ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > ข่าวหนัง

โมโนฟิล์ม ส่ง "Colonia - โคโลเนีย หนีตาย" เรื่องราวที่สร้างจากเหตุการณ์จริง 21 เมษายน นี้

22 มี.ค. 2559 10:33 น. | เปิดอ่าน 1385 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

โคโลเนีย เป็นเรื่องราวที่สร้างจากเหตุการณ์จริง โดยนำเสนอเรื่องของ เลน่า และ แดเนียล คู่รักวัยหนุ่มสาว ที่ต้องมาพัวพันกับการรัฐประหารโดย นายพล ปิโนเชต์ อดีตประธานาธิบดีของชิลีในปี 1973 ซึ่ง แดเนียลได้ถูกจับตัว ทำให้เลน่าต้องพยายามหาทางเพื่อช่วยเหลือแฟนหนุ่มออกมาให้ได้ ทำให้จำต้องเข้าไปสู่เมือง โคโลเนีย ดิคนิแดด ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เมืองนี้ได้รับการปกครองโดย นักบุญพอล์ล เชฟเฟอร์ แต่แท้ที่จริงแล้วหากใครได้เข้าไปอยู่ในเมืองนี้จะไม่มีทางออกมาได้อีก เลน่าจึงจำเป็นจะต้องหาทางเข้าไปอยู่เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือแฟนหนุ่มของเธอออกมาให้ได้

เบนจามิน เฮอร์แมน โปรดิวเซอร์ กล่าวว่า หากใครที่ชอบหนังแนวสยองขวัญในยุค 70 อย่าง THREE DAYS OF CONDOR หรือ ALL THE PRESIDENT MAN ซึ่งเป็นหนังที่นำเสนอเรื่องราวอันแสนตึงเครียดผ่านหนังออกมาได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว หรือจะเป็นหนังที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้อย่าง ARGO หรือ THE IMITATION GAME ที่เป็นหนังที่สามารถทำให้คนดูจมดึงไปกับเรื่องราวอันแสนตึงเครียดแต่ก็ตราตรึงและสามารถทำให้เราติดตามในขณะเดียวกันได้ หนังเรื่องนี้ COLONIA ก็เดินทางตามเส้นทางนั้นไม่แพ้กัน

 

 

โคโลเนีย ดิกนิแดด เมืองที่รู้จักกันดีนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1961 ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญชาวเยอรมัน พอล์ล เชฟเฟอร์ ซึ่งอยู่ห่างไปทางตอนใต้ ของ ซานดิเอโก้ ชิลี เขาเป็นผู้ที่มีอำนาจในการปกครองเมืองนี้ยาวนานกว่า 40 ปี ผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้จะต้องใช้ชีวิตตามกฎที่นักบุญ พอล์ล ได้กำหนดไว้ และน้อยคนนักที่จะสามารถหนีออกมาจากหมู่บ้านแห่งนี้ได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามจะหลบหนี สุดท้ายก็จะถูกจับตัวกลับไป โดยได้รับความร่วมมือกับทางการชิลีและทางการเยอรมนี ที่คอยหนุนหลังให้กับ พอล์ล เชฟเฟอร์ อยู่ เมื่อสมัยที่ อดีตประธานาธิบดี ออกุสโต้ ปิโนเชต์ มีอำนาจในช่วงยุค 1973 พอล์ล เชฟเฟอร์ ได้ร่วมมือกับทางการอนุญาตให้ใช้เมืองแห่งนี้เป็นที่ควบคุมนักโทษทางการเมือง แต่เมื่อ ออกุสโต้ ปิโนเชต์ ได้สละอำนาจลงในปี 1990 ความจริงก็ปรากฎออกมาให้ทั้งโลกได้ช็อคไปตาม ๆ กัน ถึงความโหดร้ายและความน่ากลัวของหมู่บ้านนี้ พอลล์ เชฟเฟอร์ได้หลบหนีไปที่ อาเจนติน่า และถูกจับกุมตัวในปี 2004 ถูกศาลของชิลีสั่งจำคุก 33 ปี ในข้อหากระทำชำเราเด็กในหมู่บ้านกว่าพันคนและคดีอื่น ๆ อีก เขาจบชีวิตในคุกที่ซานดิเอโก้ในปี 2010 ปัจจุบัน โคโลเนีย ดิกนิแดด ถูกเปลี่ยนชื่อกลายเป็น Villa Baviera (วิลล่า บาเวียร่า)

 

 

ฟลอเรียน กาเลนแบร์เกอร์ ผู้กำกับกล่าวว่า ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ และได้ยินเรื่องเมืองนี้ที่ชิลี ที่คนที่เข้ามาอยู่ในเมืองนี้แล้วไม่สามารถหนีออกไปได้อีกและต้องทนใช้ชิวิตอยู่ราวกับนักโทษ มันทำให้ผมประหลาดใจมากว่าจะมีเมืองแบบนี้อยู่จริง และต่อมาขณะที่เขากำลังจะทำหนังเรื่อง JOHN RABE เขาได้มีโอกาสอ่านหนังสืออัตชีวประวัติของผู้ที่ร่วมสร้างเมือง COLONIA ว่าคนที่อาศัยอยู่ในเมือง COLONIA นั้นมีความเป็นอยู่อย่างไร หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ ผู้เขียนบท ทอร์สเทิร์น เวนเซล ก็ได้ส่งไอเดียที่จะทำหนังเรื่องนี้มาให้แก่ผม ซึ่งด้วยความบังเอิญที่เราคิดตรงกันทำให้หนังเรื่องนี้ได้เกิดขึ้น

เขาได้เดินทางไปที่ชิลีและทำการหาข้อมูลเกี่ยวกับเมือง โคโลเนีย ดิกนิแดด "ยิ่งผมใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลเหล่านี้เท่าไหร่ ผมก็ยิ่งอยากที่จะรู้จักโลกของ พอล์ล เชฟเฟอร์ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ" "ผมอยากที่จะนำเสนอเรื่อง ของคู่รัก ที่ต้องเข้ามาอยู่ในเมืองแห่งนี้ และพยายามหาหนทางที่จะหนีออกมาให้ได้" ในขณะที่ โปรดิวเซอร์ เบนจามิน เฮอร์แมน กล่าวเพิ่มว่า "เราไม่ได้อยากจะนำเสนอแค่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในเมืองนี้เท่านั้น แต่เราอยากให้เห็นถึงความเป็นอยู่ของคนที่ต้องอาศัยในเมืองนี้ผ่านคาแรกเตอร์ของตัวละครหลักทั้ง2 ตัว" และด้วยผลที่ ผู้กำกับได้เดินทางไปมาที่เมืองแห่งนี้อยู่บ่อยครั้งทำให้เขาได้รับความไว้ใจและเชื่อใจจากคนท้องถิ่น และเราได้รู้ถึงเรื่องราวความเป็นอยู่ที่แท้จริง "และถึงแม้ว่าตัวละครหลักจะถูกเขียนขึ้นมาก็ตามแต่รายละเอียดต่าง ๆ ล้วนอิงมาจากเค้าโครงเรื่องจริง รวมถึงบางบทที่พอล์ล เชฟเฟอร์ พูดในเรื่องนั้นก็เป็นคำพูดจริง ๆ ของพอลล์ เชฟเฟอร์"

 

 

และด้วยเรื่องราวอันแสนหดหู่และความสนใจส่วนตัวของ เอ็มมา วัตสัน ทำให้เธอตกลงรับเล่นเรื่องนี้ "ความจริงก็คือด้วยความหลากหลายทางอารมณ์ของหนัง ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเรื่องจริง เลยทำให้หนังเรื่ิองนี้มีเสน่ห์น่าดูอย่างยิ่ง" และตัวละครเอกอีกตัวรับบทโดย แดเนียล บรูห์ล "ซึ่งบรูห์ล สามารถผสมผสานความแข็งแรงและอ่อนโยนของผู้ชายได้อย่างลงตัว" ฟลอเรียน กาเลนแบร์เกอร์ กล่าว อีกทั้งด้วยความที่ทั้งเขาและ แดเนียล บรูห์ล ได้เคยร่วมกันมาก่อนในเรื่อง JOHN RABE และได้เป็นเพื่อนกันมานานหลายปี เมื่อพวกเขาได้เสนอไอเดียที่จะทำหนังเรื่องนี้ใน เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2014 ทางฝ่ายจัดการการลงทุนก็รู้สึกสนใจในตัวบท และก็อนุญาตให้พวกเขาเริ่มถ่ายทำได้เลยในอีก 4 เดือนต่อมา เบนจามิน เออร์แมน กล่าว

