ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > ข่าวดาราไทย

ทำความรู้จัก "พิมพกา โตวิระ" เกี่ยวกับมหาสมุทรและสุสานกับโปรเจ็กต์ Unlock Indies ปลดล็อกหนังอิสระ

21 ก.ค. 2559 10:04 น. | เปิดอ่าน 1540 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

     คงจะไม่ต้องเอ่ยถึงฝีมืออะไรกันมากกับ ผู้กำกับหญิงเก่ง พิมพกา โตวิระ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างภาพยนตร์แนวอิสระ เธอเป็นทั้งโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับมือรางวัลระดับนานาชาติ รวมถึงยังเป็นศิลปินรางวัลศิลปาธร ประจำปี 2552 ในสาขาภาพยนตร์ เรียกได้ว่าเป็นคนทำหนังอีกคนที่บุกเบิกหนังอิสระและให้ความสำคัญกับการสะท้อนสังคมผ่านสื่ออย่างภาพยนตร์มาโดยตลอด อาทิ คืนไร้เงา (2546), The Truth Be Told (2550), สุดสะแนน (2553), The Island Funeral มหาสมุทรและสุสาน (2015) จนถึง นิมิตลวง PRELUDE TO THE GENERAL (2016) ที่เพิ่งไปคว้ารางวัล Jury Prize ในสาย Short Film Competition เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮ่องกงครั้งที่ 40

     แต่สำหรับ มหาสมุทรและสุสาน ได้รับเสียงชื่นชมและชนะรางวัลจำนวนมาก ได้แก่ Best Asian Future Film Award จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองโตเกียวปี 2558, รางวัล FIPRESCI Award จากเทศกาลนานาชาติฮ่องกงปี 2559, รางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยม ในสาย Asian New Talent Award จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เซี่ยงไฮ้ ปี 2559 และได้ทุนไทยเข้มแข็งจากกระทรวงวัฒนธรรมตามโครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ และวีดิทัศน์แห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2553

     และยังได้รีวิวจากสื่อบันเทิงต่างประเทศชื่อดังอย่าง The Hollywood Reporter ซึ่งระบุว่า "with hypnotizing imagery and smart overthrow of genre-cinema iconography" - "เป็นงานที่ทำให้ต้องมนต์ และท้าทายสัญลักษณ์ ภาพยนตร์อย่างชาญฉลาด"


ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง มหาสมุทรและสุสาน

ขอย้อนกลับไปถึง ภาพยนตร์มหาสมุทรและสุสาน ทราบมาว่าหนังเรื่องนี้ ใช้เวลาถ่ายทำกว่า 8 ปี นั่นเพราะอะไร
     ที่ถ่ายทำนานนั้น  เกิดมาจากหลายอุปสรรค ตอนที่เริ่มต้นโปรเจ็กต์นี้ ค่อนข้างหาทุนได้ยาก แม้ว่าเราจะได้ทุนมาจากต่างประเทศบ้างแล้วแต่ไม่พอค่ะ อีกอย่างคือตั้งใจจะถ่ายทำหลายส่วนที่ปัตตานี ซึ่งต้องมีการลงไปรีเสิร์ชและเตรียมงานในการประสานกับคนในพื้นที่ ซึ่งในช่วงนั้นเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนค่อนข้างรุนแรง การจะเอาทีมงานลงไปก็ต้องเตรียมการดีๆ เพราะเราถ่ายด้วยฟิล์ม 16 มม และนักแสดงนำ คุณฮีน ศศิธร ก็ติดเรียนปริญญาโทด้านการแสดงที่นิวยอร์ค  เราก็ต้องถ่ายและพักรอเป็นช่วงๆ ตามเวลาที่เขาปิดเทอม คือเรียกได้ว่ากว่าจะหาเงินได้ครบก็ใช้เวลาหลายปี  พอจะพร้อมถ่ายก็ใช้เวลาเป็นปี ตัดต่อ ทำโพสต์ก็มีปัญหานานับประการ ก็เลยกว่าจะเสร็จเลยนานกว่าที่คิด จริงๆ ก็ไม่อยากให้นานขนาดนี้ แต่การทำหนังเรื่องนี้พบอุปสรรคทุกขั้นตอนเลย

ประทับใจอะไรในถ่ายทำหนังเรื่องนี้บ้าง
     ประทับใจทีมงานทุกคนและนักแสดงมากๆ คือนับตั้งแต่ ผู้ร่วมเขียนบท ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ ตากล้อง อาร์ไดเรคเตอร์ นักแสดงทุกๆ คน  มาจนถึงทีมงานทุกตำแหน่ง  คือการที่เราทำหนังเรื่องนี้ เราใช้เวลานานในทุกขั้นตอน ทุกคนก็พยายามช่วยจนถึงท้ายสุดเราก็ฝ่าฟันกันมาจนจบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ลงไปถ่ายที่ปัตตานี คือตอนนั้นอยู่ในช่วงสถานการณ์ที่รุนแรง มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นเป็นระยะ ไม่เพียงจะต้องทำประกันทีมงาน  ต้องทำประกันอุปกรณ์ แต่ทีมงานหลักก็ลงไปกันแม้ว่าจะมีกลัวๆ กันบ้าง แต่ก็ลุยไปด้วยกัน ช่วงการถ่ายช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีอะไรตื่นเต้นตลอดเวลา เพราะเราถ่ายกันแบบกองโจร  รีบถ่ายรีบเดินทางไปจุดอื่นๆ

ประเด็นหลักในมหาสมุทรและสุสานเริ่มต้นจากไหน
     ตอนนั้นกำลังขับรถกลับจากปัตตานีเพื่อไปกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นช่วงเย็นและกำลังมีเคอร์ฟิว ภาพที่เกิดขึ้นวันนั้นเป็นหนึ่งในความทรงจำ ซึ่งเรารู้สึกว่าความทรงจำของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งพิเศษ เพราะคนละเลือกจดจำในสิ่งที่ตนมีมุมมองที่แตกต่างกัน ที่สำคัญความทรงจำนั้นจะไม่มีวันตาย เพราะจะนำไปสู่เรื่องเล่า ถ้าถ้าเรื่องนั้นมีอนุภาพ มันก็จะปัดลงในใจและแพร่ขยายไปเป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาด้วยกับที่เราได้เดินทางไปในหลายๆ ที่ ทั้งภาคเหนื่อ อีสาน และใต้ ได้พูดคุยและสัมผัสชีวิตและฟังเรื่องเล่าจากความทรงจำของพวกเขา ขณะเดียวกันก็รู้ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศของเรามันไม่ใช่แค่ความขัดแย้งของสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ แต่มันผูกพนักกับความทรงจำในอดีต ซึ่งน่าจะขยายสู่โลกภาพยนตร์ได้

มหาสมุทรและสุสานจึงไม่ใช่หนังสะท้อนปัญหาความขัดแย้งของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และไม่ใช่เรื่องเล่าของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นหนังที่เกี่ยวกับมนุษย์ทุกคนล้วนมองหาโลกอุดมคติในท่ามกลางความขัดแย้งของการปะทะกับฝ่ายอดีตและความทรงจำ


ชนะรางวัลในสาขา Asian Future ที่ เทศกาลภาพยนตร์ Tokyo International Film Festival 2015

ในฐานะผู้กำกับ คิดว่าอะไรทำให้มหาสมุทรและสุสานได้รางวัลเอเชี่ยน ฟิวเจอร์จากเทศกาลหนังโตเกียว หรือรู้สึกอย่างไรกับรางวัลนี้
     ตอนที่ได้รางวัลก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน เพราะตอนนั้นเหมือนมีคนพูดว่ามีคู่แข่งแข็งๆ ทั้งนั้น แต่ก็เหมือนแอบลุ้นนิดๆ ตั้งแต่ฉายรอบแรก เพราะหลังฉายเสร็จ คือทวิตเตอร์ชมหนังออกมาเยอะมากเป็นภาษาญี่ปุ่น (คนญี่ปุ่นชอบทวิตเตอร์) ล่ามที่แปลตอน Q&A แปลส่งมาเยอะมาก ก็ดีใจ แต่ก็ยังไม่มั่นใจ ก็ไม่ได้เตรียมอะไรเลย ตอนที่ขึ้นไปรับก็ตื่นเต้นมาก แต่พอหลังรับรางวัลเราก็ไปคุยกับโปรแกรมเมอร์ เขาบอกว่าคะแนนหนังเราชนะเป็นเอกฉันท์ เอาเท่าที่ถามจากกรรมการและนักวิจารณ์ เขาก็พูดกันว่า หนังเราโดดเด่นด้วยเรื่องราวที่เหมือนจะใช้ทางแบบหนังสูตรอย่างพวกหนังโรดมูวี่ แต่พลิกไปเป็นหนังอีกแบบที่มีความลึกลับและเซอร์เรียล ทำให้หนังมีความเป็นเอกลักษณ์ในการเล่าเรื่อง ทั้งยังสามารถสะท้อนประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองด้วยท่าทีที่มีความหวัง และงานด้านภาพ และการแสดงก็กลมกลืน มีความโดดเด่นและน่าสนใจ

ก่อนหน้านั้น มหาสมุทรและสุสานได้รางวัล FIPRESCI Prize จาก เทศกาลนานาชาติฮ่องกง และ ถ่ายภาพยอดเยี่ยมที่เซี่ยงไฮ้ด้วย ซึ่งเป็นรางวัลในระแวกเอเซียเช่นเคย คุณคิดว่าอะไรทำให้หนังเข้าถึงคนดูได้ขนาดนั้น
     โดยส่วนตัวคิดว่า แม้คนดูจะไมได้เข้าใจประเด็นปัญหาทั้งหมดของเหตุการณ์ในประเทศไทย แต่ลึกๆ แล้ว เขาสามารถเข้าใจสิ่งที่หนังพยายามนำเสนอ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนในปัจจุบันก็เผชิญกันอยู่ จริงๆ หนังพูดถึงสถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งปัจจุบันก็เกิดขึ้นในทุกๆ ที่ในโลก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะคนเอเชียก็คงเบื่อความขัดแย้งเหมือนคนไทยเหมือนกัน เขาคงคิดว่าหนังเรื่องนี้ได้เปิดมุมมองที่แตกต่าง(อันนี้คิดเองนะคะ)

Unlock Indies โครงการที่ว่านี้คืออะไร เริ่มต้นจากตรงไหน
     เริ่มมาจากการที่เราทำหนังอิสระ และเพื่อนในวงการก็ทำด้วยเช่นกัน เราก็คิดว่าการมารวมกันและเซ็ตเป็นโปรแกรมฉายขึ้นมาน่าจะช่วยกันในการดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ได้ชัดเจนกว่า และเราคิดว่าplatformในการฉายหนังในปัจจุบันก็มีหลากหลาย  การทำเป็นโปรแกรมฉายหนังหลายเรื่อง จะทำให้มีความต่อเนื่องในการฉายหนังอิสระ และช่วงสร้างกลุ่มคนดูให้กว้างขยายขึ้น

ความท้าทายของโปรเจ็กต์นี้คืออะไร
     เนื่องจากหนังในโปรแกรมหนังมีความหลากหลาย ที่เราอาจต้องพยายามเข้าไปสู่ฐานคนดูใหม่ๆ เพื่อขยายกลุ่มคนดู ก็ต้องพยายามที่สื่อสารกับคนดูให้มากขึ้น ซึ่งเราไม่ได้มีเงินทุนในการประชาสัมพันธ์หรือโปรโมทได้มาก ต้องอาศัยสื่อต่างๆ ในการช่วยเผยแพร่ ก็คงต้องอดทนและใช้เวลาพอสมควร

ถ้าถามถึงภาพใหญ่ๆ มองวงการอุตสาหกรรมโรงหนังไทยเป็นอย่างไรบ้าง และ Unlock Indies จะมีส่วนช่วยเสริมในเรื่องไหนบ้างไหม
     คิดว่าปัจจุบันหนังมีปริมาณที่เยอะขึ้น โรงหนังก็มีแนวโน้มที่จะให้พื้นที่สำหรับหนังที่ทำเงินมากกว่าหนังเล็กๆ  การที่เราทำ Unlock Indies เราก็หวังว่าโรงหนังจะมองเห็นภาพที่ชัดเจนของกลุ่มหนังอิสระที่มากพอที่เขาจะแบ่งพื้นที่ให้มากขึ้น

     สำหรับใครอยากรู้จักหนังอินดี้มากขึ้นหรืออยากรู้โปรแกรมฉายของ Unlock Indie สามารถติดตามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก unlockindies

ที่มา thehollywoodreporter-thailand.com

: พิมพกา โตวิระ, มหาสมุทรและสุสาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • "ใหม่ ดาวิกา" คว้านักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัล คมชัดลึกอวอร์ด ครั้งที่ 14
  • สรุปผลการประกาศรางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 25 ดาวคะนอง คว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
  • มุมมองต่อวงการภาพยนตร์ของ "พิมพกา โตวิระ" ผกก.หนังชายแดนใต้เจ้าของรางวัล Asian Future จากงานเทศกาลหนังโตเกียว
  • มหาสมุทรและสุสาน ของ พิมพกา โตวิระ ชนะรางวัลสาย Asian Future ที่ Tokyo International Film Festival 2015
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :