ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > ข่าวดาราไทย

บทสัมภาษณ์ "เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข" พลิกบทบาทสุดขั้วเป็น "บาทหลวงปราบผี" ใน "ท่าแร่"

30 ก.ค. 2568 15:50 น. | เปิดอ่าน 40 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

นักแสดงหนุ่มมากฝีมือที่เป็นที่รู้จักจากผลงานละครโด่งดังและโฆษณาโดดเด่นมากมาย รวมทั้งมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ให้เป็นที่จดจำอย่างบทเด็กหนุ่มไร้เดียงสาในความรักที่ต้องการใช้ชีวิตนอกกรอบของครอบครัวใน "Timeline จดหมาย ความทรงจำ" (2557) และหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นผู้ออกตามหาชาติกำเนิดจนตกหลุมรักหญิงคณิกาใน "อโยธยา มหาละลวย" (2564)

           

ล่าสุด "เจมส์จิ" จะพลิกคาแร็กเตอร์สุดขั้วเป็น "บาทหลวงหนุ่ม" ผู้ต้องต่อกรและปราบปีศาจร้ายสุดสยองใน "ท่าแร่" (2568) ซึ่งถือเป็นการแสดงภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องแรก งานนี้เขายังคงทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับการแสดงที่เขารัก และเข้าถึงบทบาทด้วยความสามารถและเสน่ห์เฉพาะตัว โดยได้รับความรู้และคำแนะนำจากบาทหลวงตัวจริง รวมถึงหนังเรื่องนี้ก็ยังเปิดโลกความเชื่อและความศรัทธาที่แตกต่างให้กับเขาอีกด้วย

 

 

 

จุดเริ่มต้นของการร่วมงานในโปรเจกต์นี้

เริ่มเลยคือทาง "สหมงคลฟิล์มฯ" ติดต่อมา บอกว่าเป็นหนังผี ซึ่งโดยส่วนตัวผมเป็นคนที่กลัวการตกใจ พวกจัมป์สแกร์ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวอะไรกับงานหนังสยองขวัญเลย ดูหนังผีมาน้อยมาก แต่เซอร์ไพรส์กว่านั้นก็คือต้องรับบทเป็น "บาทหลวง" ต้องไปปราบผี ยังไงนะครับ ปราบอะไรนะครับ ด้วยตอนนั้นยอมรับเลยว่าไม่ถนัดที่จะดูหนังผี ในหัวมีคำถามเยอะเลยครับ

 

รู้แต่ว่าหนังผีชื่อเรื่อง "ท่าแร่" และท่าแร่อยู่จังหวัดสกลนคร นึกภาพเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ผมก็ไปอ่านทรีตเมนต์ ดูเรื่องราวต่างๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง พออ่านไปเรื่อยๆ มันน่าสนใจมาก ส่วนตัวผมไม่ได้รู้จักท่าแร่ ไม่เคยรู้ว่าที่นี่มีชุมชนชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีการผสมผสานระหว่างความเชื่อทางพื้นบ้าน แล้วก็มีความเชื่อของทางศาสนาคริสต์ด้วย

 

ผมก็ไปนั่งไล่ดูหนังอะไรบ้างที่มีบาทหลวงปราบผี ผมก็ไปเจอ "Constantine" (2005) ปราบผีโหดมาก แล้วก็ไปฟังสัมภาษณ์ของ "พี่คุ้ย" (ผู้กำกับ) ที่พูดถึงหนังของเขาก็รู้สึกว่าพี่คุ้ยจะชอบทำหนังแนวน่ากลัว มีแอ็กชันด้วย มันก็น่าจะมันส์ดีนะ และ "ท่าแร่" ด้วยบทมันมีความใหม่หลายๆ อย่าง การผสมผสานของความเชื่อ วัฒนธรรม และก็ไม่ใช่การปราบผีแบบหนังผีของไทยที่เราเคยเห็น แต่เป็นบาทหลวงจากศาสนาคริสต์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ก็รู้สึกว่ามันน่าสนุกดีครับ

 

 