ทางผู้กำกับ ฟลอเรียน กล่าวว่า "ด้วยหนังเรื่องนี้ต้องการนักแสดงนำหญิงที่ต้องสามารถควบคุมเรื่องให้อยู่ให้ได้ และ เอ็มมา วัตสัน ก็สนใจในบทนี้ มันเหมือนฝันที่เป็นจริง ผมมองหานักแสดงที่มีออร่าและดูแล้วสามารถสะกดใจเราได้ และมันก็ต้องเป็น เอ็มมา วัตสัน เท่านั้น ผมคิดว่าเหตุผลหลักๆ ที่ เอ็มมา วัตสัน ยอมเล่นบทนี้นั้นก็เพราะด้วยความที่เธอเองก็สนใจในเรื่องของการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอพร้อมที่จะเรียนรู้มันไปตั้งแต่ต้น และมันสำคัญกับเธอมากที่จะต้องเล่นบทบาทของผู้หญิงผู้ที่ไม่หวาดกลัวกับอะไรเพื่อที่ช่วยเหลือแฟนหนุ่มออกมาให้ได้ ซึ่งในชีวิตจริงของเอ็มมา วัตสัน เธอเองก็เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งคนหนึ่ง" เอ็มมา วัตสัน กล่าวว่า "มันก็เป็นเรื่องราวทั่ว ๆ ไปที่ผู้หญิงอ่อนแอ และตกอยู่ในอันตราย รอให้พระเอกมาช่วย แต่ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือ ทุกอย่างสลับกัน นางเอกต้องออกตามหาพระเอกเพื่อช่วยเหลือ ซึ่งเราก็ไม่ค่อยเห็นกันบ่อยในหนังทั่ว ๆ ไป"

 

 

"เมื่อทั้ง เอ็มมา และ แดเนียล บรูห์ล ได้มาเจอกันที่ลอนดอน พวกเรารับรู้ได้ถึงความเข้ากัน เคมี ที่ลงตัวของทั้งคู่ ทำให้ตัวละครที่เรามีนั้น มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ" เบนจามิน เออร์แมน กล่าวต่อ "การหาคนมารับบท พอล์ล เชฟเฟอร์ เป็นอะไรที่ยากมากซึ่งส่วนใหญ่นักแสดงทั่วไปมักจะลังเลที่จะรับเล่นบทอะไรแนวๆนี้" "และเมื่อเราได้ ไมเคิล นีควิสต์ เรายอมที่จะเปลี่ยนตารางเพื่อให้ว่างตรงกับคิวที่เขาว่าง และเมื่อได้ถ่ายเขาจริง ๆ มันคุ้มค่ามากกับสิ่งที่เรายอมทำ" ทางด้านผู้กำกับ ฟลอเรียน กล่าวว่า "มันไม่ใช่เรื่ิองง่ายเลย ที่จะถ่ายทำไปโดยเว้นตัวละครนี้ไว้ แต่เมื่อได้เริ่มถ่ายไมเคิล ทุกอย่างที่เรากังวลก็หายไป ด้วยความสามารถของไมเคิล ทำให้ตัวละคร พอล์ล เชฟเฟอร์ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ที่ไมเคิล ยอมเล่นบทนี้บทที่เต็มไปด้วยภาระอันหนักอึ้งและความน่ารังเกียจเรารู้สึกประทับใจในความสามารถของไมเคิลมาก"

 

 

นักแสดงที่เหลือมาจากประเทศต่างๆกว่า 4 ประเทศ ริเชนดา คาเรย์ รับบท เป็นจิเซลล่า วิคกี้ ไครปส์ และ ฌอง เวอร์เนอร์ รับบทบาทหญิงสาวใน โคโลเนีย, ออกัส เซอร์เนอร์ รับบททูตเยอรมนีในชิลี, มาร์ติน วุทท์เค รับบทหัวหน้าเจ้าหน้าที่นิรโทษกรรมที่ชิลี ทีมงานต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นบุคคลคุณภาพการันตีด้วยผลงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น ถ่ายทำภาพยนตร์โดย โคลจา แบรนท์ (Hector And The Search For Happiness, North Face, Yonge Goethe In Love) โปรดักชันดีไซน์เนอร์ เบิร์นท์ เลเปล (Downfall,The Baader Meinhof Complex) ออกแบบเครื่องแต่งกาย นิโคล ฟิชแนลเลอร์ (A Most Wanted Man,The Counterfeiters) เมคอัพ ดีไซน์ วาลเดอร์มา โปครอมสกี้ (The White Ribbon, The Pianist, Schindler's List) และ คลอดีน มูเริด (The merchant Of Venice)

เบนจามิน เออร์แมน กล่าวต่อ "มันเป็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์มากที่ได้เห็นว่าทีมงานถ่ายทำสถานที่ต่างๆ เมื่อนำมาต่อรวมกันทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบตามที่เราอยากให้มันออกมา อย่างเช่นตอนที่เราถ่ายอยู่ที่ลักเซมเบิร์ก เบิร์น เลเปล ได้เนรมิตทุกฉาก ของเมือง โคโลเนียดิคนิแดด ออกมาได้อย่างสวยงาม" เอ็มมา วัตสัน กล่าวเพิ่ม "ฉันยังจำวันแรกที่ไปที่กองถ่ายได้ ฉันทึ่งในความสามารถของทีมงานจนพูดอะไรไม่ออก พวกเขาเนรมิตมันออกมาได้อย่างสวยงาม ทุก ๆ ห้อง ทุกๆที่ พวกเขาทำออกมาได้ดีเยี่ยม จนฉันเองก็รู้สึกได้ว่านี่ส่วนหนึ่งใน โคโลเนียจริง ๆ"

 

 

ฉากอื่น ๆ ทีมงานได้ถ่ายทำกันนอกเมือง ลักเซมเบิร์ก และฉากในการถ่ายทำอุโมงค์ใต้เมืองโคโลเนียนั้น ทางทีมงานได้เลือกที่จะปิดสระว่ายน้ำในร่มและถ่ายทำแทน รวมถึงเหตุผลบางประการที่ไม่สามารถจะถ่ายทำในสถานที่จริง ๆ ได้  ทีมงานจึงต้องหาสถานที่อื่นที่ใกล้เคียงกับสถานที่จริงและได้ไปถ่ายทำที่ บัวโนส ไอเรส และพวกฉากเอาท์ดอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปะทะกันของกลุ่มประชาชนและทหารทีมงานเลือกที่จะไปถ่ายทำที่ มิวนิค

เบนจามิน เออร์แมน กล่าวต่อ "มันเป็นอะไรที่ท้าทายทั้งทีมงานและนักแสดงมากที่จะต้องถ่ายทำในสถานที่ต่าง ๆ แต่เมื่อนำมารวมกันเป็นหนังทุกอย่างออกมาได้อย่างสวยงามและลงตัว" ทางด้าน ฟลอเรียน กาเลนแบร์เกอร์ กล่าว "และมันก็เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะเรามีเวลาในการถ่ายน้อยมาก และเมื่อมองกลับไป ยิ่งทำให้เห็นว่าทีมงานแต่ละส่วนตั้งใจกันทำงานมากขนาดไหน"

 

 

เมื่อกล่าวถึงภาพที่ถูกเสนอออกมาในเรื่อง ล้วนมาจาก โคลจา แบรนท์ เขาเลือกใช้เทคนิคต่างๆและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อจะเนรมิตโลกของ โคโลเนีย ออกมา ฟลอเรียน กล่าวว่า "เขาเลือกจะนำเสนอภาพของชีลีในปี 1973 นั้นด้วยภาพแนวฟุ้ง ๆ แต่เมื่อนำเสนอโลกของโคโลเนีย เขาเลือกใช้ภาพที่เน้นความคมชัด ให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ในภาพ และกล้องก็จะนำเสนอนักแสดงประหนึ่งว่าอยู่ติดตัวกับตัวละครเหล่านั้นและทำให้รู้สึกประหนึ่งว่าถูกคุมขังอยู่ตลอดเวลา

: Colonia

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • Colonia - โคโลเนีย หนีตาย
  • ไม่ผิดหวัง "เอ็มม่า วัตสัน" ทุ่มเท ลงพื้นที่จริง..ถ่ายทอดอารมณ์ใน "โคโลเนีย หนีตาย"
  • พบการประชันบทสุดเข้มข้นจาก 3 นักแสดงคุณภาพ เอ็มมา วัตสัน - แดเนียล บรูห์ล - ไมเคิล นีควีสต์ใน "Colonia หนีตาย"
  • เกร็ดหนังดี Colonia - โคโลเนีย หนีตาย
  • ตัวอย่างล่าสุด Colonia ภาพยนตร์ดราม่าเรื่องล่าสุดของสาว เอ็มม่า วัตสัน
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :