
1. The Lobster ได้รับเลือกฉายในสายประกวดหลักที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2015 และชนะรางวัลจูรี่ไพรซ์
2. เหตุการณ์ใน The Lobster เกิดขึ้นในเมืองอนาคตกึ่งสมมติ กฎเหล็กของเมืองแห่งนี้ ห้ามประชากรเป็นโสดเด็ดขาด ถ้ายังหาคู่ไม่ได้ คนโสดเหล่านั้นต้องกลายร่างเป็นสัตว์และอาศัยอยู่ในป่า
3. โคลิน ฟาร์เรลล์และราเชล ไวซ์ ตอบตกลงรับเล่นทันทีที่อ่านบทจบ ฟาร์เรลล์เล่าว่า เขาเหวอรับประทานไปเลยตอนอ่านบท และรีบโทรหาผู้กำกับยอร์กอส ลานธิมอส ผ่านสไกป์ เพื่อบอกว่า "ผมต้องการเล่นหนังเรื่องนี้"
4. ไอเดียตั้งต้นในการเขียนบทหนังของยอร์กอส ลานธิมอส และมือเขียนบทคู่ใจ เอฟธิมิส ฟิลิปปู คือการตั้งคำถามว่า "ทำไมคนเราถึงกลัวการอยู่เป็นโสด"
5. The Lobster เป็นผลงานลำดับที่ 4 ของ ยอร์กอส ลานธิมอส ผู้กำกับชาวกรีกวัย 42 ปี ผลงานสร้างชื่อของเขาคือหนังสุดอื้อฉาวเรื่อง Dogtooth ซึ่งเคยคว้ารางวัลจากเมืองคานส์ และเข้าชิงออสการ์หนังภาษาต่างประเทศมาแล้ว
![]()
6. The Lobster เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษเรื่องแรกของ ยอร์กอส ลานธิมอส
7. หลังจากทำหนังในประเทศกรีซ และสะสมชื่อเสียงในระดับนานาชาติมาพอสมควร ยอร์กอส ลานธิมอส คิดว่าการทำหนังในบ้านเกิดมีข้อจำกัดหลายอย่าง และเขาอยากทดลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายบ้าง เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่อังกฤษ และใช้เวลาเกือบ 4 ปี กว่าโปรเจคต์ The Lobster จะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
8. วิธีการเก็บข้อมูลเพื่อเขียนบทหนัง เอฟธิมิส ฟิลิปปูเล่าว่า "ก็สังเกตดูจากเพื่อนๆ นี่แหละ พวกเขากลัวการขึ้นคาน กลัวการแก่ตายไปคนเดียว พวกเขามองคนที่อยู่เป็นโสดว่าเป็นคนประหลาด และพวกเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองโสด"
9. หนังถ่ายทำโดยใช้แสงธรรมชาติทั้งหมด ยกเว้นฉากกลางคืน และนักแสดงไม่มีใครแต่งหน้าเลย
10. วิธีการถ่ายทำนั้น ยอร์กอส ลานธิมอส ถ่ายเทคแรกเพื่อให้นักแสดงซ้อม และถ่ายเทคต่อมาเพื่อเอาจริง แต่บางครั้ง เขาก็เอาตั้งแต่เทคแรก ไม่มีการถ่ายซ้ำหลายเทค เพราะเขาต้องการความสดในการแสดง
![]()
11. เพื่อเตรียมตัวในการมารับบท เดวิด พ่อม่ายเมียทิ้งใน The Lobster โคลิน ฟาร์เรลล์ จึงเตรียมแปลงกายจากหนุ่มหล่อเจ้าชู้ เป็นหนุ่มใหญ่ขี้เหงา และเพิ่มน้ำหนังตัวเองขึ้นกว่าเดิม 40 ปอนด์
12. ราเชล ไวซ์บอกว่า สิ่งที่เธอชอบมากๆ ในหนังเรื่อง The Lobster ก็คือ มันเป็นหนัง High-concept ที่ Low-SpecialFX กล่าวคือ ถึงแม้พล็อตจะหวือหวาจินตนาการล้ำมากแค่ไหน แต่สิ่งพิสดารพันลึกที่คุณได้เห็นในหนังมันคือธรรมชาติ คือของจริงทั้งหมด
13. หนังถ่ายเรียงลำดับตามเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหลังจากต้นจนจบ นักแสดงที่เป็นพวก “อยู่ในป่า” ก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้านักแสดงที่เป็นพวก “อยู่ในโรงแรม” เลย -- นักแสดงทุกคนรู้ เท่าๆ กับที่ตัวละครของตนเองรู้
14. พระเอกหนุ่ม เบน วิชอว์ (Perfume, Skyfall) เล่าว่า การทำงานใน The Lobster นั้นแปลกสำหรับเขามากทีเดียว เพราะยอร์กอส ลานธิมอส จะไม่บอกข้อมูลใดๆ ให้เขารู้เลย “ตัวละครทุกตัวไม่รู้อะไรเลย เพราะฉะนั้น พวกเราห้ามคิดอะไรไปไกลเกินกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า”
15. ข้อดีของการสร้างโลกสมมติขึ้นมาในหนัง ทำให้ยอร์กอส ลานธิมอส ไม่ต้องสนใจกับความสมจริงมากนัก เขาจึงสามารถเลือกนักแสดงโดยไม่ต้องอิงเชื้อชาติ “วิธีการเลือกนักแสดงของผมก็คือ ผมอยากร่วมงานกับใคร ผมก็ติดต่อคนนั้น”
![]()
16. เนื่องจาก The Lobster มีนักแสดงหลากหลายเชื้อชาติมาร่วมงานกัน (อังกฤษ, อเมริกัน, กรีก, ไอริช, ฝรั่งเศส ฯลฯ) ยอร์กอส ลานธิมอส ปล่อยให้นักแสดงพูดภาษาอังกฤษสำเนียงถนัดของตัวเองเพราะเขาคิดว่า “มันเป็นโลกสมมติ คุณจะพูดอย่างไรก็ได้”
17. คนดูหลายคนคิดว่า The Lobster นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากซิตคอมชื่อดังเรื่อง Friends (ในตอนหนึ่งของซิตคอมเรื่องนี้ ฟีบี้ ตัวละครหลักของเรื่องบอกว่า กุ้งล็อบสเตอร์เป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียว ไม่เหมือนสัตว์อื่นๆ) ผู้กำกับ ยอร์กอส ลานธิมอส บอกว่า เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ซิตคอมเรื่องนี้ แต่ตอนเขียนบท The Lobster เขาไม่ได้คิดถึงเรื่อง Friends เลย
18. หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในโรงแรมตากอากาศแห่งหนึ่งในไอร์แลนด์ ฉากในป่าก็ถ่ายในป่าที่ไอร์แลนด์ โดยยอร์กอส ลานธิมอสบอกว่า ภูมิอากาศที่ไอร์แลนด์ทั้งหนาวทั้งชื้นและดูเหงา นี่เป็นการถ่ายหนังนอกประเทศเป็นครั้งแรกของเขา
19. นอกเหนือจากรางวัลในสายหลัก The Lobster ยังได้รับรางวัลพิเศษจากสาย Queer Palm (สายหนังเกย์และเลสเบี้ยน) ในฐานะที่หนังเล่าถึงความหลากหลายเรื่องเพศและความรัก
20. นักวิจารณ์หลายสำนักยกให้ The Lobster เป็นหนังรักที่เหงาและแปลกที่สุดแห่งปี