ข่าว > ข่าวสัพเพเหระทั้งหมด > Webmaster Talk

เกร็ดหนังดี เกร็ดน่ารู้ ก่อนดู Mad Max :Fury Road

12 พ.ค. 2558 10:22 น. | เปิดอ่าน 1538 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

ก่อนที่จะเข้าไปชมภาพยนตร์ Mad Max :Fury Road ที่มีกำหนดเข้าฉาย 14 พฤษภาคมนี้ในโรงภาพยนตร์  เรามารู้เกร็ดหนังเล็กๆ น้อยๆ ก่อนไปชมภาพยนตร์กันดีกว่า ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง


- จอร์จ มิลเลอร์   กำกับและเขียนบท Mad Max (1979) Mad Max 2: The Road Warrior (1981) Mad Max Beyond Thunderdome (1985)  รวมถึง Mad Max :Fury Road (2015)

- ช่วงปลายทศวรรษ 1970   จอร์จ มิลเลอร์    เพิ่งจบจากโรงเรียนการแพทย์ และด้วยความรักที่มีต่อหนังแอ็คชั่นไล่ล่ายุคแรกๆ เขาจึงตั้งใจที่จะค้นหาภาษาภาพที่แท้จริงของหนังประเภทนี้ด้วยตนเอง ด้วยอาศัยประสบการณ์จากการเป็นหมอในห้องฉุกเฉิน เขาจึงจินตนาการเรื่องราวของตัวละครผู้โดดเดี่ยวในโลกที่โล่งร้างหลังจากสังคมล่มสลายและถูกคุกคามด้วยแก็งค์ซิ่งโรคจิตตามท้องถนน  

- Mad Max  ทั้งสามภาคที่ผ่านมา ได้พระเอกอย่าง เมล กิ๊บสัน ซึ่งเพิ่งจบจากโรงเรียนการละคร  รับบทเป็น แม็กซ์ สำหรับใน  Mad Max :Fury Road  (2015) ได้ ทอม ฮาร์ดี้ รับบทเป็น แม็กซ์


- ภารกิจในการนำผู้ชมยุคปัจจุบันเข้าสู่โลกอนาคตอันบ้าคลั่งใน “Mad Max: Fury Road” ต้องอาศัยการเดินทางข้ามทวีปและใช้เวลานานกว่าทศวรรษ ภารกิจนี้ได้ผลักดันให้ศิลปินผู้มีความสามารถนับร้อยๆ รายออกแบบและสร้างสรรค์โลกในยุคหลังวันสิ้นโลกอันสมจริงขึ้นผ่านการวาดสตอรีบอร์ด 3,500 แผ่นไปจนถึงของประกอบฉากและเครื่องแต่งกายนับพันๆ ชิ้น ในการจัดการเชิงลอจิสติกส์ขนาดใหญ่อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทีมผลิตภาพยนตร์จะต้องนำนักแสดง ทีมงาน และยานพาหนะที่สร้างด้วยมือและใช้ขับได้จริง 150 คัน ตระเวนไปทั่วทะเลทรายในนามิเบียเพื่อถ่ายทอดสงครามบนท้องถนนของจริงผ่านกองถ่ายหลายกองตลอดเวลา 120 วัน

- ผู้อำนวยการสร้างและผู้ช่วยผู้กำกับคนที่หนึ่ง พี เจ โวเท็น  เขาเป็นทีมงานเก่าของ “Mad Max” มาตั้งแต่ “Mad Max: Beyond Thunderdome”  

- แม็กซ์ ร็อคคาแทนสกี เปิดตัวเป็นครั้งแรกในหนังภาคแรกที่มิลเลอร์สร้างขึ้นในปี 1979 และเสียงตอบรับจากทั่วโลกต่อตัวละครนี้ก็ทำให้ผู้สร้างตัวละครต้องประหลาดใจ “ผมได้ตระหนักขึ้นมาว่าผมนำตัวละครตามแบบฉบับในตำนานมาใช้โดยไม่รู้ตัว” เขากล่าว “ในญี่ปุ่น คนเรียกแม็กซ์ว่าซามูไรโรนินผู้โดดเดี่ยว ในฝรั่งเศส คนมองว่าหนังเรื่องนี้เป็น ‘คาวบอยบนรถยนต์’ และแม็กซ์ก็เหมือนนักดวลปืนผู้โดดเดี่ยว ในสแกนดิเนเวีย บางคนกล่าวว่าแม็กซ์ทำให้พวกเขานึกถึงนักรบไวกิ้งผู้รักสันโดษและออกตระเวนไปตามพื้นที่อันโหดร้าย”
 


 