พอเริ่มไปรู้จัก "ท่าแร่" แล้วเป็นยังไงบ้าง

มันว้าวเลยนะครับ อย่างโบสถ์เราเคยเห็นแล้วละ ที่ไหนก็มี แต่ตอนที่ผมเดินเข้าไปในชุมชนมันจะเป็นความมิกซ์คัลเจอร์แบบสุดๆ เลย คือตั้งแต่สถาปัตยกรรม บ้านเรือนที่เป็นแบบตะวันตก อยู่สลับกับบ้านไม้แบบไทยที่พื้นบ้านยกสูง คือเดินๆ อยู่จะมี ยุโรป ไทย ยุโรป ไทย คั่นกันไปมาตลอด แปลกตาดีมากเลยครับ และการใช้ชีวิตตรงนั้นคือมีโบสถ์อยู่กลางชุมชน แต่ก็ยังมีความเชื่อพื้นถิ่นปะปนอยู่ การวางผังเมืองที่นี่ก็เป็นแบบตะวันตก เดินผ่านทะลุถึงกันได้หมดและค่อนข้างเป็นระเบียบ

           

และผมก็เพิ่งรู้ว่าที่นี่มีการจัด "งานแห่ดาว" เป็นงานคริสต์มาสที่ยิ่งใหญ่มาก ทุกคนในชุมชนเหมือนจะตั้งใจรองานนี้กัน เป็นงานสำคัญมากสำหรับชุมชน เขาจะพร้อมใจกับตกแต่งบ้านเรือนให้เป็นงานคริสต์มาส ถึงบ้านจะทรงไทยๆ ดูยังไงก็บ้านคนไทย แต่มีความคริสต์มาสจิงเกิลเบลส์ เปิดไฟ ประดับดาว ซานตาคลอส ไม้กางเขน มีขบวนรถแห่ดาวที่ประดับไฟ ปิดถนนเพื่อทำกิจกรรมของชาวคริสต์กันจริงจังเลย สวยงามมากครับ

 

 

"ท่าแร่" เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร

"ท่าแร่" เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงชีวิตของบาทหลวงคนหนึ่งที่แอบไปปราบปีศาจ แต่ว่าเกิดความผิดพลาดจนตัวเองถูกเข้าสิงทำให้ชีวิตเขาแย่ลง ซึ่งความเสียหายนี้มันก็เริ่มกระจายไปตั้งแต่ในครอบครัวของเขาเองไปจนถึงชุมชนตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน ทางกรุงเทพฯ ก็เลยต้องส่งบาทหลวงที่เป็นนักปราบผีจริงๆ อย่าง "เปาโล" ที่ผมแสดงเข้ามาจัดการกับสถานการณ์ที่ท่าแร่ แล้วเขาก็มาตกอยู่ในความสยองที่ค่อนข้างซับซ้อนมากกับการปราบปีศาจในครั้งนี้ ในขณะเดียวกันที่ท่าแร่ สกลนคร ก็มีความเชื่ออีกอย่างหนึ่งที่เป็นเรื่องของการนับถือผี เปาโลก็เลยได้มาเจอกับ "หมอเหยา" ที่เข้ามาทำพิธีไล่ผีในแบบพื้นถิ่น ความวุ่นวายและความสยองมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ทั้งคู่ก็ต้องหาทางที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่ท่าแร่ให้เป็นปกติที่สุด

 

 

บทบาทคาแร็กเตอร์ในเรื่องนี้เป็นอย่างไร

ผมรับบทเป็น "เปาโล" ครับ เป็นบาทหลวงอยู่ที่ได้รับอนุญาตให้สามารถปราบปีศาจได้ ปกติเปาโลจะเป็นบาทหลวงอยู่ที่กรุงเทพฯ พอมีเหตุการณ์ที่ "ท่าแร่" ทางกรุงเทพฯ ก็ส่งเปาโลไปช่วยที่ท่าแร่

 

ผมว่าเปาโลเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังพอสมควร ด้วยตัวบทของศาสนา ด้วยตัวของเขาเองด้วย เป็นคนที่มุ่งมั่น พอทำอะไรก็ตั้งใจไปหมด เป็นคนช่างสังเกต มีไหวพริบ แล้วเขาก็พยายามศึกษาอย่างเต็มที่ในด้านที่ได้รับมอบหมาย ภาพภายนอกเลยเป็นคนนิ่งๆ หน่อย

 

ในภาพรวมตอนแรกผมตีกับตัวเองพอสมควรว่าเราจะเล่นอะไรได้บ้าง เกี่ยวกับท่าทางหรือการวางตัว ทางด้านของศาสนาเองผมก็ไม่ได้คุ้นชิน พยายามหาดูลักษณะของบาทหลวงแต่ละท่านจากของจริง แต่คาแร็กเตอร์มีความหลากหลายมาก รวมๆ คือสุภาพ สุขุม ยิ้มแย้ม ใจดี รวมไปถึงการแต่งกาย ต้องแต่งแบบไหน ตอนทำพิธีต้องใส่อะไร มันต้องเริ่มรีเซิร์ชจากศูนย์หมดเลย

