ภาพจากหนังเรื่อง สิ้นแสงฉาน

กลายเป็นประเด็นกันแล้ว สำหรับภาพยนตร์เรื่อง "สิ้นแสงฉาน" หรือ Twilight Over Burma ที่หลังจากวันที่ 14 มิถุนายน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกระงับการฉายในเทศกาลภาพยนตร์สิทธิมนุษยชนนานาชาติในนครย่างกุ้งของพม่า เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาพบว่าสิ้นแสงฉานอาจนำไปสู่ความแตกแยกของชาติพันธุ์แห่งสหภาพพม่า และล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เคยถูกวางโปรแกรมฉายซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของภาพยนตร์ที่จะฉายในรอบปฐมทัศน์ของเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย ครั้งที่ 4 (Thailand International Film Destination Festival 2016) ที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมก็ได้ถูกถอดออกด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีเนื้อหาที่สุ่มเสียงที่จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและพม่า จึงถูกถอดออกเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน นอกจากมียังมีภาพยนตร์อีก 3 เรื่องถูกถอดจากโปรแกรมเนื้องจากคาดว่ามีเรื่องราวการนำเสนอประเทศไทยในด้านมืดปะปนอยู่ ได้แก่ Pattaya (2016), Happy Hour in Paradise (2015), Detective Chinatown (2016)

ภาพจากหนังเรื่อง สิ้นแสงฉาน

ภาพจากหนังเรื่อง สิ้นแสงฉาน

ภาพยนตร์เรื่อง "สิ้นแสงฉาน" หรือ Twilight Over Burma ผลิตโดยบริษัท DOR Film ประเทศออสเตรีย กำกับโดย Sabine Derflinger ควบคุมการผลิตโดย Isabelle Welter เขียนบทโดย Rupert Henning อำนวยการสร้างโดย Danny Krausz ถ่ายทำทั้งในเมียนมาร์และประเทศไทย เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากชีวิตจริงของเจ้าหญิงอิงเง่ ซาเจ้น หรือพระนางสุจันทรี ราชินี ผู้เป็นรักแท้ของกันและกันกับเจ้าจาแสง เจ้าฟ้าผู้ครองนครสี่ป้อ แห่งรัฐฉาน ซึ่งไม่สมหวังกับความรักเพราะปัญหาการเมืองนักแสดงรับบทเจ้าจาแสง คือ เป้ ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์ ส่วนนักแสดงที่รับบทเป็นเจ้าหญิงอิงเง่ คือ Maria Ehrich

ภาพจากหนังเรื่อง Pattaya

ฉากสำเร็จความใคร่ บนตำหนักพุทไธสวรรย์ ซึ่งถูกจัดให้เป็นฉากเกสต์เฮาส์ในภาพยนตร์เรื่อง Pattaya

นายฆนัท นาคถนอมทรัพย์ หุ้นส่วนบริษัท 2,000 บีซี ซึ่งรับผลิตสารคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เปิดเผยว่า ภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง Pattaya ซึ่งถูกห้ามฉายตามข่าวที่ปรากฏ คือเรื่องเดียวกับที่เข้าไปถ่ายทำบนตำหนักพุทธโฆษาจารย์ วัดพุทไธสวรรย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งตนได้พบและแจ้งสื่อจนกลายเป็นข่าวดังเมื่อเดือนมีนาคม 2558 เนื่องจากสังคมมองว่าไม่เหมาะสม เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นโบราณสถานยุคกรุงศรีอยุธยา อีกทั้งมีภาพจิตรกรรมเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ เป็นสถานที่สำคัญในพุทธศาสนา เหตุใดจึงได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำ โดยใช้เป็นฉาก เกสต์เฮาส์ ซึ่งต่อมานายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้นอธิบายว่ากองถ่ายภาพยนตร์ ได้เข้าไปขอถ่ายทำกับไวยาวัจกรของทางวัดพุทไธศวรรย์ ส่วนกรมศิลปากรมีหน้าที่ในการดูแลในเรื่องของการบูรณะ ไม่ให้มีการรื้อถอน หรือก่อสร้างเพิ่มเติมในโบราณสถานเท่านั้น ส่วนการอนุญาตการใช้ตำหนักพระพุทธโฆษจารย์ เป็นอำนาจการตัดสินใจของวัด นายฆนัทกล่าวอีกว่า ล่าสุด เมื่อตนได้ชมภาพยนตร์ดังกล่าวยังต้องตกใจเมื่อพบว่า มีฉากที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะฉากสำเร็จความใคร่ของตัวละครตัวหนึ่ง จึงให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการให้เช่าพื้นที่ถ่ายทำภาพยนตร์

ระหว่างการถ่ายทำเมื่อเดือนมีนาคม 2558 มีการนำอุปกรณ์ประกอบฉากตั้งชิดภาพจิตรกรรมเก่าแก่

เฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักมาก ถูกยกขึ้นไปติดตั้งบนตำหนักซึ่งถือเป็นโบราณสถานสำคัญ

"ตำหนักโบราณที่ไม่เปิดให้คนไทยเข้าไปชมโดยอ้างว่าต้องอนุรักษ์ โครงสร้างและงานจิตรกรรม แต่กลับให้ชาวต่างชาติเข้าไปเช่าถ่ายทำหนังได้โดยใช้ตำหนักเป็นฉากเกสต์เฮาส์ และยังมีฉากสำเร็จความใคร่อีก ซึ่งไม่เหมาะสมอย่างมาก เพราะสถานที่นี้คือวัดในพุทธศาสนา ในอนาคต ผมคิดว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรไตร่ตรองให้รอบคอบกว่านี้ในการให้อนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์" นายฆนัทกล่าว

สำหรับเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย ครั้งที่ 4 (Thailand International Film Destination Festival 2016) ที่เปิดให้ชมภาพยนตร์ฟรีที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ระหว่าง 6-12 กรกฎาคม จะมีภาพยนตร์ให้ชมทั้งหมด 10 เรื่อง ได้แก่  River (2015), Hacker (2015), Sayonara Itsuka (2010), The Man with the Iron Fists 2 (2015), The Asian Connection (2016), Fireflies (2013), Sunny and the Elephant (2007),Baaghi (2016), Un nuovo giorno (2016) และ Forever Young (2016) โดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทีเฟซบุ๊ก thailandfilmdestination

ที่มา : matichon.co.th / FB: thailandfilmdestination