เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าจักรวาล DCU โฉมใหม่ ภายใต้การนำของ เจมส์ กันน์ (James Gunn) และ ปีเตอร์ ซาฟราน (Peter Safran) ผลงานภาคต่อ Black Adam ของ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) คือหนึ่งในโปรเจกต์ที่ถูกระงับไว้ ไม่ได้ไปต่อ ซึ่งล่าสุดขณะให้สัมภาษณ์ในรายการ Hart to Heart ของ เควิน ฮาร์ท (Kevin Hart) จอห์นสัน ก็ได้เปิดใจถึงความผิดหวังต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
"Black Adam ติดอยู่ในวังวนของผู้นำคนใหม่ ตอนที่เรากำลังสร้าง Black Adam กำลังพัฒนา และถ่ายทำ Black Adam มันเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในส่วนของผู้นำ" จอห์นสัน กล่าว "อย่างที่คุณก็รู้ เวลาที่คุณมีบริษัท แล้วยิ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นบริษัทมหาชน คุณจะต้องมีเรื่องของการเปลี่ยนแปลงผู้นำทั้งหมดนั่น จะมีคนที่ก้าวเข้ามา ทั้งเรื่องของการสร้างสรรค์และงบประมาณ ที่พวกเขาจะตัดสินใจไปโดยที่คุณไม่เห็นด้วย"
"หนึ่งในการตัดสินใจเหล่านั้นคือการไม่เดินหน้าสร้างภาคต่อ มันจะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ข้องใจสำหรับผมมาตลอด" จอห์นสัน เสริม "ผมมีช่วงเวลาเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของผม แน่นอนว่าไม่ใช่ในจีน ซึ่งมันอาจจะ 100 หรือมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ คุณกำลังสร้างซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ และคุณก็ต้องการขยายแฟรนไชส์ให้ใหญ่ออกไป คุณพาซูเปอร์แมนและเฮนรี่ คาวิลล์ กลับมา คนทั้งโลกแทบคลั่ง เราสร้างผลงานซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความหลากหลาย และเราก็มีหญิงชายผิวสีใน Black Adam 2 ด้วยเหมือนกัน"
แม้ Black Adam (2022) จะทำเงินเปิดตัวได้ค่อนข้างดี แต่สุดท้ายก็กวาดรายได้รวมทั่วโลกไปไม่ถึง 400 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
ไม่ใช่เพียงแค่ Black Adam 2 เท่านั้นที่ไม่ได้ไปต่อ การกลับมาในฐานะซูเปอร์แมนของ เฮนรี่ คาวิลล์ ก็ไม่เกิดขึ้นเช่นกัน โดย กันน์ กำลังมองหานักแสดงคนใหม่มารับบทนี้แทน ด้าน จอห์นสัน เองก็เปิดเผยว่าเขาได้พูดคุยกับผู้บริหารดีซีถึงโอกาสที่จะพาแบล็ก อดัม กลับมาโลดแล่นบนจอยักษ์อีกครั้งในอนาคตแล้ว แต่ดูเหมือนมันคงยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
: