จากฝีมือผู้กำกับจาก Rogue One อย่าง Gareth Edwards ที่วิสัยทัศน์ของเขานั้นล้ำเกินใครเขาบรรเจิดไอเดียสุดล้ำขณะเดินทางไปเยี่ยมชมกองถ่าย Kong: Skull Island ถ้าเกิดในแถวเอเชียแห่งนี้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ไม่ใช่มนุษย์แต่กลับเป็นเหล่า AI จะเป็นอย่างไร ด้วยไอเดียนี้เองเลยทำให้เกิด The creator ภาพยนตร์ Sci - fi สุดล้ำยุคที่มีพื้นหลังเป็นเอเชียบอกเล่าเรื่องราวในปี 2070 ที่โลกต่างประกาศสงครามกับ AI จน โจชัว เจ้าหน้าที่พิเศษที่ยังคงโศกเศร้ากับการหายไปของภรรยาตัวเอง ได้รับเลือกให้ไปทำภารกิจตามล่าและฆ่า เดอะ ครีเอเตอร์ ผู้ออกแบบเอไอระดับสูง ที่กำลังอยู่ในระหว่างการผลิตอาวุธสังหารลับเพื่อยุติสงครามในครั้งนี้ รวมไปถึงยุติเผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นกัน  โจชัวและทีมของเขา จะต้องเดินทางผ่านเขตของศัตรูไปสู่ใจกลางอันดำมืดของพื้นที่ที่มีเพียงเอไออาศัยอยู่เท่านั้น แต่พวกเขากลับพบว่า อาวุธสังหารลับที่เขาได้รับคำสั่งให้ทำลายทิ้งคือเอไอในร่างเด็กคนหนึ่ง

สำหรับพวกเราหนังดี นี่คือหนัง Sci - fi ที่ดีที่สุดของปีนี้ตลอดความยาว 2 ชั่วโมง 13 นาที เราเต็มอิ่มกับโลกแห่ง Sci - fi ที่ผู้กำกับเซ็ตออกมาได้อย่างลงตัว มันคือส่วนผสมของโลกสมัยใหม่ที่ยังคงมีวัฒนธรรมของชาวเอเชียที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ยิ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำในประเทศไทยกว่า 80 % เพราะฉะนั้นเหมือนเราดูภาพยนตร์ไทยที่มีวิสัยทัศน์แบบหนังฮออลีวู้ด ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราเห็นได้เลยว่าทีมงานคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม การแต่งตัว และฝีมือการแสดงของคนไทยที่ร่วมอยู่ในนั้นทำให้เราดูแล้วก็ชื่นใจตาม 

ในส่วนของการแสดงบอกได้เลย จอร์น เดวิด วอร์ชิงตัน นั้นเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นการแสดงของเขานั้นดีไม่ต่างจากพ่อของเขาเลย เราลุ้นและได้เรียนรู้ไปเขาพร้อมกับค่อนๆ เปิดใจรับสิ่งใหม่ในสิ่งที่เขานั่นไม่เคยคิดจะเชื่อใจมันมาก่อน เมื่อเขาได้แสดงร่วมกับ แมดเดอลีน ยูน่า วอยล์ส ที่แสดงเป็น อัลฟี่ นี่คือเคมีใหม่ที่เราก็ไม่นึกไม่ฝันว่าทั้งคู่จะแสดงได้เข้าขากันขนาดนี้ 

ต้องยอมรับเลยว่านี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่พูดถึง Sci - fi แต่มันผสมผสานไปกับการเดินทางแบบ Road Trip การเติบโต และ ดราม่าระหว่างทางที่ทำให้เราได้ตระหนักรู้ว่ามนุษย์นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ที่สำคัญ CG ในเรื่องนี้คือสิ่งที่เนียนตามากที่สุด ทั้งๆ ที่พื้นหลังเป็นประเทศไทยที่เราคนดูเองก็ไม่อาจจะจินตนาการออกมาได้ว่ามันจะออกมาสดใหม่หรือดูไฮเทคโนโลยีอย่างไร แต่ด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบคมของผู้กำกับและความเก่งกาจของทีมงานไทยที่เข้าใจหาโลเคชั่นนั้น มันทำมห้เราคนดูอินตามเรื่องนี้ได้ไม่ยากเย็น 

สิ่งที่ทางเราประทับใจที่สุดคือแก่นของเรื่องที่เขาอยากจะสื่อสารมันออกมาและเข้าใจเลยว่าทำไมชื่อหนังก่อนหน้านี้ถึงชื่อว่า True Love คะแนนที่หนังดีจะให้กับ The creator - เดอะ ครีเอเตอร์  นั่นก็คือ 9 / 10 ถึงแม้ตัวหนังนั้นจะเต็มไปด้วยวั๖ถุดิบชั่นดีที่จะนำพาหนังไปสู่ระดับโลกได้อย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวหนังนั้นคาดเดาได้ง่ายและธีมเรื่องไม่ได้ใหม่จนคนดูต้องว้าว แต่ด้วยงานภาพและฝีมือการถ่ายทำกับบทภาพยนตร์ที่ส่งให้เรานั่งน้ำตาไหลไปกับตัวละครได้ไม่ยากเย็นก็0ทำให้เรามองข้ามปัญหาเล็กๆ เหล่านั้นไปได้อย่างง่ายดาย