ตามรอยพี่ชาย (หรืออาจจะเรียกพี่สาว) เข้าวงการเต็มตัว สำหรับ เบลเยี่ยม-ภาวินี บูรณาชีวาวิไล น้องสาวของดีเจบุ๊คโกะ-ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล โดยตอนนี้เบลเยี่ยมนั่งแท่นนักแสดงเต็มตัวกับภาพยนตร์เรื่อง "มหาลัยเที่ยงคืน" ที่กำลังจะเข้าฉาย 28 กรกฎาคมนี้ แต่ภายใต้คาแรกเตอร์ความสดใส เฮฮา บวกกับรูปร่างหน้าตา ที่โขลกมาเด๊ะกับพี่แท้ ๆ อย่าง บุ๊คโกะ ซึ่งบางครั้งก็แอบทำให้เธอนอยด์เล็กๆ ที่เธอต้องโดนเปรียบอยู่ใต้เงาของพี่ตลอดเวลา ซึ่งเบลเยี่ยมได้เปิดเผยถึงทั้งเรื่องหนัง และเรื่องส่วนตัวไว้ว่า
ก่อนอื่นต้องถามว่าหนังที่เล่น ในเรื่องรับบทเป็นอะไร
ในมหาลัยเที่ยงคืน รับบทเป็นอ้วนพายค่ะ คาแรกเตอร์ของอ้วนพายในเรื่องนี้ก็คือ เรามีไอดอลคนหนึ่งในมหาลัยเดียวกันชื่อว่าสตาร์ ที่รับบทโดยมาร์กี้ (ราศรี บาเล็นซิเอก้า) อ้วนพายชอบสตาร์มาก เลยก๊อบปี้ทุกอย่าง ทั้งการแต่งตัว สไตล์การพูด การเดิน
เรายังใหม่ หนักใจไหมกับงานภาพยนตร์ที่นักแสดงหลาย ๆ คนบอกว่าเป็นงานที่ปราบเซียน
ไม่ค่ะ ตอนแรกดีใจมาก ตื่นเต้นมาก แต่ตอนแรกคือเหมือนเขาโทรมาติดต่อเราก่อน แล้วก็โทรไปติดต่อพี่เรา (บุ๊คโกะ) แล้วก็คือต้องทะเลาะกันเองว่าสรุปแล้วจะยังไง (หัวเราะ) คือพอเขาโทรมาติดต่อใช่ป่ะ เบลก็ เฮ้ย พี่บุ๊ค M39 มาติดต่อหนังเรื่องนี้ ๆ อะไรอย่างนี้ เขาบอก อ้อหรอ ดีใจด้วย สักแป๊บนึงผ่านไปเขาก็เงียบไป เราก็เลยงงว่า เอ๊ะ คือยังไง ไม่เอาแล้วเหรอ สักพักหนึ่งพี่บุ๊คเขาบอก แก ๆ หนังที่แกเล่นอะ เล่นเป็นชื่อนี้หรือเปล่า เขาโทรมาติดต่อฉัน สรุปเขาจะเอาฉันเว่ย แบบฉันชนะแกอะไรอย่างเนี้ย คือเป็นการบลัฟกัน พี่ที่เขาติดต่อเล่นเขาก็โทรมาบอกว่าเบลคือตอนนี้ทางทีมเครียดมาก เขายังเลือกไม่ได้ระหว่างเบลกับพี่บุ๊ค พี่ก็เลยยังไม่คอนเฟิร์มใครทั้งนั้นนะ เบลก็คิดว่าสรุปเราไม่ได้แล้ว ก็ไม่ได้อะไร พอมาตอนหลังเหมือนเขาขอคิว ขอไปขอมา ขอมาขอไป แล้วพี่บุ๊คคิวไม่ได้ สรุปต้องตกเป็นของหนูนะคะ แล้วคือจริง ๆ นะเบลได้อ่านบทแล้วรู้สึกว่า เฮ้ยเบลอยากลอง ไม่หนักใจค่ะที่จะเล่น
เบลเคยผ่านงานแสดงไหม
เคยค่ะ เบลเคยเล่นละคร แล้วอีกอย่างหนึ่งเบลเรียนละครเวทีมาด้วย แต่หนังยังไม่เคยค่ะ นี่คือครั้งแรก แล้วเป็นเรื่องแรกที่ได้เล่น
ตอนแรกที่ M39 ติดต่อไป เขารู้หรือไม่ว่าเราเป็นน้องของบุ๊คโกะ
อาจจะรู้มั้ง หรือไม่รู้ อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ เพราะว่าตอนนั้นเขาแค่หาผู้หญิงที่อ้วนหน่อยอะไรอย่างเนี้ย แล้วเหมือนพี่ที่ติดต่อเขาเคยดูรายการที่หนูทำมั้ง ที่หนูเต้น ประมาณนั้น เขาก็เลยเสนอชื่อไป แล้วหนูก็ลองเข้าไปแคสต์ดู ไปลองแอ็กติ้งให้เขาดู แล้วเขาก็ชอบ
เรื่องนี้ต้องร่วมงานกับ มาร์กี้ ต้องจูนกันเยอะไหม
จูนไหม ก็จูนนะ แต่ด้วยความที่ตอนแรกคิดว่าแบบ เบลต้องมาเล่นกับมาร์กี้ มาร์กี้เหรอวะ แล้วเขาจะเรื่องมากไหม หรือว่าเขาจะจับต้องยากไหม หรือเขาจะอะไรยังไงไหม คิดสารพัด แต่พอได้ร่วมงานกันแล้วรู้สึกว่า ไม่เลย พี่กี้เป็นผู้หญิงที่ชิลมาก ไม่ใช่ผู้หญิงจ๋า เป็นผู้หญิงลุย ๆ แมน ๆ แล้วด้วยความที่เบลเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงจ๋าเหมือนกัน แล้วพออยู่กันเรื่อยๆ เราก็เฮ้ยฮ้า อะไรกันอย่างนี้ แล้วมันคลิกกันพอดี พอเวลาเข้าฉากกัน ก็ช่วยกัน เราก็ชอบเขาน่ารัก เขาช่วยแนะนำหลายอย่าง
แล้วการแสดง เราต้องผลักดันตัวเยอะไหม เพื่อให้เป็นที่น่าพอใจกับหนังเรื่องแรก
ในเรื่องของการแสดงใช่มั้ยคะ คือเหมือนพี่อ๊อฟ (มณฑล อารยางกูร โปรดิวเซอร์) ก็ชอบพูดว่าทำไมติดเล่นเหมือนบุ๊คโกะ ซึ่งบางทีทำไมทุกคนถึงไม่คิดว่าบุ๊คโกะเล่นเหมือนน้องบ้าง คือทำไมเกิดทีหลังแล้วจะต้องเหมือนพี่เหรออะไรอย่างเนี้ย บางทีมันก็เป็นเหมือนสิ่งที่เบลนอยด์ ๆ เหมือนกันนะ เบลไม่เคยมีภาพจำพี่ตัวเองเลยในการแสดงแม้แต่ครั้งนึง คืออ่านบทแล้วทำความเข้าใจเอง เบลศึกษาตัวละครเอง ปูมหลังนู่นนี่นั่นโน่นเอง แล้วก็แสดงออกมา มันเป็นแบบนี้ แต่บางคนอาจจะติดภาพว่า เอ้ย เล่นเหมือนบุ๊คโกะ เพราะว่าหน้ามันเหมือนกันไงคะ มันเลยคล้าย ๆ กันรึเปล่าอันนี้เบลไม่รู้ แต่อินเนอร์ข้างในเบลไม่ได้เหมือนกัน
มันเป็นยังไงที่พี่อ๊อฟ โปรดิวเซอร์บอกว่าเหมือน
เช่น การพูดการจา อะไรอย่างเนี้ย แต่เบลจริง ๆ เป็นคนติดพูดไว อันนี้คือเบลต้องแก้ พี่อ๊อฟบอก โอ๊ย เบลอย่าพูดไว ค่อย ๆ พูด เบลก็โอเค ค่อย ๆ พูด เพราะเรื่องพูดไวเนี่ย เบลเป็นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่เล่นละครเวที ครูก็จะคอมเมนต์ตลอดเวลาว่า เอ๊ย เบลพูดไวนะ พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่ชัด เบลก็ ค่ะ ๆ ปรับปรุงตัว แล้วพอมาเล่นอย่างนี้เบลก็อยากทำให้มันดีที่สุด คือเบลก็เต็มที่ ตอน workshop โห โคตรเครียดค่ะ
ทั้ง ๆ ที่เราก็เรียนการแสดงมายังเครียดอีกเหรอ
ใช่ คือเบลอค่ะ เวลาไปทำงานที่ไหนเบลจะไม่พูดบอกเลยว่าจบการแสดงมา เบลแค่บอกว่าจบ มศว แล้วเขาก็จะถามว่าคณะอะไร เบลก็จะบอกเขา อ๋อ ศิลปกรรมค่ะ เบลก็จะบอกเขาแค่นี้ เบลจะไม่บอกเขาว่าเบลจบการแสดง เพราะถ้าเบลบอกว่าเบลจบการแสดงปุ๊บ ทุกคนก็จะคาดหวังว่า อ๋อต้องแอ็กติ้งได้ดีสิ แบบว่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วแล้วสิ ไม่ฟังอะไรใคร ตอน workshop มหาลัยเที่ยงคืนเบลเครียดมากเลยนะ ครูบอกว่าเล่นเหมือนกะเทยเลย เขาบอกว่าทำไมถึงแอ็กติ้งเป็นไลน์กะเทยขนาดนี้ล่ะ คือเบลกลับบ้านไปร้องไห้ อันนี้ไม่มีใครรู้ แล้วก็เอาคอมเมนต์ที่ครูพูดมาโทรไปหาครูที่สอนแอ็กติ้งเบลที่มหา'ลัย ครูบอกใช่เบลเป็น ต้องแก้นะ เบลเครียดมากเลย ครูแนะนำให้เบลต้องไปทำความเข้าใจปูมหลังตัวเองใหม่ คือตอนแรกเราไม่ได้ใส่ใจปูมหลัง เข้าใจว่าก็แอ็กติ้งมันก็ไม่ได้ยากอะไรนี่หน่า แต่พอกลับไปแก้ไขตัวเอง ทำความเข้าใจกับตัวเองใหม่ แล้วพอกลับมามันก็ดีขึ้นนะ
ที่ครูบอกว่าเบลแอ็กติ้งเหมือนกะเทยมันจี้จุดเราเรื่องพี่ใช่ไหม
ใช่ค่ะ คือแอ็กติ้งกะเทย มันเท่ากับว่ามันโยงไปเหมือนพี่เรา แล้วด้วยความที่เรามีปมตรงนี้ในใจตลอดเวลาอยู่แล้ว เบลก็รู้สึกว่า เหรอวะ มันขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วด้วยความที่ในหนังมันต้องเล่นเป็นเหมือนการ์ตูนด้วย ต้องตื่นตัว ต้องอเลิร์ตตลอดเวลา ดังนั้นเบลก็เลยต้องพยายามและเรียนรู้มากขึ้นจนผ่านมาได้
ความอึดอัดเรื่องที่คนมองเราเหมือนพี่นี่เราเคยคุยกับพี่บุ๊คโกะไหม
ไม่เคยคุยค่ะ แต่เบลรู้สึกว่าเขารู้อยู่แล้ว แต่เบลไม่เคยคุยกับพี่บุ๊คตรง ๆ ว่าเฮ้ย เบลอึดอัดมากเลย ที่ทุกคนทำไมต้องพูดว่าเบลหน้าเหมือนบุ๊คโกะ แต่คือเบลเคยพูดเรื่อง แก ฉันหน้าเหมือนแกตรงไหนวะ บางทีพูดขำๆ นางบอกว่า เออ ก็งงเหมือนกันเนี่ย หรือเพราะว่าเรานอนด้วยกันเกินไปวะ แล้วแบบหน้ามันก็เลยไหลรวมกันหรอวะ หรือว่าเราจ้องหน้ากันบ่อย เราก็เลยเหมือนกันเหรอ ก็เป็นพี่น้องกันหน้าก็ต้องเหมือนกันสิ อีกอย่างนึง หมอก็หมอทำที่เดียวกัน (หัวเราะ) มันก็เหมือน ๆ กันหมด เบลก็เลยไปโทษหมอ บอกว่าก็พี่ปั้นหน้าหนูให้เหมือนกันหมอ
ณ ตอนนี้ความรู้สึกโอเคหรือยัง
โอเคค่ะ โอเค เบลก็คือแค่อยากให้มองว่าเราเป็นเบล ไม่ใช่เหมือนบุ๊คโกะ โอเคถ้าจะมองว่าเหมือนเบลไม่ว่าอะไรเลย แต่เบลอยากให้ดูการแสดงของเบลมากกว่า ดูก่อนดูแล้วอาจจะเห็นว่าเบลก็คือเบล
ที่มา: ไทยรัฐ