- ฮิวจ์ คียส์-เบิร์น  รับบทเป็นตัวร้ายโรคจิต โทคัตเตอร์ ในหนัง  Mad Max (1979)  และใน  Mad Max :Fury Road (2015) เขาก็รับบทเป็นตัวร้าย ชื่อ อิมมอร์แทน โจ

- นิโคลาส โฮลต์ รับบทเป็น วอร์บอย ที่ขื่อนักซ์  วอร์บอยทุกคนมีหัวโล้น รอยสัก รอยกรีด และทาตัวทั้งตัวด้วยสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ของอิมมอร์แทน ดังนั้นโฮลต์จึงโกนหัวและนั่งอยู่ในรถแต่งหน้าวันละสองชั่วโมงก่อนเริ่มเดินกล้อง

- ชาร์ลิซ เธรอน ก็โกนหัวจริงเพื่อรับบทเป็น  อิมเพอเรเตอร์ ฟูริโอซา  นักรบหญิงบนท้องถนน 
 


- ภรรยาทั้งห้าของอิมมอร์แทน ที่ ฟูริโอซา พาหลบหนีมีดังนี้  เดอะ สเปลนดิด อังฮารัด ผู้นำเฉพาะกิจของเหล่าภรรยา ทีมงานได้เลือกนางแบบที่ผันตัวมาเป็นนักแสดง โรซี ฮันทิงตัน-ไวต์ลีย์ โดยได้ไรลีย์ คีโอ มารับบทเป็นรองผู้บัญชาการที่มีชื่อว่าแคปเปเบิล ส่วนโซอี คราวิตซ์ รับบทเป็นสาวแกร่งและฉลาดที่ชื่อ โทสต์ เดอะ โนว์อิง ขณะที่คอร์ตนีย์ อีตัน รับบทเป็นตัวละครผู้ได้รับการปกป้อง ชีโด เดอะ ฟราไจล์ และแอ็บบี ลี รับบทเป็น เดอะ แด็ก


- เบรนแดน แม็คคาร์ธีย์  หนึ่งในทีมเขียนบทเป็น นักวาดคอมิก นักทำแอนิเมชัน และศิลปิน   และไม่เคยเขียนหนังใหญ่มาก่อน


- มิลเลอร์วางแผนที่จะถ่ายทำด้วยกล้องตัวเดียว แต่เมื่อถึงเวลาระหว่างการถ่ายทำหลัก ซีลและทีมงานก็ใช้กล้อง Arri Alexa Plus เฉลี่ยสามถึงสี่ตัวและกล้อง Arri M Steadicam สองถึงสี่ตัวพร้อมกันในแต่ละวัน รวมถึงกล้องทางอากาศและกล้องในรถซึ่งมีการ์ดดิจิตัลที่นำออกมาได้ ซีลยังอาสาที่จะควบคุมกล้องของเขาเองเพื่อจับภาพผ่านเลนส์ซูม 11:1 ในกล้องที่มิลเลอร์ตั้งฉายาให้ว่า “กล้องปาปารัสซี” แล้วก็มีสิ่งที่เรียกว่า Edge Arm…
 


- ทีมเครื่องแต่งกายผลิตชุดของแม็กซ์ (ทอม ฮาร์ดี้) แบบเดียวกันนี้ออกมามากกว่า 20 ชุดเพื่อให้นักแสดงสตันท์ทั้งหมดใส่

- สำหรับเครื่องแต่งกายของเหล่าภรรยาทั้งห้า เสื้อผ้าของพวกเขาจะเหมือนผ้าพันตัวซึ่งทำมาจากผ้าฝ้ายและมัสลิน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากบัลเลต์ที่มิลเลอร์ไปดูมาซึ่งนักเต้นจะตกแต่งร่างกายด้วยผ้าพันแผล 

- พวกวอร์บอยก็ใส่หน้ากากหลากหลายแบบ แต่ละแบบยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่ทำจากหนังและลวดด้วยฝีมือของเบแวนและทีมงานของเธอในแอฟริกาและออสเตรเลีย หน้ากากของพวกเขาทำหน้าที่สองประการคือเพื่อแสดงความเคารพต่ออิมมอร์แทนและช่วยให้นักแสดงสตันท์ที่รับบทเป็นวอร์บอยสามารถเปลี่ยนบทบาทของตนได้ตามความสามารถในการแสดงสตันท์ ซึ่งรวมถึงการปีนขึ้นไปอยู่เหนือเสาโค้งของกลุ่มโพลแค็ท 
 


 

- พวกนักแสดง วอร์บอย ต้องทาตัวเป็นสีขาวด้วยสี ผงแป้ง และดิน เพื่อยกย่องร่างอันขาวซีดของอิมมอร์แทน โดยฝ่ายแต่งหน้าได้ใช้โทนสีผิวที่ต่างกันถึง 61 โทน แวนเดอร์วอลต์และทีมงานตกแต่งร่างกายของพวกวอร์บอยด้วยหมึก สติกเกอร์รอยสัก และรอยกรีด รวมถึงเสื้อรูปลายสักที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ

- ทีมสตันท์ต้องมีสามารถแสดงทักษะของร็อคไรเดอร์ในการบังคับรถได้อย่างเชี่ยวชาญ นอร์ริสได้ค้นหานอกแวดวงสตันท์จนได้แชมป์รถมอเตอร์ครอสห้าสมัยและโค้ชการขี่แบบฟรีสไตล์ชั้นนำชาวออสเตรเลีย สตีเฟน กัลล์ มาช่วยรวบรวมทีมนักขี่ฟรีสไตล์ผู้เชี่ยวชาญ

- เผ่าวูวาลินีเป็นร่องรอยสุดท้ายที่เหลืออยู่ของสังคมผู้หญิงเป็นใหญ่ และได้รับการถ่ายทอดโดย เมแกน เกล ในบท เดอะ วัลคีรี และเมลิสซา แจฟเฟอร์ ในบท เดอะ คีพเปอร์ ออฟ เดอะ ซีดส์ ร่วมด้วยเมลิตา จูริซิค, กิลเลียน โจนส์, จอย สมิธเธอร์ส, อังตัวเนตต์ เคลเลอร์แมน และคริสตินา ค็อช ลาธูริสเรียกเผ่าวูวาลินีว่าเป็น “กลุ่มคนที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะนำเอาความเป็นปกติกลับมาสู่โลกใบนี้” 
 




- โพลแค็ทเหิน คือ เสาที่สูงถึง 30 ฟุตได้รับการถ่วงน้ำหนักด้วยเสื้อสูบเครื่องยนต์ที่ฐาน โดยวางตำแหน่งไว้ที่จุดหมุน ซึ่งสามารถปรับได้ตามนักแสดงแต่ละคนและการเคลื่อนไหวแบบต่างๆ

-
 รถยนต์ รถบรรทุก และมอเตอร์ไซค์เกือบ 150 คันที่ผลิตขึ้นด้วยมือเพื่อ “Mad Max: Fury Road” เป็นตัวละครที่แท้จริงในหนังเรื่องนี้ บางส่วนออกแบบโดยหัวหน้า “เกียร์เฮด” และนักวาดสตอรีบอร์ด ปีเตอร์ พาวด์ และทั้งหมดสร้างขึ้นโดยหัวหน้า “เรฟเฮด” คอลิน กิ๊บสัน ฝูงยานยนต์อันทรงพลังในหนังเรื่องนี้เป็นยานพาหนะที่ใช้งานได้จริงและสร้างขึ้นจากซากวัสดุ

- การยกขบวนกองถ่าย “Mad Max: Fury Road” ไปตามทะเลทรายในนามิเบียแค่ในแง่ปริมาณอย่างเดียวก็คือเป็นงานหนักแล้ว ที่จุดสูงสุดของการถ่ายทำ กองถ่ายประกอบด้วยคนถึง 1,700 คน โดยมีคนเฉลี่ย 1,000 คนอยู่พร้อมกันในกองถ่ายตลอดเวลา การดำเนินงานทั้งหมดต้องอาศัยรถบรรทุกขนส่งทางทหาร 8 x 8 ของเยอรมันห้าคันเฉพาะแค่การย้ายอุปกรณ์จากสถานที่ถ่ายทำแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง “มันเป็นปิรามิดผู้คนที่ใหญ่โตมากและเราไม่ได้ถ่ายทำอยู่ที่เดียวด้วย” มิตเชลล์อธิบาย “เราต้องย้ายฐานที่ตั้งของเราซึ่งมีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลสามสนามเป็นเวลาหกครั้งในช่วง 120 วัน”



 

: เกร็ดหนังดี, Mad Max: Fury Road

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เกร็ดหนังดี ล้วงลึกก่อนดูภาพยนตร์ หม่อม
  • เกร็ดหนังน่ารู้ ก่อนดู Black Adam 20 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น!
  • เกร็ดภาพยนตร์ Vesper ฝ่าโลกเหนือโลก 6 ตุลาคม ในโรงภาพยนตร์
  • อันยา เทย์เลอร์-จอย อยากโกนหัวเพื่อรับบทเป็น ฟูริโอซ่า ในภาพยนตร์ปฐมบทของ Mad Max: Fury Road
  • 6 เกร็ดหนังทวนความจำก่อนดู Fantastic Beasts: The Secrets Of The Dumbledore
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :