ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > ข่าวดาราไทย

พลอย พลอยไพลิน จากเจ้าของเพจ สู่นางเอกหนังเรื่องแรกในชีวิต Low Season สุขสันต์วันโสด

4 ก.พ. 2563 11:20 น. | เปิดอ่าน 1402 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

จากเจ้าของเพจ "พลอยเรียนจบแล้วทำอะไรต่อ?" เด็กสาวทรานส์-ไซบีเรีย ผู้ออกเดินทางค้นหาตัวตนความเป็นตัวเองใน 8 ประเทศ 37 วัน พร้อมด้วยผลงานการเขียนหนังสือเล่มแรกของเธอ "วิชาเดินทางหลังเลิกเรียน" พ่วงด้วยตำแหน่งน้องสาวของนางเอกช่อง 7 สี อย่าง พิม - พิมประภา ตั้งประภาพร สำหรับ พลอย - พลอยไพลิน ตั้งประภาพร ด้วยโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดาของนางเอกสาวคนนี้ จึงทำให้ผู้กำกับอย่าง เป้ - นฤบดี เวชกรรม ต้องใจเข้าอย่างจัง และท้ายที่สุดได้เลือกพลอยไพลินมารับบท "หลิน" ใน Low Season - สุขสันต์วันโสด ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดจาก สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซเข้าฉาย 13 กุมภาพันธ์นี้

 

 

Low Season สุขสันต์วันโสด เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?
"เป็นเรื่องของ หลิน สาวออฟฟิศธรรมดาคนนึง ที่มีซิกซ์เซนส์เห็นผี ต้องมาอกหักจากแฟนหนุ่มที่เป็นซุป’ตาร์ เลยอยากจะ move on ให้ได้ จึงเลือกวิธีเจ็บแต่จบ เริ่มที่ไหนจบที่นั่น ทำให้ต้องออกเดินทางไปท่องเที่ยว เพราะอยากหายพัง แต่ดันไปเจอคนที่เพิ่งโสดมาเหมือนกันค่ะ บนดอยซึ่งเป็นโฮมสเตย์ที่หลินไปพัก จากโฮมสเตย์ที่คิดว่าจะไปพักรักษาใจ กลายเป็นแหล่งบำบัดของคนพังไปซะงั้น แถมยังต้องไปเจอกับ พุธ (มาริโอ้) นักเขียนบทที่มาหาแรงบันดาลใจในการเขียนบทหนังผีแมส ๆ ด้วยปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้ต้องไปช่วยเหลือเขาในการเขียนบท เรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มต้นขึ้นค่ะ"

ความท้าทายที่ต้องเผชิญในการรับบทนางเอกภาพยนตร์เรื่องแรกของชีวิต รู้สึกอย่างไรบ้าง?
"เป็นนางเอกเรื่องแรกทั้งกดดันและท้าทายมากค่ะ พลอยคิดว่าพลอยเป็นใครก็ไม่รู้ คนจะมาดูพลอยไหม ซึ่งพลอยก็ต้องทำการบ้านค่อนข้างเข้มเลย เพราะก่อนถ่ายทำก็จะมีไป Workshop ด้วย แต่ทางผู้กำกับไม่อยากให้ Workshop จนเสียตัวตนเรา เพราะเขาเขียนหนังเรื่องนี้จากที่เป็นเราอยู่แล้วค่ะ ผู้กำกับบอกว่าอยากได้ความเป็นธรรมชาติ ก็เลยต้องไป Workshop เพื่อให้เข้าใจตัวละคร ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ไปถ่ายต่างจังหวัด มันไกลแล้วก็ต้องเข้าป่าลุย ก็ค่อนข้างจะท้าทายพลอยอยู่ค่ะ"

 

 

กว่าจะมาเป็น หลิน ของ พลอยไพลิน กับการทาบทามนานถึง 2 ปี จนคิดว่าเกือบโดนหลอกเสียแล้ว?
"ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีกว่า ไม่รู้ว่าพี่แอน (โปรดิวเซอร์) หรือใครติดต่อมาค่ะ พี่เขาบอกว่าจะมีหนัง อยากให้พลอยมาเล่น มันเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้วคาแรคเตอร์พลอยได้ เขาก็เล่าคร่าว ๆ ให้ฟังว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ฟังแล้วมันสนุกดี ก็เลยอยากรู้ว่าตอนจบเป็นอย่างไร เราเลยถามผกก. ซึ่งพี่เป้ผกก.บอกพี่ยังเขียนบทอยู่เลย จนสุดท้ายมันนานจนเราตัดใจไปแล้วว่าคงไม่ได้เล่นหรอก แล้วพี่แอนก็ติดต่อกลับมาจริง ๆ บอกว่าบทเสร็จแล้วนะพร้อมที่จะให้เล่นแล้วค่ะ"

หลิน ในมุมมองของ พลอย เป็นคนอย่างไร?
"หลิน เขาจะเป็นคนค่อนข้างจะสู้ แต่เพื่อคนที่เรารักอะไร ๆ ก็ยอม พี่ต่อคือ only one ไม่มีอะไรมากกว่าเขาอีกแล้ว เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่มันไม่ไหวแล้วก็จะตัดขาดก็ตัดให้มันจบ ๆ ไปเลย คิดว่าตัวละครของหลินนี่น่าจะ Base on true story ของใครหลาย ๆ คนที่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงและผู้ชาย เพราะเราเชื่อว่าการที่คนจะออกเดินทางคนเดียวมันต้องมีเหตุผล คือบางคนอาจจะต้องการไปเที่ยวพักผ่อน แต่เราว่าเหตุผลส่วนใหญ่คืออกหัก หลินเหมือนเป็นกระจกสะท้อนตัวตนของใครหลาย ๆ คนที่อกหักแล้วต้องการจะเยียวยา เพราะอยู่ที่เดิมแล้วมันลืมภาพเก่าไม่ได้ก็ต้องตัดขาดโดยการออกเดินทางไปเที่ยวเพื่อให้ลืม"

แล้วตัวละคร หลิน มีความเหมือนหรือต่างจากตัวตนของ พลอย มากน้อยขนาดไหน?
"คือค่อนข้างมีความใกล้เคียง เป็นคนที่ห้าว ๆ เหมือนที่พี่เป้บอกว่าเล่นเป็นตัวเรา รู้สึกอย่างไรก็แค่โวยวายแบบนั้น เราก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แล้วด้วยความที่ต้องกลัวผีเราก็กลัวผีจริง ๆ และเป็นคนที่ซาบซึ้งกับธรรมชาติทุกอย่าง มองโลกในแง่บวก หลินก็เป็นผู้หญิงแบบเรานะ ถ้าตามนิสัย ส่วนที่ไม่เหมือนกันเลยก็น่าจะเป็นแค่เรื่องเดียวคือหลินไม่เคยพบโลก ไม่เคยรู้ว่าการท่องเที่ยวเป็นยังไงค่ะ"

 

 

จากพี่โชนของน้ำ กลายมาเป็น พุธของหลิน เป็นอย่างไรบ้างการทำงานกับ มาริโอ้ เมาเร่อ?
"ตื่นเต้นค่ะ เพราะว่าถ้าคนที่รู้จักเราจริง ๆ อย่างพี่พิม (พิมประภา ตั้งประภาพร) จะรู้เลยว่าเราเป็นคนที่ชอบดารามาก ชอบศิลปิน เป็นแฟนคลับ แล้วตอนที่เจอพี่มาริโอ้ครั้งแรกตอนฟิตติ้งกรี้ดเลย เพราะพี่มาริโอ้คือพี่โชนของน้องน้ำที่เราดูตอนสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก (ปี 2553) วันนี้เราก็ได้เป็น หลิน กับ พุธ นะคะ คนที่เราดูตอนนั้นมาทำงานกับเราตอนนี้ เราก็กดดัน เพราะเราอยากให้รู้สึกว่าเขาภูมิใจที่แบบได้ทำงานกับเรา อยากทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ผิดหวังที่เลือกเรามา ไม่ใช่แค่พี่มาริโอ้ แต่ทั้งพี่แอน(โปรดิวเซอร์) พี่เป้(ผู้กำกับ) และทุกคนที่รู้สึกว่าเขาให้โอกาสเรามาแล้ว เราอยากให้เขาภูมิใจ"

 

 

การร่วมงานครั้งแรกกับผู้กำกับอารมณ์ดี เป้ - นฤบดี เวชกรรม?
"เราว่าพี่เป้เป็นคนที่ค่อนข้างพูดน้อยค่ะ เงียบ ๆ แต่พูดทีคือหมัดหนัก ค่อนข้างจะใจดี ทำงานสบาย ๆ เป็นกันเอง คือไม่ได้มากดดันอะไรเรามาก เขาก็แค่จะคอยบอกว่าทำดีแล้ว คือทุกครั้งที่เราเล่น เราชอบไปนั่งหน้ามอนิเตอร์ เราก็จะถามเขาทุกฉากเลยว่าดีพอรึยังคะ คือเขาเหมือนแบบให้กำลังใจเรา แล้วมันจะมีรอบนึงที่เขาคงแบบรำคาญเราหรือเปล่าไม่แน่ใจ อารมณ์แบบถามทุกซีน ยันคิวสุดท้าย เราก็ถามเขาว่าดีรึยังคะ เขาเลยบอกว่า ห่วยแตก (หัวเราะ) เขาบอกต้องการแค่นี้ใช่ไหม แล้วพี่เป้เขาจะชอบ improvise ชอบแบบไม่ต้องเน้นบทเป๊ะมาก หมดฉากแล้วแต่ถ้าจะเล่นอะไรกันต่อเขาก็เอาไว้เหมือนกัน อย่างฉากที่เข้ากับพี่กะเร (เปิ้ล นาคร) พี่โอ้ขาไปเตะโดนไฟ เขาก็ชอบ เขาชอบความแบบธรรมชาติ

 

 

การร่วมงานกับพี่ ๆ แก๊งคนโสด (โฟร์ ศกลรัตน์ / นิกกี้ ณฉัตร / อ้น ศรีพรรณ - โจ๊ก อัครินทร์) ชุลมุน วุ่นวาย ฮากระจายวายป่วงขนาดไหน?
"คือต้องขอเล่าก่อนว่าในเรื่อง Low Season หลิน เขาต้องออกเดินทางขึ้นดอย แล้วไปพักที่โฮมสเตย์นึง ทีนี้โฮมสเตย์นี้ก็ดันมีคนที่พังเหมือนกันมา ขอเรียกว่า 'แก๊งคน(เพิ่ง)โสดแห่งบ้านบนดอย' แล้วกันค่ะ ซึ่งก็ได้นักแสดงรุ่นพี่ฝีมือจัดจ้านครบรสมาร่วมสร้างสีสันให้กับหนังเรื่องนี้ ทุกคนมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของตัวเอง อย่างพี่โฟร์ ศกลรัตน์ ในเรื่องรับบทเป็น นุ่น แอร์โฮสเตสสาวสวยที่โสดเพราะถูกเทในวันแต่งงาน ซึ่งตัวจริงพี่โฟร์เป็นคนที่ร่าเริงสดใส คอยแกล้งพี่นิกกี้ พี่นิกกี้ก็จะโดนแกล้งและแกล้งกลับพี่โฟร์เหมือนกัน ซึ่งในเรื่องพี่นิกกี้ ณฉัตร ก็เล่นเป็น วิทยา หนุ่มบาริสต้าที่จับได้ว่าแฟนแอบไปกิ๊กกับเพื่อนสนิทของตัวเอง ส่วนพี่ โจ๊ก อัครินทร์ คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่สุด ใน Low Season พี่เขาเล่นเป็น พี่โอม เจ้าของโฮมสเตย์บ้านบนดอย ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวพ่อของเหล่าคน(เพิ่ง)โสด ซึ่งตัวจริงพี่โจ๊กก็จะคอยกำกับพี่นิกกี้ให้แกล้งพี่โฟร์ แต่ชอบพูดว่าแบบไม่เอาสิน้อง ไม่แกล้ง แต่ก็ไม่ห้าม เป็นคนคอยร่วมวงแบบเงียบ ๆ ส่วนพี่อ้นก็คือสายเม้าท์แบบชวนคุยค่ะ อย่างบทที่พี่อ้น ศรีพรรณ ได้ คือเล่นเป็น พี่อ้อม แม่บ้านประจำโฮมสเตย์ ที่ชอบทำตัวเสมือนเป็นเมียพี่โอม มันจะมีฉากนึงที่เป็นฉากกินข้าวเย็น หน้าฉากก็คือนั่งระหว่างรอเซ็ต คุยกันไม่หยุดเลย แบบกินข้าวอยู่ดี ๆ ก็ลากเข้ามาในไดอะล็อกเฉยเลย และจะมีซีนในเกสต์เฮ้าส์ที่ทุกคนต้องมาเจอกัน แล้วพี่นิกกี้ชอบมีมุกที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน อย่างพี่เขาจะเอาแชมพูมาสระผม คือเขาก็จะคุยกันแบบเงียบ ๆ ไม่ให้เรารู้ พอเราหันไปมันก็มีความเซอร์ไพร์สจริง ๆ หรืออย่างฉากไฟไหม้แล้วเขาก็แบบคลาน คือเป็นอะไรที่นอกบท เขาสามารถทำให้มันมีอะไรได้ ตลกมาก ค่อนข้างเป็นคนที่ครีเอทีฟมากค่ะ"

ในภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนรวมนักแสดงรุ่นพี่ไว้หมดเลย พลอยแอบมีกังวลบ้างไหม เพราะเราคือน้องเล็กและใหม่สุดในกลุ่ม?
"กังวลมากค่ะพี่ ๆ เขาเป็นรุ่นใหญ่กันหมดเลย ตอนแรกคิดว่าเขาคงไม่อยากคุยกับเราแน่เลย เพราะเราก็เป็นหน้าใหม่ เราก็รู้สึกกดดัน กังวล เพราะรู้สึกว่ากลัวทำให้เขาเสียเวลา แต่พอมาเจอจริง ๆ แล้วทุกคนน่ารักมากเฮฮาร่าเริงชวนคุย ทำให้เราไม่กดดัน เราก็รู้สึกว่าเราไม่เกร็ง เกร็งน้อยลงถึงแม้ว่าคิวแรก ๆ จะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่พอหลัง ๆ คือได้เล่นได้คุยกันค่ะ"

 

 

ฉากที่พลอยจะจดจำไปตลอดชีวิตในการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก?
"ฉากที่ดูดาวค่ะ แบบเปิดเพลงแล้วก็นั่งดูดาว ในหนังที่เราพูดว่า 'ดีจังอ่ะ' คือมันดีจริง ๆ ตอนนั้นคือมันเห็นดาวเต็มฟ้าเลยค่ะ เราคิดว่าถ้าเป็นเราจริง ๆ แล้วได้ไปนอนตรงชายคาตรงนั้นเหมือนกับหลิน ปูผ้านอนแล้วดูดาว อากาศมันเย็นมันหนาวจริง ๆ ต้องรอไปดูในหนังกันนะคะ เพราะ Mood มันดีจริง ๆ เปิดเพลงด้วยเพลงของเขียนไข และวานิช เพลงภาพฝันในจักรวาล เราชอบท่อน 'เธอคือภาพฝันในจักรวาลของฉัน ดวงดาวส่องแสงวับวาวเมื่อพบเจอ' ด้วยความที่จังหวะดนตรีเบาสบาย ไม่หนัก ทำให้แล้วเราก็ชอบเพลงนั้นไปเลยค่ะ"

ฉากไหนที่พลอยคิดว่าลุย เละ ทรหดที่สุดแล้ว?
"ที่พลอยรู้สึกว่าโหดที่สุดน่าจะเป็นวันที่ถ่ายทำนาขั้นบันได เพราะมันลื่นมากค่ะ มันไม่ได้โหดที่แอคชั่นหรือแอคติ้ง แต่มันโหดตรงที่ตอนเดินเข้าไป ต้องนั่งรถโฟร์วิล กว่าจะได้เข้าไป กว่าจะแบกของ กว่าจะลุย เป็นนาขั้นบันไดที่ลื่นมากจนต้องเกร็งขาเลยค่ะ วันนั้นเลยเหนื่อยมาก มันไม่ได้ถ่ายทำแค่ที่เดียว แต่ต้องย้ายโลเคชั่นด้วย มันต้องนั่งรถไปอีกที่นึงและเดินข้ามไปอีกที่หนึ่ง มันค่อนข้างเหนื่อยเดินทาง ซึ่งทุกคนลื่นหกล้มกันเกือบหมดเลยค่ะ เพราะวันแรกที่ไปถ่ายทำที่นั่นไม่มีใครรู้ว่าสถานที่ถ่ายทำมันเป็นอย่างไร และทีมงานไม่ได้เตรียมตัวเลย อย่างการใส่สตั๊ดดอย (รองเท้ากันลื่น) ค่ะก็ลื่นล้มกันไปเป็นโดมิโนเชียว"

 

 

ความพิเศษ หรือเสน่ห์ของภาพยนตร์ที่ผู้ชมจะได้เห็นใน Low Season?
"เราว่าหนังเรื่องนี้มีความผสมผสานกันในหลาย ๆ ด้าน ทั้งความโรแมนติก ผสมกับการเที่ยว กลิ่นไอของความเหงา ที่ทั้งฝน เที่ยวคนเดียว แต่มันก็ไม่ได้เหงาเพราะมีเพื่อนแปลกหน้าที่คอยมาสร้างเรื่องราวสนุก ๆ ตลก ๆ ให้เรา มีตลกด้วย มีผีเข้ามาอีก คือทุกอย่างมันเป็นการผสมผสานกันในเรื่องเดียว หนังเรื่องนึงมันมีหลายมุมมองหลายความรู้สึกให้เราได้สัมผัส แล้วด้วยความที่ว่าหนังถ่ายหน้า Low Season จริง ๆ ต้นไม้ ฝน หมอก ความหนาว แสงแดด หรืออย่างความชื้น โคลน ลื่น ทุกอย่างมันคือจริงหมดเลย จะได้เห็นความเรียล ไม่ใช่แค่ตัวละคร แต่ทั้งสภาพอากาศคือความจริงหมด สถานที่ที่เราไปถ่ายทำมันก็มีอยู่จริง ๆ มีบ้านพักจริง ๆ ที่เป็นเรื่องราวนั้นจริง ๆ คือทุกอย่างมันเกือบจะ Base on true story เคยเกิดขึ้นจริงกับคน ๆ นึง แล้วก็มาดัดแปลงให้มีเรื่องราวมากขึ้น"

ฝากภาพยนตร์เรื่อง Low Season?
"ฝากภาพยนตร์เรื่องแรกของพลอยด้วยนะคะ เรื่องนี้พลอยตั้งใจทำมากจริง ๆ ไม่ใช่แค่พลอยแต่นักแสดงทุกคน ทีมงานทุกคน ผู้กำกับ ทุก ๆ คน แม้กระทั่งฝ่าย PR ทุกคนก็ตั้งใจอยากจะทำหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดีจริง ๆ แล้วเราก็เชื่อว่าหนังเรื่องนี้มันจะทำให้ทุกคนเห็นมุมมองใหม่ ๆ ของทั้งการท่องเที่ยวไทย ว่าประเทศไทยมีความสวยงามอย่างไร และความสนุกของหนังที่ทั้งตลก โรแมนติก มีความน่ากลัว มีความเป็นมากกว่าหนังโรแมนติกคอเมดี้ทั่วไป เราว่าหนังเรื่องนี้น่าจะให้อะไรกับคนดูได้บ้าง แล้วเราก็หวังว่าหนังเรื่องแรกของพลอยจะได้รับความเอ็นดูจากทุก ๆ คนนะคะ"

 

 

: สัมภาษณ์, พลอยไพลิน ตั้งประภาพร, Low Season, สุขสันต์วันโสด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • "MONDO รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม" รอบสหฯ-ภาพเด็กหนัง ชมเบื้องหน้าสู่ Q&A เบื้องหลังกับผู้กำกับและทีมนักแสดง
  • เมื่อ "รัก" ครั้งนี้ "ต้องเลือก-ต้องรอ-ต้องลุ้น" ร่วมหาทางออกให้กับความรักของพวกเขาและเธอ ใน "MONDO"
  • รีวิว MONDO - มอนโด รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม
  • "พลอย-เกรท-มีน" ใครเป็นใครใน "MONDO รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม" 3 โปสเตอร์คาแร็กเตอร์ 3 นักแสดงมาแรงยุคโซเชียล
  • "MONDO รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม" ภาพยนตร์โรแมนติก-ไซไฟ-คอมเมดี้ที่พร้อมขยี้ทุกความสัมพันธ์ 10 สิงหาคมนี้
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :
     
     
     
     

    ความคิดเห็นที่ 1  จากคุณ mdigital     14 ม.ค. 2567 00:17 น.


     1