 

ผมโชคดีที่ได้มีโอกาสเวิร์กชอปกับ "คุณพ่ออนุชา ไชยเดช" ท่านมีเมตตามาก ก็ถามท่านเกี่ยวกับเรื่องท่าทางการหยิบจับอุปกรณ์ในพิธีกรรมแบบคริสต์ต้องถือยังไง ทำยังไง ในการประกอบพิธีต้องมีแท่นบูชา เอาแบบที่จริงจังเลยก็ต้องมีโต๊ะ ผ้าปูโต๊ะ การวางเทียน คัมภีร์ ไม้กางเขน น้ำเสก แล้วการสวดนี่แหละครับที่สำคัญ บทสวดต่างๆ เพราะในการปราบปีศาจหัวใจหลักๆ คือคำสอน บทสวดที่เราต้องท่องไปเรื่อยๆ แอดวานซ์ขึ้นไปอีก จะต้องมีเกลือล้อมเป็นเขตศักดิ์สิทธ์ด้วย แต่ละอย่างก็จะมีกฎระเบียบหรือแบบแผนของทางนี้อยู่ คุณพ่อก็ช่วยดูความถูกต้องต่างๆ และให้คำแนะนำตลอด มีเมตตามากครับ

 

คุณพ่อบอกว่าเวลาจับยังไงก็ได้ แต่ต้องจับด้วยความมั่นใจ เหมือนคุ้นชินกับสิ่งของของเรา และต้องเชื่อมั่นในศรัทธา ต้องมั่นใจในสิ่งที่เราสวด สิ่งที่เราทำ พอได้แกนของอารมณ์หลักแล้วก็ค่อยๆ พัฒนาคาแร็กเตอร์ภายนอกขึ้นมาอีกทีหนึ่ง ทุกอย่างที่ออกมาทั้งทีมงานและตัวผมก็ศึกษารีเซิร์ชมาพอสมควร เพราะผมก็พยายามทำให้เกิดความถูกต้องสมจริงที่สุดเลยครับสำหรับเรื่องนี้

           

และก็ได้ทราบข้อเท็จจริงด้วยว่าบาทหลวงที่จะทำหน้าที่ปราบปีศาจได้จะต้องไปศึกษาและเรียนจริงจังมาก กว่าจะได้รับอนุญาตในการทำหน้าที่นี้ แล้วในไทยก็มีบาทหลวงที่ทำหน้าที่ปราบได้ไม่กี่คน มีการประกาศแต่งตั้งเป็นทางการเลยครับ เซอร์ไพรส์มาก ไม่เคยรู้ข้อมูลตรงนี้มาก่อนเลยครับ

 

 

การร่วมงานกับ "มีน พีรวิชญ์" ที่รับบทเป็นหมอเหยา "แม่เมืองโสภา"

ด้วยคาแร็กเตอร์ที่ “มีน” ได้รับคือ “แม่เมืองโสภา” หรือ “หมอเหยา” ซึ่งผมไม่รู้จักมาก่อนเลย รู้คร่าวๆ ว่าหมอเหยาเป็นเหมือนผู้รักษาทางด้านจิตใจให้กับชาวบ้าน ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นแบบไหน มาได้รู้ได้เห็นก็ตอนที่มีนมารับบทนี้ เราก็มีการพูดคุยกับมาตั้งแต่ช่วงที่ได้อ่านบท แต่พอได้เห็นในวันที่ถ่ายทำกันจริงๆ สนุกมากครับ ด้วยคาแร็กเตอร์ของตัวผมเป็นบาทหลวงที่ไม่ได้คุ้ยเคยกับที่ “ท่าแร่” แต่ในขณะเดียวกันมีนที่เป็นหมอเหยาจะเข้าใจบริบทในสิ่งที่เกิดขึ้นที่ท่าแร่ชัดเจนกว่า หมอเหยาก็จะทำทุกอย่างเต็มที่ในที่ของเขา ฉะนั้นมีนจะเป็นตัวละครที่มีสีสัน ด้วยอาชีพ การแต่งตัว การขับร้อง เครื่องพิธี จัดเต็มมาก สนุกมาก เขาตั้งใจซ้อมทุกอย่าง หลายทักษะที่ใหม่สำหรับเขา เรื่องภาษาภูไท (ผู้ไท) ก็ยากมาก

 

เขาทุ่มเทกับการทำการบ้านมาก แล้วมีนเขาถ่ายทอดออกมาได้น่ารัก ตอนที่ได้เห็นเซอร์ไพรส์กับคาแร็กเตอร์เขาและสิ่งที่เขาถ่ายทอดออกมา อยากให้ทุกคนได้เห็น เขาแยกคาแร็กเตอร์ตอนที่เป็นหมอเหยากับตอนที่เป็นคนปกติได้ชัดเจน พอเล่นด้วยกันมันก็ลื่นไหลครับ มีนเขาเป็นคนเฮฮา มีความตลกพอๆ กัน พอเราเข้าฉากเราก็จะปรึกษากัน โอเค อยากจะไปเวย์ไหน จะทำอะไรบ้าง

 

 

การร่วมงานกับ "แพรวา ณิชาภัทร" ที่รับบทเป็น "มาลี"

"แพรวา" เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากเลยครับ ตัวจริงเขาเป็นคนเฮฮานะ แต่ส่วนใหญ่เขาจะค่อนข้างจริงจังกับการทำสมาธิกับตัวละครนั้น บางจังหวะที่นอกซีน ผมเห็นแล้วละว่าบางทีเขาก็อยากจะหันมาเล่นบ้าง แต่เขาต้องพยายามทำสมาธิ เพราะว่าในคาแร็กเตอร์ของ "มาลี" มันก็มีอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อน แล้วเขาก็ต้องเล่นในมุมของเขาให้ออกมาชัดเจนที่สุดเลย ก่อนเข้าฉากเขาจะไปนั่งทำอารมณ์คนเดียว พอเข้าฉากเขาก็จะเป็นตัวละครตัวนั้นเลย

 

ผมก็ชอบไปแหย่เขานะ บางทีก็ส่งมุกตลกๆ ให้เล่นต่อ แต่แพรวาไม่เล่นต่อ เขาบอกว่าจริงๆ ก็อยากเล่นด้วยนะ แต่ถ้าเขาเล่นไปเรื่อยเขาจะช็อร์ตไปเลย เลยไม่กล้าเล่นต่อด้วย ก็เห็นในความตั้งใจทำงานของเขามาตลอด ในส่วนของตัวมาลี แพรวาก็ถ่ายทอดออกมาได้ลึก มีอะไรหลายๆ อย่างที่ถ่ายทอดออกมาได้ชัดเจนทั้งสายตาและน้ำเสียง

 

 

 

การทำงานร่วมกับ "พี่เอก ธเนศ" ผู้รับบทเป็น "ตามิ่ง"

ผมติดตาม "พี่เอก ธเนศ" ได้ดูผลงานของพี่เอกมาตลอดเลย เขาเล่นบทที่ลึกและเข้มข้นมากๆ มาทั้งนั้น แล้วพอมาเจอกันตั้งแต่วัน "รีดทรู" (Read-through) ก็รู้ว่าพี่เอกคือพยายามทำความเข้าใจแล้วก็ดีไซน์ตัวละครออกมาให้ตรงกับที่ "พี่คุ้ย" ผู้กำกับต้องการ ถือว่าแกเป็นคนที่สุดยอดคนหนึ่งในด้านการแสดงเลยครับ

 

ด้วยบทของ "ตามิ่ง" จะเป็นบทที่ปล่อยพลังงานตลอดเวลา เดี๋ยวป่วยนอนหมดแรง เดี๋ยวมีแรงมีกำลัง MVP ไม่แพ้คาแร็กเตอร์ไหนเลยครับ ก่อนที่จะเข้าฉากด้วยกัน ผมอ่านบทแล้วก็เห็นว่าโห...บทของพี่เอกนี่โหดมาก ไหนจะต้องมีสลิง มีกระโดด วันที่เจอกันตอนวันฟิตติงผมก็ถามพี่เอกว่าต้องเล่นขนาดนี้เลยจะทำยังไง พอมาวันที่เข้าฉากกันจริงจังพี่เอกเหมือนวัยรุ่นคนหนึ่ง ทั้งสลิงและการแสดงที่ต้องใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์ไม่สามารถเป็นอุปสรรคได้เลย ผมคิดในใจไม่คิดว่าพี่เอกจะเล่นได้ขนาดนี้เลย ยอมใจมาก สุดจริงในเรื่องของสปิริตการแสดง พี่เอกทำการบ้านตลอดเวลาและก็เปิดรับอะไรใหม่ๆ เสมอ ตอนแรกเข้าใจว่าพี่เอกจะต้องคุยด้วยยากแน่ๆ เพราะเขารุ่นใหญ่ แต่เปล่าเลย พี่เอกเหมือนวัยเดียวกันที่เข้าใจพวกเรา รับฟัง พูดคุย ผมเคารพมากเลยครับเจอแบบนี้

 

 

ทำงานร่วมกับ "พี่คุ้ย ทวีวัฒน์" (ผู้กำกับ) ครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง

ผมเคยฟังสัมภาษณ์ "พี่คุ้ย" ครั้งหนึ่ง จำรายการไม่ได้ละฮะ พี่เขาก็เล่าว่าทำงานเป็นผู้กำกับทั้งภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ ภาพตอนนั้นเราคิดว่าพี่คุ้ยแกน่าจะเป็นคนเก่งที่แนวๆ ติสต์ๆ คนหนึ่ง แต่พอมาเจอตัวจริงตลกทุกวินาทีที่มีโอกาสเลย ขนาดกำลังบรีฟซีนที่กำลังซีเรียสๆ ก็เล่นมุกตลกมาเฉย ชอบแหย่ ชอบเหย้า เวลาที่แกนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์ พี่คุ้ยแกก็จะวาดภาพ อยากได้แบบนี้ ภาพแบบนี้ เขาเป็นคนที่มีภาพที่อยากได้ค่อนข้างชัดเจน ทำให้การทำงานออกมาตรงเวลาพอควร เขาจะรู้ละว่าซีนนี้ต้องการอะไร แล้วต่อไปเอาแค่ไหนพอ

           

ทั้งตัวผู้กำกับและนักแสดงในเรื่องนี้รวมๆ แล้วคือเราทำงานกันค่อนข้างสนุกสนานเฮฮา พอพี่คุ้ยเฮฮาบรรยากาศในกองมันก็ไม่เครียด แต่หนังซีเรียสมากนะครับ แต่ละซีนโหดๆ ทุกคนเลย แต่มุกแพรวพราวกันหมดทั้งกอง พี่คุ้ยตัวดีเลย เป็นคนเริ่มเลยครับ

 

 

ฝากผลงานหน่อย

ฝากด้วยนะครับกับภาพยนตร์ "ท่าแร่" กับอีกบทบาทของผมที่ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้รับเล่นกับการเป็น "บาทหลวง" รับหน้าที่มาปราบปีศาจ ผมว่ามันก็เป็นงานที่หนักมากๆ นะครับ สำหรับทีมงานและทุกคนที่พยายามจะหาข้อมูลมาทำเพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นมันสมจริงมากที่สุด เพื่อมานำเสนอกับทุกๆ คน ก็ฝากติดตามและหวังว่าทุกคนจะชอบเรื่องนี้ครับ "ท่าแร่" 7 สิงหาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

 

: เจมส์ จิรายุ, ท่าแร่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • บทสัมภาษณ์ผู้กำกับสุดฮอตแห่งยุค "คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา" กับ "ท่าแร่" ภาพยนตร์สยองขวัญท่าใหม่น่าจับตาแห่งปี
  • ทุ่มสุดชีวิตให้ผีต้องสยบ! "แพรวา ณิชาภัทร" ก้าวข้ามทุกความกลัว พร้อมสิงสู่บทผีเข้า เขย่าขวัญ เลือดสาด "ท่าแร่"
  • "เจมส์ จิรายุ" สวดส่งผีลงนรก "มีน พีรวิชญ์" แต่งหญิงสาปผีไม่มีถอย สองความเชื่อ เพื่อปราบสิ่งเดียวใน "ท่าแร่"
  • "บาทหลวง" พบ "หมอเหยา" สองนักปราบผีแห่ง "ท่าแร่" ความสยองตรงหน้า ใครจะหยุดมันได้ 7 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
  • "คุ้ย ทวีวัฒน์" จัดใหญ่ ใส่เต็ม ยกทีม "ธี่หยด 1-2" ทุ่มทำ "ท่าแร่" ระเบิดความมันส์ 7 สิงหาคมนี้
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :