราเห็นแต่ละซีนแต่ละฉากต้องถ่ายทอดอารมณ์ออกมาอย่างไร จากตอนแรกที่เราคิดว่าเข้าใจอยู่แล้ว แต่พออาโยมาแนะนำอีกครั้งยิ่งกระจ่างมากขึ้นทำให้เราคิดต่อเนื่องได้ ทำให้เราแสดงออกมาได้จนกรีนคิดเลยว่าทำไมเราถึงทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ โชคดีที่ได้ครูที่ดีมาสอน"

 

 

ช่วงแรก ๆ ที่กรีนมาเล่นละครเหมือนจะมาแรงมาก แต่ช่วงนี้กระแสเราแผ่วลง กรีนรู้สึกอย่างไรบ้าง
"กรีนรู้สึกเฉย ๆ นะ 2-3 ปีที่แล้วเป็นอย่างไรก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้คิดว่าตัวเองมาแรงอะไร แต่ถ้าถามว่าเราได้ตำแหน่งที่ดีไหม ใช่ เราได้ตำแหน่งที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ได้เล่นบทที่ดีขึ้น เรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลาไปเรื่อย ๆ มันขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสละครที่ดีจะส่งผลให้เราดีไปด้วย แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีเช่นกัน กรีนเองก็อยากให้ตัวเองประสบความสำเร็จไปเรื่อย ๆ และมีอีกหลายบทที่กรีนอยากลองทำ สำหรับเรื่องที่กระแสเราแผ่วลง ถามว่าเรื่องข่าวที่มีปัญหากับคุณพ่อมีผลกระทบบ้างไหม ก็ต้องมีอยู่แล้ว บางทีเราเห็นคอนเมนต์ผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆว่าไม่อยากจะดูละครของเราแล้ว แต่เราก็ไปห้ามความคิดของเขาไม่ได้ แค่รู้ว่าตัวเราเป็นอย่างไรก็พอแล้ว กรีนไม่อยากให้คนเอาละครมาปนกับเรื่องส่วนตัว การเป็นนักแสดงไม่ใช่เรื่องง่าย ทำงานไม่เป็นเวลา กว่าจะได้แต่ละซีนลำบาก กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทมันเหนื่อย บางคนถึงได้ตอบแทนด้วยของมีค่าให้กับตัวเอง เพราะเขาเหนื่อยในสิ่งที่ เขาทำเราก็ไม่ควรมองเขาในอีกแง่หนึ่ง อยากให้เปลี่ยนมุมมอง ความคิด ใจกว้างมากขึ้น"


ช่วงนั้นท้อไหม และคิดจะเรียกกระแสของตัวเองกลับมาบ้างหรือเปล่า
"กรีนไม่ท้อ แต่รู้สึกเครียดมากกว่า มีแต่ปัญหาเข้ามา แต่ก็ไม่ได้มีผลกับละคร เพราะตอนนั้นกรีนยังมีงานละคร 2 เรื่อง ช่วงที่มีปัญหากรีนเลือกที่จะไม่อ่านความเห็นทางโซเชียลเน็ตเวิร์กเลย และไม่เคยลบความเห็นบนอินสตาแกรมของเราด้วย ผ่านไปสักระยะหนึ่งคนก็ไปตามข่าวอื่นแล้ว ช่วงที่ตกเป็นข่าวหนัก ๆ ทำให้งานอีเวนต์โดนแคนเซิลบ้าง กรีนก็แล้วแต่ลูกค้า ณ เวลานั้นเราอาจไม่ใช่คนที่เขาอยากเลือกก็ได้ แต่กรีนไม่คิดจะทำอะไรเพื่อเรียกให้กระแสเรากลับคืนมานะ เราก็แค่ตั้งใจทำงานและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ เราไม่ใช่คนเพียบพร้อมหรือร่ำรวย เราแค่คนปกติที่อยากจะยกฐานะครอบครัวให้ดีขึ้นเลยคิดว่าค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้เคลียร์เรียบร้อยหรือยัง เรียบร้อยดีแล้ว กลับมาเป็นสภาพปกติ ต่างคนต่างทำงาน กรีนได้เจอคุณพ่อตั้งแต่ช่วงปีใหม่ เพราะคุณพ่อต้องดูแลธุรกิจส่วนตัวที่ ภาคใต้ เขาอยู่ที่นั่นทั้งปี ส่วนกรีนก็มีงานทุกวัน ประกอบกับคุณพ่อลื่นล้ม หมอนรองกระดูกเคลื่อนด้วย เขาไม่สามารถยืนตัวตรงได้ต้องใช้ไม้เท้าและนั่งรถเข็น ทำให้เขานั่งเครื่องบินลำบาก แล้วกรีนเองก็งานเยอะไม่ค่อยมีเวลากลับไปเยี่ยมท่าน แต่ทุกอย่างโอเคแล้ว เราคงพูดอะไรมากไม่ได้ เอาเป็นว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า เราสบายใจอยู่กับใครหรืออยู่ตรงไหน เราก็อยู่ตรงจุดนั้น กับพี่เคลลี่เราไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้น เราหวังดีและช่วยเหลือกัน"


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง
"ข่าวที่เกิดขึ้น กรีนได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ทำให้เรารู้ว่าสภาพสังคมเมืองไทยเป็นแบบไหนเราควรต้องวางตัวอย่างไร สังคมไทยเซนซิทีฟเรื่องครอบครัวมาก กรีนว่ากรีนไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดขนาดนั้น เราแค่จริงใจเปิดเผย ไม่ทำอะไรหลบ ๆ ซ่อน ๆ นักข่าวถามอะไร เราก็อยากจะเปิดเผย แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือ หลาย ๆ อย่างบางคนใส่หน้ากากเข้าหาเรา เราได้เรียนรู้ตรงจุดนี้ว่าเราควรพูดแค่ในสิ่งที่ควรพูด ต้องตีกรอบแล้ว พี่เคลลี่บอกว่าเราไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่าง บางอย่างเป็นเรื่องส่วนตัวมีสิทธิที่จะไม่พูด แต่อย่าโกหกเขาก็พอ ถ้าเราจริงใจและซื่อเกินไปอยู่ในวงการนี้ลำบาก"

 

 

ความสัมพันธ์กับพี่เคลลี่เป็นอย่างไรบ้าง
"ปกตินะคะ เขามีละคร 2 เรื่อง เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่ วันนึงแทบจะคุยกันแค่รอบเดียวด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดูแลกันเหมือนเดิม ช่วงนี้กรีนเน้นทำงานและเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือก่อน เพราะใกล้จะจบแล้วเป็นช่วงต้องทำโปรเจคท์ส่งอาจารย์ เราเฝ้าฝันที่จะรอวันจะได้ไปทำ อย่างอื่น ถามว่าจบไปจะทำงานด้านที่เรียนมาด้วยไหม ต้องรอดูก่อน เพราะจริง ๆ แล้วสายงานที่กรีนเรียนสามารถประยุกต์ไปทำงานอื่น ๆ ที่เราชอบได้ด้วย เช่น แฟชั่น, ครีเอทีฟ, ออกแบบโปรดักท์"


คบกับพี่เคลลี่มา 3 ปีแล้ว มองเรื่องอนาคตไว้บ้างไหมหลังเรียนจบ
"ยังไม่มองเลย เรามีอะไรที่อยากทำอีกหลายอย่าง เช่น เรียนต่อ ไปเก็บประสบการณ์ต่างประเทศ ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเลย กรีนก็บอกเขาว่าอยากเรียนต่อ พี่เขาให้อิสระกับเรา โอเคเขาอาจจะอายุเยอะแต่เรายังไม่พร้อมค่ะ"


อายุห่างกันเยอะ มีช่องว่างระหว่างวัยหรือยังมีปัญหาเรื่องการปรับตัวหรือเปล่า
"มีบ้างที่ไม่เข้าใจกัน ก็ต้องปรับจูนกันไปเรื่อย ๆ ถึงแม้เราจะรู้ใจกันในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม โชคดีที่เวลามีปัญหาเรามักจะคุยกันก็พยายามประคองกันไป"


มองอนาคตกับพี่เคลลี่อย่างไรบ้าง
"ตอบไม่ได้จริง ๆ เพราะยังอีกนานเราอาจจะเป็นเพื่อนหรือลงเอยกันก็ได้ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่าค่ะ" 

 

อย่ายึดติดกับอดีต เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันอย่างเข้มแข็งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!

 

: กรีน อัษฎาพร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 19 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 17-18 ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 30-31 ตุลาคม 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 15-16 ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 23-24 ตุลาคม 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 13-14 ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 16-17 ตุลาคม 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "พนมนาคา" ตอนที่ 11-12 ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 9-10 ตุลาคม 2566 ทางช่องวัน31
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :