ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > รีวิวหนังวันวาน

"เพื่อนสนิท"

25 ม.ค. 2556 00:00 น. | เปิดอ่าน 1399 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 




2 เดือนที่แล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งรวบรวมความกล้าบอกรัก เพื่อนสนิท...

2 เดือนต่อมา ชายหนุ่มคนเดิมเป็นฝ่ายถูกบอกรักบ้างโดย เพื่อนสนิท ...อีกคน



สวัสดีครับ เพื่อนที่รัก นักเสพย์ความเอนเตอร์เทนเม้นท์ ผ่านสื่อ อินเตอร์เน็ท
กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ เมื่อมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม ” ก็จะนำมาวิจารณ์ให้เหล่าเพื่อน ๆ ในหนังดีดอทคอม ได้อ่านกันนะครับ ครับ วันนี้ขอติดกระแส สักวันนะครับ อาจจะช้าไปหน่อย ก็อย่าว่ากันนะครับ และเรื่องนี้ ผมคงมาเล่าถึงความรู้สึก และ แง่มุม ที่ผมมองเห็นจาก ภาพยนตร์ มากกว่าจะมาเล่า หรือวิจารณ์ เพราะคิดว่าส่วนใหญ่ น่าจะได้ไปดูกันแล้ว และสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อนสนิท” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ผมไม่อยากวิจารณ์ถึง เพราะโดยปกติแล้ว เป็นคนไม่ชอบชมภาพยนตร์ไทย เท่าใดนัก อีกทั้งไม่ชอบ วิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจาก มันไกล้ตัวมาก อาจโดนด่า โดนเกลียดขี้หน้าเอาได้ เพราะไม่ได้ มีคุณวุฒิ อะไรที่จะไปวิจารณ์เค้า นะครับ มาเข้าเรื่องดีกว่า


เพื่อนสนิท เป็น ภาพยนตร์ที่ผมรู้สึกเฉย ๆ มากครับ เมื่อได้ดูตัวอย่างจากโรงภาพยนตร์ หรือ ใบปิด และโฆษณา ผมรู้สึกว่า ธรรมดามาก ๆ ดาราก็โนเนม หน้าตาธรรมดา อาจเล่นมิวสิควีดีโอ หรือ ภาพยนตร์โฆษณามาบ้าง แต่ก็เคยเห็นแว๊บ ๆ ไม่ติดตาต้องใจอะไร โดยเฉพาะ นางเอก ไม่สวยเลย ก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้ดึงดูดให้ไปดู เอ...หรือ วัยเราไม่ใช่ ทาร์เก็ต เค้าหว่า... อีกอย่าง มีเพื่อน ๆ ที่ได้ไปดูมาแล้ว ก็มาเล่าให้ฟังว่า ดีมาก ชอบมาก เริ่ดมากกก...อะไรประมาณเนี๊ยะ เอ๊ะ ชัก ยังไง ๆ อยู่ ไม่เห็นว่าจะมีใครบอกไม่ชอบเลย มีแต่บอกว่า ชอบ ชอบมาก ชอบที่สุด เฮ้ย เราเลยต้องไปดูแล้วครับ เดี๋ยวคุยกับคนอื่นไม่มันส์

เหมือนเดิมนะครับ ผมจะไม่เล่าเรื่อง เดี๋ยวคนที่ไม่ได้ดู จะมาด่าพ่อเอา เอาเป็นว่าขออนุญาต เล่าเฉพาะตอนที่ประทับใจ และให้แง่คิด มากกว่าความบันเทิง สักนิดหน่อยคงไม่ว่ากันนะครับ

 



ตัวภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นแนว ความรัก ใส ๆ ครับ เป็น ความรัก ในชีวิตการศึกษา ของนักเรียนที่กำลังจะเข้า สู่การเป็น นักศึกษา ใน มหา’ลัย และ กำลังจะเป็น ผู้ใหญ่ที่มีความคิดความอ่าน ภาพยนตร์เล่าถึง นักเรียนหนุ่มที่เข้าสู้รั้วมหา’ลัย และได้พบกับ มิตรภาพ ครั้งแรก ซึ่งนำไปสู่ ความสัมพันธ์ในจิตใจที่เกินจากความเป็นเพื่อน และการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของตนเอง ต้องบอกว่า ภาพยนตร์นั้นทำได้ดีมาก ๆ ครับ การเล่าเรื่องถือว่ายังเป็นจุดแข็งของผู้กำกับคนนี้ คือคนหนึ่งในทีมงาน ที่เคยทำภาพยนตร์ สุดแสนประทับใจมาแล้วจาก แฟนฉัน มาเรื่องนี้ เค้ายังสามารถ คงความเป็นนักเล่าเรื่องได้อย่างดีมาก อาจจะดีมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ใครไปดูแล้วคงอาจจะคิดว่า ก็เหมือน ๆ แฟนฉันนั่นแหล่ะ แต่ผมว่า เฉียบคมกว่า เพราะ ทุกอย่างที่เค้าเอามาผสมกัน เพื่อบอกกล่าวเล่าเรื่องนั้นทำได้เนียนไม่มีที่ติ การเล่าเรื่องด้วยภาพของเค้า ทำให้เราต้องคล้อยตามด้วยความประทับใจทุกฉากทุกตอน และสามารถ แฟลชแบ็ค (ย้อนอดีต)แต่ละตอนของเรื่อง ได้ดีมาก ๆ ไม่ได้รู้สึกงง หรือน่าเบื่อเลย กลับทำได้ราบรื่น สมจริง อีกทั้งแฝงไว้ด้วยอารมณ์ขำ แบบคาดไม่ถึง และ ประทับใจในเนื้อเรื่องที่อาจจะบอกได้ว่า คิดได้ไง ที่เอา เนื้อหา ที่ธรรมดา ๆ มาเล่าได้แบบ ไม่น่าเบื่อเลย แต่มันถึงกับ สนุกที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งที่ มีตัวแสดงเอก เพียงแค่ 3 ตัวละคร ไม่มีผู้ร้าย ไม่มีนางตอแหล ไม่มี ฉากแอ็คชั่น ไม่มี ความสยดสยองน่าสะพรึง ตื่นเต้น แต่กลับ สนุกกว่าภาพยนร์หลายเรื่องที่มีองค์ประกอบดังกล่าว และ อีกทั้งภาพสวยครับ เป็นธรรมชาติ ดนตรีประกอบ ทำได้ดีครับ อาจจะมี คอมพิวเตอร์กราฟฟิค ช่วยในบางฉากบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วยตัวหนัง แต่ก็ไม่เลวร้ายครับ ถือได้ว่าเป็นการ ตั้งใจทำ และ ทำได้อย่างใจตั้งด้วยครับ


ดารา
ก็อาจจะมีบ้างที่ดูยังขัด ๆ เขิน ๆ แหมก็เป็นดาราใหม่นี้จ๊ะ อีกทั้ง ความธรรมดา ๆ (ดูจากตัวอย่าง) ของ เธอ ๆ นั้น มันกลับส่งผลอย่างยิ่ง เมื่อเธอ อินเข้าไปอยู่กับบทบาท ที่ผู้กำกับมอบให้ จาก ความธรรมดา เลยทำให้ พวกเค้า มีเสน่ห์ อย่างร้ายกาจ โดยเฉพาะ นางเอก ทั้งสองคน ไม่เชื่อใครไปดูแล้วไม่ชอบเป็นไม่มี ส่วนตัว พระเอกของเรา (ไอ้ไข่ย้อย) ก็เล่นได้ดี เป็นผู้ชาย ที่หน้าตา งง ๆ แบบที่นางเอกในเรื่องบอก สามารถคุมความต่อเนื่องของ คาร์แรคเตอร์ได้ดี ขอชม แต่ตินิดเดียว ตรงที่ เข้าปีหนึ่งเป็นเฟรชชี่ ที่หน้าตาแก่ และ โทรมไปหน่อย แต่กลับมาหล่อสุด ๆ ตอนที่ขึ้นเวทีร้องเพลง คุณว่าไม๊ หล่อมากกก(ทำเสียงลากยาว) นางเอก ( ดากานดา ) ไม่มีที่ติครับ น่ารัก ใส เล่นดีมากครับ นางเอกอีกคน (นุ้ย) เล่นดีเหมือนกัน ไม่สวยแต่น่ารักสุด ๆ ตอนไม่อยู่ในชุดพยาบาล เธอไม่สวยครับตอนใส่ชุดพยาบาล แต่ติหน่อย เรื่อง การแต่งหน้า หากใครสังเกตุดี ๆ จะเห็นว่า ฉากเปิดตัวเธอ ตอนภาพโคลสอัพ เต็มหน้าเธอ จะเห็นเหมือนเธอใส่หน้ากากเลย รองพื้นหนา สีผิวหน้าตัดกับสีของคอชัดเจน แหม แต่งหน้าแล้ว น่าจะเกลี่ยมาที่คอด้วยนะ มันโดด ๆ พิลึก แต่ อภัยให้หมดสิ้น เมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้จบ


ต่อไปนี้เป็น ฉากประทับใจ นะครับ
ก็อย่างที่บอก ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับความรัก เพราะฉะนั้น ภาพประทับใจก็จะเป็นภาพที่เกี่ยวกับการ ทำบางสิ่งเพื่อที่จะบอกความในใจของ ไข่ย้อย ต่อ ดากานดา แต่ ดากานดา กลับมองไม่เห็น สิ่งที่ ไข่ย้อย กำลังจะบอก ฉากนี้นับว่าเป็น ไฮไลท์ ของเรื่อง ในความคิดของผมนะครับ แต่ต้องเกริ่นก่อนนะครับว่า ใครดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วบอกว่า ดากานดา ไม่ได้ชอบพระเอก ละก็ ไม่จริงครับ เค้าสองคน นั้นชอบกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดจากตอนไหน เค้าคบกันเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด แต่ต่างคนก็ต่างไม่กล้าบอกความในใจ ( ก็เพราะความเป็นเพื่อนสนิทไง ) เพราะ ดากานดา เป็นผู้หญิง จึงรอการบอก จากปากของ ไข่ย้อย แต่ไข่ย้อย ก็เลือกที่จะทำหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง ที่จะสื่อให้เห็นว่า เค้าเอาใจใส่เธอ และ ชอบเธอ ไม่ว่าจะเป็น การห่วงใยในอาหารการกิน ดูแลเมื่อยามเธอนอน เมา หรือ แม้กระทั่ง ล้างพู่กันให้ หรือ กระทั่ง ท้ายเรื่อง (ไม่บอกครับ) เค้าทำในสิ่งต่างๆ ให้ ดากานดา เพียงแต่เธอ ไม่รู้และไม่เห็นหรือ คิดไม่ถึง เท่านั้นเอง

แต่ที่ประทับใจนั้นเป็นซีน ที่ ดากานดา เคาะประตูห้องไข่ย้อย และ เข้าไปเห็นรูปในห้องของ ไข่ย้อย ที่ผมว่า ไข่ย้อย พยายามวาด ภาพดอกไม้ ออกมาเพื่อเป็นสื่อให้ ดากานดา เห็น แต่ด้วยความที่ดากานดา ไม่เข้าใจในการกระทำของเค้า กลับบอกว่า “ สวยดี แกน่าเปิดทำเป็น คอลเลคชั่นดอกไม้นะ ” แม้กระทั่งรูปที่ใหญ่ที่สุดในห้อง ซึ่งเป็นรูป แจกันแก้ว ใส่ดอกกุหลาบ สีชมพู ทาบอยู่บนเงารูปหัวใจ ( ถ้าใครดูแล้วสังเกตไม่เห็นเสียใจด้วยครับ ใครยังไม่ได้ดูไปสังเกตนะครับ) ที่เค้าวาดให้ ดากานดา เห็น เค้าจึงเสียใจ ทำลายรูปนั้นซะ ซีนนี้กินใจมาก มันบ่งบอกถึงความรู้สึก ของคนที่จะสื่อสารอะไรบางอย่าง ที่ทำออกไปให้คนที่รักเห็นแต่ คนที่รักกลับไม่เห็น มันขมขื่นมาก ( ฉากอย่างนี้เคยประทับใจผมมาแล้ว จากภาพยนตร์ เรื่อง Mr.Holland O’pus ซึ่งเป็น เรื่องที่พ่อเป็นครูสอนดนตรี แต่ไม่สามารถ สื่อเอาดนตรีที่เป็นสิ่งที่รักที่สุดของเค้า ให้ ลูกชายสุดที่รัก ที่เป็นใบ้ หูหนวกได้ มันบ่งบอกถึงความขมขื่นได้ดีมาก ๆ แต่ในที่สุดเขาก็ทำได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นภาพยนตร์ในดวงใจเรื่องหนึ่งของผมตลอดมา ) และฉากนี้ใน เพื่อนสนิท ก็เลยเป็นฉากที่ประทับใจมากที่สุดเช่นกันครับ และเช่นกัน มันบ่งบอกถึง ความผิดพลาดของการสื่อสาร ที่คนหนึ่งต้องการได้ยินกับหูตนเอง แต่อีกคนหนึ่ง อยากจะสื่อสารด้วยการกระทำ จึงทำให้ไม่สามารถสื่อกันได้ในที่สุด

และ อีกซีนหนี่ง ก็คือ ซีนที่ จิ๋ว ( เด็ก เล็ก ๆ ที่เป็นเพื่อนยามเหงาของนุ้ย ) ซีนนี้ทำให้ นุ้ย ซึ่งหลงรัก ไข่ย้อย จำเป็นต้อง สารภาพขอความรัก จาก ไข่ย้อย เป็น ซีนที่ยาวครับ แต่ประทับใจมาก ตื้นตัน และดูดีมาก ๆ เพราะอะไร เพราะ ภาพยนตร์บอกเราว่า มันถึงเวลาของนุ้ยแล้วที่จะบอก ความในใจ และ สาวปักษ์ใต้ นั้นเป็นคนจริงจังจริงใจ อยู่แล้ว เลยกล้าที่จะพูด เพราะ เมื่อ ไม่มีคนที่ไกล้ชิดแล้ว ก็ไม่อยากที่จะเสียคนที่เป็นคนรักไปอีกคน เธอจึงกล้าที่จะขอความรักจากชายที่เธอรัก ผิดกับวิสัย ดากานดา หรือ หญิงสาวทั่ว ๆ ไป เลยทำให้เป็นซีนที่ประทับใจมาก ๆ ไม่ขอเล่าต่อนะ เดี๋ยววัยรุ่นเซ็ง ก็ขอแค่นี้นะครับ พอหอมปากหอมคอ มีอีกหลายๆ ฉากที่ชอบ แต่ไม่เล่าดีกว่า ปล่อยให้ไปนึกกันเอาเอง หรือ คนยังไม่ดูก็ไปค้นหาความประทับใจสักตอนสองตอนหรือหลาย ๆ ตอน จากภาพยนตร์เรื่องนี้กันเอาเอง ซึ่งมีให้เยอะแยะ เพราะแต่ละคนอาจจะชอบไม่เหมือนกัน แล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้าง นะครับ

 



โดยรวม
ภาพยนตร์ไม่มีที่ติมากมายครับ ก็อย่างที่กล่าวไปแล้ว นิด ๆ หน่อย ๆ ขอชมเชยสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำได้ดีมาก ๆ ภาพยนตร์ มีดาราหลัก ๆ น้อย เรื่องราวก็เป็นเรื่องรัก ๆ ของคนสามคน แต่เค้าสามารถ เล่าเรื่องได้ดี โดยการ นำเอาตัวประกอบ ซึ่งเอามาใส่ไว้ได้อย่างลงตัว ทุกฉากทุกช่อง ทำให้ตัวภาพยนตร์สมบูรณ์มาก ไม่ว่าจะเป็น มุกลุงขี้ลืม มุกพี่แตน มุกฟุเหยิน จิ๋ว หรืออีกหลากหลายมุกที่ทำเอายิ้มแก้มปริ ออกจากโรง มันรู้สึกอิ่มเอมจริง ๆ ครับ ใครไม่ได้ดู ขอให้ไปดูซะ ไม่ได้มีภาพยนตร์ แบบนี้ ( แบบจะไม่มี....ฉากบู๊แอ็คชั่นเมามันส์ ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ไม่ใช้สลิง เจ๋งสุด ๆ แต่ตัวภาพยนตร์ ก็ไม่เอาอ่าว เช่นกัน ) ออกมาบ่อย ๆ หรอกนะ

 



และสุดท้าย
ในความคิดของผม ภาพยนตร์ สอนให้เรารู้ว่า “ เวลา ที่ผ่านไปแต่ละ วินาที ๆ ที่มันเดินไป มันพาเอาหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง จากเราไปด้วย และ มันไม่มีวันหวนกลับมาอีก ไม่ว่าเราอยากจะให้มันกลับมาเพียงใด “ ภาพยนตร์เรื่องนี้ มันก็ทำให้ผม กลับนึกไปถึงตัวเอง ที่ก็เคยแอบรักเพื่อนสนิท ( เป็นรุ่นน้องแต่สนิทกันมาก ) คนหนึ่งเหมือนกัน และยังเสียใจจนทุกวันนี้ที่ไม่มีโอกาสบอกให้เธอรู้ จนเธอจากไปแล้ว ทั้งที่เธออาจจะรอคำนั้นจากผมอยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้น หากคุณรักใครก็บอกเค้าเถิดครับ บางทีเค้าอาจจะรอคำนั้นอยู่นานแล้ว


ท้ายจริง ๆ
ความคุ้มค่า ภาพยนตร์เรื่อง “ เพื่อนสนิท “ ผมให้ 9.8 คะแนน ครับ
แล้วคราวหน้า เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องที่น่าสนใจ “ อสูรชาด“ จะกลับ เช่นเคยครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ เข้ามาอ่านแล้ว โพสท์เข้ามา บอกความคิดเห็นกันบ้างนะครับ ว่า ชอบ หรือไม่ชอบ อย่างไร สวัสดีครับ



"นัวฟิล์ม"

: เพื่อนสนิท, หนังไทย, รีวิว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รีวิว My Name is Loh Kiwan – ผมชื่อโรกีวาน
  • "The Zone of Interest วิมานนาซี" รีวิวสะพรึงทั้งรอบสื่อ ผู้กำกับ-นักวิจารณ์-นักการเมือง เริ่ม 1 มีนาคมนี้
  • รีวิวซีรีส์ A Shop for Killers
  • เฮี้ยนสยอง หลอนแรง จนไม่กล้าขึ้นลิฟต์! "Elevator Game ลิฟต์ซ่อนผี" วันนี้ ในโรงภาพยนตร์
  • "สมมติ" (Supposed) ทุกเสียงชื่นชม "หนังไทยแห่งปี" สมศักดิ์ศรี "ภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย" ของ "ธนกร พงษ์สุวรรณ"
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :
     
     
     
     

    ความคิดเห็นที่ 1  จากคุณ mdigital     13 ม.ค. 2567 23:14 น.


     1