บอย ธวัชชัย เพ็ญภักดี ผู้อำนวยการ สร้างภาพยนตร์ เลิฟอะรูมิไลค์ รักอะไรไม่รู้.. เล่าถึง ไอเดียแรกก่อนจะมาเป็นภาพยนตร์ของบริษัท "ผม และเพื่อนๆ ทำอยู่วงการบันเทิงสักพักก็เริ่มคิดว่าจะ ทำหนังกันมีบริษัทเล็กๆ ด้วยความที่คุ้นเคยกับหนังจึง เลือกทำเป็นสิ่งแรกๆ ก็ระดมความคิดกันเลยว่าจะทำอะไรมีทั้งแอ๊คชั่นโรแมนติกมีเกือบทุกแนวที่คุย กันพล๊อทสนุกๆ เต็มไปหมดสุดท้ายก็รวมๆ กันและกัน เพราะเราอยากทำหนังที่คนดูมีความสุขไปกับมันสนุก ไปกับมันจบแล้วก็มีสาระให้พูดถึง"

อยากให้เธอมาลองเป็นฉัน

หลังจากนั้น พล๊อทหนังก็เป็นรูปเป็นร่าง หนังว่าด้วยเรื่องของคู่รักคู่หนึ่งที่ชีวิตเล่นตลกให้สลับร่างกัน ต่างต้องปกปิด และแก้ใขเหตุการณ์ชีวิตเฉพาะหน้าไปซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะพล๊อทสลับร่างแบบนี้มีมาแล้ว เกือบทุกชาติทั้งหนังฮ่องกงฝรั่งรวมทั้งหนังไทย "ตอนแรกก็ติดแต่มาคิดดูแล้วผมว่ามันเป็นความคิดของทุกคนทุกคน คงเคยอยากให้มาลองเป็นตัวเองดูบ้างชายเป็นหญิงหญิงเป็นชายก็คิดๆ กันแหล่ะว่ามันก็เคยมีหนังแบบนี้มาแล้วหนัง ไทยเองก็เคยแต่..มันก็นานมาแล้วนะพอยุคสมัยมันเปลี่ยนไปเราก็เอาอะไรมาเล่นได้อีกตั้งเยอะทั้งตัวจังหวะหนังทั้งมุม ตลกๆมุมน่ารักซึ่งมันมีเสน่ห์ไปอีกแบบของหนัง"

หนังเขียนบทโดย ภูมิ บุณยสมภพ และมี เสรี พงศ์นิธิ (บีฟอร์ วาเลนไทน์, มาย วาเลนไทน์) มาเสริมกำลัง กำกับโดย ฆนาการ สายทอง และ จิต ก้าเหนิดรัตน์ "ปรับกันหลายร่างมาก เปลี่ยนกันหลายรอบ กว่าจะลงตัว ในระดับที่เปิดกล้องได้" โปรดิวเซอร์หนุ่มเล่าต่อ "ด้วยความที่เราเล่นท่ายากผมว่าหนังตลกยากมากมันเป็นเรื่องของ ประสบการณ์ใครประสบการณ์มัน บางทีเราเล่าเราข้า แต่แฟนไม่ข้าเพื่อนไม่ข้าอันนี้ก็เหมือนกันเราก็เลยต้องเล่า เยอะๆ ลองเล่นกันดูจนพอใจในระดับออกกอง แล้วลองให้นักแสดงเล่นดู"

"2 ผู้ก้ากับก็เคยท้างานด้วยกันมาแล้ว จริงๆ แล้วทั้งสองคนมีความต่างกันอยู่ พอคุยๆ กันก็คิดว่า น่า สนุกดี เพราะสองคนนี้คงแบ่งร่างกันคิดแบบตัวละครในหนัง"

สลับร่าง.. สร้างตลก

โปรดักชั่นของ "เลิฟอะรูมิไลค์ รักอะไรไม่รู้..." เริ่มเดินหน้ากันตั้งแต่กลางปี 57 "พอเราเริ่มต้น ก็ใส่กัน เต็มแม๊ก ตอนแรกคิดว่าจะเป็นคอมเมดี้ๆ โรแมนติกเบาๆ พอปรับบทกับทีมพระเอกเป็นต้ารวจไงเลยกลายเป็นมีพวก ผู้ร้ายมีแอ๊คชั่นมีระเบิดกันใหญ่เลยจากหนังเล็กๆ คราวนี้มันไม่เล็กและ" ฆนาการ สายทอง หนึ่งในผู้ก้ากับเล่าถึงการ ท้างานในหนังเรื่องแรกของตัวเองหลังจากอยู่ในวงการโฆษณามา "ฝั่งนางเอกก็เป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้าในระดับหรูซึ่งพอ เราไม่คุ้นเคยก็ต้องหาข้อมูลกันมีน้องที่ท้าออกแบบดีไซน์มาอยู่ในกองเพื่อเป็นแบบทั้งทีมและทั้งตัวนางเอก"

หนังเป็นการกลับมาลงจอเงินครั้งแรกในรอบหลายปีของ บอย พิษณุ นิ่มสกุล (October Sonata รักนี้ที่ รอคอย) ประกบกับน้้าชา ชีรณัฐ ยูสานนท์ (ทองสุก13) และเป็นหนังคอมเมอดี้เรื่องแรกของทั้งคู่ "บอยนี่เราเคยเห็น เขาตามทีวี เขาทะเล้นมากและจังหวะคอมเมอดี้เขาดีแต่อีกมุมบอยเป็นผู้ชายเท่ห์ลองวางลุคเขาแล้วก็เออเหมาะดีที่จะ มาเล่นเป็นนายตำรวจตามเรื่องส่วนน้ำชานี่เพราะเธอเป็นดีไซเนอร์เลยครับ" บอย ธวัชชัย เล่าถึงการเลือกสองดาราน้า "คือในกองถ่ายเรามีคนที่เรียนดีไซเนอร์มาโดยตรงอยู่แล้วแต่ว่าน้้าชาเนี่ยเขาเป็นอาร์ทติสโดยความรู้สึกมันจะมีโมเม้นท์ที่ออกมาแล้วแบบเออเราเชื่อเลยอีกช่วงหนึ่งคือพอถึงฉากสลับร่างทั้งคู่ก็ยังสร้างคาแรคเตอร์ลอกเลียนกันจน เรามั่นใจว่า ทั้งคู่เข้ากันได้ดี"

นอกจากตัวละครหลักแล้ว หนังยังเสริมทัพด้วยทีมที่จะมาสร้างสีสันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ค่อม ชวนชื่น, ยัด เฟดเฟ่, ดาว ข้ามินพร้อมมุกตลกที่ขนกันมา "ตัดร่างแรกออกมาเกินสามชั่วโมงคือเราดูๆ กันมันก็เพลินไม่รู้จะเอาอะไรออก” จิต ก้าเหนิดรัตน์ ผู้กำกับร่วมเล่าอย่างอารมณ์ดี  "แต่ว่าหนังมันต้องไม่นานขนาดนั้นก็เลยต้องมาปรับกันอีกเอาอันนั้น ออกพอออกอันนี้ก็ขาดจนสุดท้ายก็มีถ่ายเพิ่มฮ่าๆ" บอย ธวัชชัย โปรดิวเซอร์หนังเสริมว่า "คือพอมันต้องเอาหลายๆ ฉากออกมันก็ท้าให้เล่าเรื่องได้ไม่ครบเลยสร้างฉากใหญ่มาเลยทีเดียวใส่หลายๆ อารมณ์เข้าไปในฉากนี้เลยคราวนี้เลย กลายเป็นฉากแอ๊คชั่นที่มีทั้งตลกและดราม่าพร้อมกันมันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ"

บอกให้มันผันผวนไปอย่างนั้น แต่เรื่องในใจ.. ไม่ผวน

"คือความตั้งใจอย่างหนึ่งเลยคือเราจะทำหนังบันเทิงหนังที่คนดูมีอารมณ์ร่วมเหมือนมีฟีดแบ๊คกลับมาด้วยคือหนังได้เงิน มันก็เป็นฟีดแบ๊คอย่างหนึ่ง หนังได้รับการพูดถึงก็เป็นฟีดแบ๊คอีกอย่างหนึ่ง เพื่อให้เราทำงานต่อได้ตอนหนังเสร็จถามว่า ชอบมั้ยเราชอบ.. ไม่พอพวกเราก็เอาหนังไปให้น้องๆ เพื่อนๆ ดูเพื่อเช็คว่ายังไงดีรู้เรื่องมั้ยมุขไหนเชยก็ปรับก็คัดกันอยู่ นานจนพร้อมที่จะออกฉาย" เลิฟอะรูมิไลค์ รักอะไรไม่รู้... มีก้าหนดฉาย 29 ตุลาคม 2558 ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจ และผลลัพธ์ของหนังไทยที่ไม่ดีเท่าที่เคยเป็น "ก็ต้องลองเราเลือกช่วงปิดเทอมแหล่ะเพราะกลุ่มวัยรุ่นก็น่าจะเหมาะกับ หนังอีกอย่างคือหนังคอมเมดี้ผมว่าไปได้ในเวลาเครียดๆ เราก็เลือกที่จะผ่อนคลายเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้วสุดท้ายก็คง ฝากไปที่คนดูอยากให้ลองมาดูหนังเรื่องนี้ลองมาอยู่ในโลกที่หนังสร้างขึ้นเพราะต่อให้คุณสลับร่างกับใครไม่ได้ในชีวิตจริง แต่มันก็อาจทำให้คุณมองคนในอีกมุมท้าให้เราเข้าใจกันมากขึ้น.." โปรดิวเซอร์เล่าปิดท้าย