สวัสดีครับ เพื่อนที่รัก นักเสพย์ความเอนเตอร์เทนเม้นท์ ผ่านสื่อ อินเตอร์เน็ท กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ เมื่อมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม ” ก็จะนำมาวิจารณ์ให้เหล่าเพื่อน ๆ ใน www.Nangdee.com ได้อ่านกันนะครับ

ครับ วันนี้หลังจากหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ผมได้มีโอกาศนั่งดูหนัง คอมเมดดี้
โรแมนติก ย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วนั้นคือเรื่อง “ สายลับจับบ้านเล็ก “ ของค่าย GTH

ครับ เริ่มต้นเรื่องด้วยการ แนะนำตัว เจ้า Jock ซึ่ง เป็นชายหนุ่มที่มีความฝัน ความทะเยอทะยาน แต่กลับล้มเหลวซะทุกเรื่อง จนชีวิตถูกบีบบังคับให้ต้องไปเป็น นักสืบเรื่องชู้สาวและเพื่อนคือ Jack ที่ อยากเป็นนักสืบด้วย โดยการทำทุกวีถีทางจนประสบความสำเร็จ โดยมีคนคอยช่วยเหลือตลอดเวลา คือสาวเจ้าของคาราโอเกะที่คิดว่าตัวเอง เป็นนักร้องสาว ปาล์มมี่ ตลอดเวลาที่ชื่อ ฤทัย แต่ที่มาของเรื่องก็ยุ่งเหยิงก็เพราะ กฎสามข้อของนักสืบ จ๊อก&แจ็ค คือ ข้อที่หนึ่ง ห้ามทำงานให้เมียน้อยคนอื่น ข้อที่สอง ห้ามหลงรักเป้าหมาย ข้อที่สาม ห้ามแบล็คเมล์นายจ้าง ซึ่ง สามข้อนี้เป็นการตกลงระหว่าง จ๊อกกับแจ๊ค แต่สุดท้าย จ๊อกเอง กลับเป็นฝ่ายแหกกฎทั้งสามข้อ เนื่องจากไปเจอเป้าหมายที่สุดแสนจะน่ารักอย่าง น้ำปั่น เรื่องยุ่ง ๆ ของ การสืบหาบ้านเล็ก ๆ รวมไปถึงการสืบหาหัวใจของตนเองคือ จ๊อก และ น้ำปั่น จึงเป็นเรื่อง ฮาปนซึ้งในหัวใจคนดูได้พอสมควรเลยทีเดียว
 

สายลับจับบ้านเล็ก เป็นภาพยนตร์ที่เดิมที ผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก เพียงรู้แต่ว่า เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่ คนกำกับ คือ เอส คมกฤษ ตรีวิมล ผู้ที่เคยกำกับภาพยนตร์แห่งความประทับใจผมมาแล้วเรื่องหนึ่งก็คือ “เพื่อนสนิท” เพียงแต่เรื่องนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นภาพยนตร์ ทำออกมาให้แนวรองรับความกว้างของตลาดมากขึ้น ก็เท่านั้น เพียงแต่ว่าเมื่อได้มีโอกาสไปดูจริง ๆ ก็รู้สึก ว่า ตลาดก็จริง แต่หนังยังคงมีสเน่ห์ของความเป็น ผู้กำกับคนเดิมอยู่มากมาย ยังคมด้วยมุกตลกที่ไม่เป็นตลกคาเฟ่ แม้ไม่หัวเราะงอหาย แต่ก็รู้สึกขำมาก ๆ อีก ทั้ง โลเกชั่น มุมกล้อง ยังคงเข้มแข็งมาก ๆ และที่แน่ ๆ ผมว่าเรื่องนี้ เอส ก็คงไม่ได้กำกับเพียงคนเดียว แต่ทีมเพื่อนพ้องของเค้า ก็ยังคงช่วยกันดูแล มากบ้างน้อยบ้างเหมือนเดิม ภาพยนตร์จึงออกมาดูดีมาก แม้ไม่เยี่ยมยอดสมบูรณ์แบบ แต่ผมก็ว่าน่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในการทำเงิน แต่จะได้ทั้งเงินทั้งกล่องคงยากแต่ก็คงต้องรอดูกันไป


เหมือนเดิมนะครับ ผมจะไม่เล่าเรื่อง เดี๋ยวคนที่ไม่ได้ดู จะมาด่าพ่อเอา แต่ขอบอกว่า เรื่องราวก็เป็นไปแบบธรรมดาไม่มีอะไรซับซ้อน มีมุกตลกแทรกตลอดเวลา จึงทำให้หนังดูสนุกสนานแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก จนกระทั่งเรื่องจบที่สามารถเดาเอาได้อย่างธรรมดามาก ๆ แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ การดำเนินเรื่องที่ไม่ซับซ้อนแต่ก็ไม่น่าเบื่อหน่ายครับ ภาพดูใส ๆ ซื่อ ๆ สื่อออกมาตรง ๆ แต่ โลเกชั่นที่ใช้ถ่ายทำในเรื่อง ต้องบอกว่าเยี่ยมครับทุกฉากทุกตอน ทีมงานทำการบ้านดีจริง ๆ ครับ สวยงาม แต่สมจริง ไม่ต้องแต่งเติมอะไรกันมากมาย นอกเสียจาก ฉากที่นางเอกขับรถโดยมีพระเอกนั่งไปด้วยและคุยกันภาพโคลสอัพหน้าทั้งสอง ทำให้ภาพหลอกมาก ไปดูกันเอาเองครับ มุมกล้องอยู่สูงเกินไป ทำให้รู้สึกได้เลยว่ารถไม่ได้วิ่งจริง ๆ เพราะจริง ๆ รถที่นางเอกกับพระเอกนั่งอยู่นั้น อยู่บนรถเทรลเลอร์ที่ขับแทนเพราะมุมมันสูงผิดปกติ อีกอย่าง นางเอกไม่ขยับพวงมาลัยเลย ตามปกติรถที่วิ่งบนถนนจะตรงขนาดไหน คนเราก็จะต้องมีการขยับพวงมาลัยบ้างเล็ก น้อย มันเลยดูขัด ๆ ( เฮ้อ..ติจริงอีตานี่ หลาย ๆ คนคงคิดแล้วครับ ) เอาล่ะไปดูอย่างอื่นดีกว่า...

 

มาถึง ดารา ก็อาจจะมีบ้าง เที่ยวนี้ไม่มีใครแล้วที่ไม่รู้จัก ซันนี่ จาก เพื่อนสนิท หลัง จากเป็น พระเอกที่ซื่อ ๆ บื้อ ๆ งง ๆ มาเรื่องนี้เราได้เห็นเค้าพัฒนาไปอีกขั้น จากคนที่ไม่ค่อยพูดในเพื่อนสนิทหรือจากโฆษณาต่าง ๆ ที่รับเป็น พรีเซ็นเตอร์ ซึ่งมันก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นบุคลิกของเค้าจริง ๆ แต่ในเรื่องนี้เค้าได้พูดมากขึ้น แอ็คติ้งมากขึ้น ผมรู้สึกได้เลยว่าเค้าพัฒนาขึ้นมาก แม้จะยังแข็ง ๆ อยู่บ้างก็ตาม ส่วนเจ้าแจ็คแฟนฉัน คงไม่ต้องพูดถึง เกินร้อยอยู่แล้วครับ ส่วน โอปอล ยังคงเป็นดาราสาวตัวประกอบที่ชอบขโมยซีนคนอื่นไปได้อย่างน่ารักน่าชังเป็น อย่างยิ่ง เรื่องนี้เธอค่อนข้างโดดเด่นครับ ถือว่าเป็นนางเอกได้เลยครับและที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ น้องพีค ดาว ดวงใหม่ที่ผมคิดว่าน่าจะมาแรงแน่นอก ทั้ง สวย น่ารัก หน่วยก้าน ผิวพรรณดี และที่สำคัญ หนังเค้าให้เธอมี คาแรคเตอร์ เป็นเมียน้อยที่สุดเซ็กซี่ เธอก็ทำได้ดีมาก เรื่องนี้เธอเซ็กซี่จริง ๆ ครับ คงได้หัวใจหนุ่ม ๆ เอาไปถมที่ที่บ้านเล่นเยอะเลยล่ะครับรวมถึงผมด้วย และมาถึงนักแสดงที่ผมอิจฉามากที่สุดก็เห็นจะเป็นคุณสุเมธ กับ คุณปั๋ง นี่ แหล่ะที่ได้ไล่ปล้ำ กอด หอม น้องพีค ซะผมอิจฉาจริง ๆ เล่นได้สมจริง ซะจริง ๆ แต่ที่จะไม่พูดถึงก็คงลำเอียงไปหน่อยก็คือ เจ้าหมาน้อยเจมส์บอนด์ ในเรื่องที่เล่นได้น่ารักน่าชัง รวมไปถึง เหล่าตัวประกอบ ที่เล่นกันได้ดีครับต้องชม หรือ แม้กระทั่งหัวหน้านักเลงทวงหนี้ ที่ เอส ยอมที่จะปลุกปั้นเพื่อนตัวเอง ปิ๊ง ที่เคยกำกับภาพยนตร์ หมากเตะฯ มาแล้ว ลงทุนยอมมาเล่นให้ ก็เล่นได้น่าหมั่นไส้ดีแท้ ๆ อีกทั้งเหล่า ดารารับเชิญ จากภาพยนตร์เรื่องก่อน ๆ ของ จีทีเอช ก็มาร่วมเข้าฉากเล่นกันคนละซีนสองซีน ก็ทำได้น่ารักดีครับ



โดยรวมภาพยนตร์ ถือว่า ดูสนุกสนาน แต่ดูเหมือนขาดความประทับใจไปครับ เหมือนไม่อิ่มครับ ไม่เหมือนเพื่อนสนิทครับ แต่ภาพรวมถือว่า ดีมาก แต่ไม่ถึงกับยอดเยี่ยมครับ อาจจะเป็นเพราะบทภาพยนตร์ไม่แข็งพอ เน้นตลกมากเกินไป เลยขาดความเป็นโรแมนติกไปเลย ดูได้จาก นางเอกชอบพระเอกเร็วไปหน่อย ไม่มีเนื้อหาอะไรมากในช่วงที่ทำไมนางเอกถึงรักพระเอกมากนัก ถึงจะมีเหตุผลมาเฉลยในตอนท้ายบ้างแต่ก็ไม่เพียงพอในความรู้สึกครับอีกด้วย ในตอนจบแม้จะ แฮ๊ปปี้เอนดิ้ง แต่ก็ไม่สามารถลากอารมณ์ให้ซาบซึ่งกินใจได้มากถึงมากที่สุด น่าจะทำได้ดีกว่านี้ หนังจะจบได้อย่างประทับใจจริง ๆ ฉากจบดูอ่อนไป ทั้งที่ทำได้ดีมาตลอดเรื่อง แต่ภาพโดยรวมก็ยังถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ ขอแนะนำให้ไปดูครับ
 

สุดท้าย ในความคิดของผม ภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ได้นำเสนอแต่เพียงความบันเทิง ความตลกโปกฮาอย่างเดียวนะครับ ภาพยนตร์จะแทรกแง่คิดสอนมุมมองเราไปตลอดเวลา ในเรื่องความความสุขของครอบครัว การหย่าร้าง การเห็นแก่ความสุขของตัวเองโดยไม่มองไปถึงคนเคียงข้างหรือคนอื่น หรือแม้แต่การเห็นแก่ตัวเองที่สามารถทำให้คนเราทำอะไรได้ทุกอย่าง เพื่อความสุขสมหวังของตนเอง อาทิตัวของ น้ำปั่น เองยอมทำทุกอย่างเพื่อไต่ไปสู่ความผันของตน หรือ จ๊อก ที่ต้องทำทุกอย่างแม้แต่แหกกฎของตนเองจนเกิดความยุ่งเหยิง เพื่อที่จะได้ความรักจริง ๆ จาก น้ำปั่น ทุกอย่างถ้าเรามองให้ออก มันจะสอนเราได้เสมอ ภาพยนตร์เรื่องนี้ มันอยู่ที่เราครับ ถ้าจะดูเอาเบาสมองผ่อนคลาย ก็อย่าไปคิดมาก แต่หากจะดูสาระกันละก็ มันก็มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว


ท้ายจริง ๆ ความคุ้มค่า ภาพยนตร์เรื่อง “ สายลับจับบ้านเล็ก “ ผมให้ 9 คะแนน ครับ

แล้วคราวหน้า เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม“ จะกลับ เช่นเคยครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ เข้ามาอ่านแล้ว โพสท์เข้ามา บอกความคิดเห็นกันบ้างนะครับ ว่า ชอบ หรือไม่ชอบ อย่างไร สวัสดีครับ