ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > ข่าวหนัง

Plan 75 คว้ารางวัลจากเมืองคานส์ ก่อนเป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่นลุ้นชิงรางวัลออสการ์ปีนี้

9 ก.ย. 2565 10:43 น. | เปิดอ่าน 1529 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

Plan 75 ได้รับการ Standing Ovation 5 นาที จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งที่ 75 ซึ่งหนังได้เข้าประกวดในสาขา Un Certain Regard และผู้กำกับ จิเอะ ฮายาคาวะ ได้รับรางวัลพิเศษ Camera d'Or Special Award สาขา ผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรก และความยอดเยี่ยี่ยมของภาพยนตร์เรื่องนี้ส่งให้ Plan 75 วันเลือกตาย ได้รับเลือกเป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่นส่งชิงรางวัลออสการ์ปีนี้ในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม

 

หนังเล่าเรื่องสังคมผู้สูงอายุในอนาคตอันใกล้ ประเทศญี่ปุ่นออกนโยบาย Plan 75 ออกมาให้ผู้สูงอายุวัย 75 ปีเลือกได้ว่าจะยังอยู่ หรือจะจากไปด้วยการการุณยฆาต หรือ "การเลือกที่จะตายโดยสมัครใจ" โดยผู้ที่เข้าร่วมกับโครงการนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์หลายอย่าง พวกเขาจะได้รับเงินจำนวนหนึ่งให้ใช้ในบั้นปลายของชีวิตในการพักผ่อน สิทธิการจัดงานศพฟรี แม้กระทั่งสิทธิการเข้าพักและจากไปในโรงแรมระดับห้าดาว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่สละชีพเพื่อสังคมและประเทศชาติ ตามเกียรติที่ยึดถือกันมาอย่างยาวนานของประเทศญี่ปุ่น 

 

ตัวเอกของเรื่อง มิจิ หญิงชราวัย 78 ทำอาชีพเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในโรงแรม เธอต้องอาศัยอยู่คนเดียวหลังสามีเสียชีวิต และมีเหตุที่ทำให้เธอต้องตกงานและไร้ที่อยู่ ทำให้เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับการเข้าร่วมนโยบาย Plan 75 

 

หนังได้ จิเอโกะ ไบโช นักแสดงระดับตำนานของญี่ปุ่น (ผู้พากย์เสียงโซฟีทั้งสาวและชราใน Howl's Moving Castle) มารับบท มิจิ

 

หนังยังได้ดาวรุ่ง ฮายาโตะ อิโซมุระ ผู้ได้รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจาก Japan Academy Prize จากเรื่อง What did you eat yesterday? (2021) และ A Family (2021) และมีผลงานโดดเด่นในเรื่อง Tokyo Revengers  มารับบทเป็นเจ้าหน้าที่รับสมัครเข้าร่วมโครงการ Plan 75 และได้ ยูมิ คาวาอิ จากเรื่อง It's a Summer Film! (2020) มารับบทพนักงานผู้ช่วยให้คำปรึกษากับผู้เข้าร่วมโครงการ Plan 75

 

 

บทสัมภาษณ์ จิเอะ ฮายะคาวะ

 

เมื่อ 6 ปีก่อน คุณทำหนังสั้นเรื่อง Plan 75 ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย

 

เดิมทีฉันคิดว่าจะทำ Plan 75 เป็นหนังยาวในปี 2017 ระหว่างที่ฉันกำลังพัฒนาพล็อตเรื่องนั้น ฉันได้รับการติดต่อจาก เอย์โกะ มิซุโนะ เกรย์ ซึ่เป็นโปรดิวเซอร์ของโปรเจคต์ Ten Years Japan (และกลายมาเป็นโปรดิวเซอร์ของ Plan 75) เธอกำลังมองหาผู้กำกับที่สนใจอยากทำหนังสั้นว่าด้วยญี่ปุ่นในอนาคต โดยมีแก่นเรื่องเกี่ยวข้องกับประเด็นทางสังคม ฉันเลยคิดว่า Plan 75 น่าจะเหมาะกับโปรเจคต์นี้ ฉันเลยเสนอ Plan 75 ไปให้เขา โดยดัดแปลงเป็นฉบับหนังสั้น บทเดิมที่เป็นหนังยาวนั้น ฉันต้องการจะเล่าชีวิตของตัวละคร 5 ตัว ฉันก็เลยเลือกมา 1 ตัวละครเพื่อทำเป็นหนังสั้นความยาว 18 นาที อีกอย่าง ฉันอยากร่วมงานกับฮิโรคาสุ โคเระเอดะด้วย เพราะเขาจะเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ของ Ten Years Japan การทำหนังสั้นเรื่องนั้นจึงนับเป็นโอกาสที่ดีของฉัน

 

 

ถ้าไม่นับพล็อตเรื่องที่ดูชวนให้ติดตามและการยินยอมให้คนเลือกตายได้ Plan 75 กำลังพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันในญี่ปุ่น เราสามารถสรุปได้เลยไหมว่า หนังกำลังพูดถึงปัญหาสังคมผู้สูงอายุในญี่ปุ่น

 

ฉันคิดว่าอย่างนั้น หนึ่งในปัญหาวิกฤติของญี่ปุ่นคือประชากรที่อยู่ในสถานะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เช่นผู้สูงอายุ ในโลกความเป็นจริงเราอาจจะไม่มีกฎหมาย Plan 75 แต่หลาย ๆ อย่างในหนังนั้นเกิดขึ้นจริงๆ เช่น คนแก่หลายคนยังต้องทำงานเพราะลำพังแค่เงินบำนาญนั้นไม่พอกินพอใช้ ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ความรู้สึกที่ผู้สูงอายุต้องกลายเป็นภาระของสังคม และพวกเขาก็ต้องอับอายที่ต้องไปขอสวัสดิการใด ๆ จากรัฐ บรรยากาศตอนนี้ทำให้ผู้สูงอายุต้องกลายเป็นคนไร้ค่า สิ้นหวัง และที่หนักหนาที่สุดคือ กลายเป็นคนมองไม่เห็นความเจ็บปวดของคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจเล่าในหนัง

 

 

ทำไมตัวละครคนแก่ในหนังถึงยอมเข้าร่วมโครงการ Plan 75 ได้ง่ายนัก

 

คนญี่ปุ่นมีความเชื่อที่หนักแน่นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนแก่ ๆ ว่า เราต้องไม่เป็นภาระของคนอื่น มันคล้ายเป็นศีลธรรมหลักของชาติเลย ทำให้คนญี่ปุ่นแทบทุกคนไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัว เพื่อนฝูง หรือสังคม

 

นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากสังคมที่ทำให้พวกเขารู้สึกไร้ค่า และเป็นภาระของสังคม สื่อมวลชนเองก็มีส่วนสร้างความหวาดกลัวต่อการเป็นผู้สูงอายุและสังคมสูงอายุ คนก็เลยกลัวเวลาตนเองอายุมากขึ้น แม้แต่ตอนนี้ คนหนุ่มสาวในญี่ปุ่นก็วิตกว่าชีวิตวัยเกษียณของพวกเขาจะเป็นอย่างไร แถมรัฐบาลญี่ปุ่นยังพยายามจะบอกกล่าวกับประชาชนทุกคนว่าให้ช่วยเหลือตนเอง

 

 

เราสามารถเรียกสถานการณ์ในหนังของคุณว่าเป็นสังคมแบบ "พรีฟาสชิสม์" (ก่อนการเกิดเผด็จการฟาสชิสม์) ได้ไหม หนังของคุณกำลังวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดเสรีนิยมสุดโต่งหรือเปล่า ไอเดียเรื่องการกำจัดประชากรที่ไม่มีคุณค่าในการผลิตมันดูเป็นฟาสชิสม์อยู่ไม่น้อยเลย

 

ฉันไม่ได้ต้องการติติงแนวคิดแบบเสรีนิยมสุดโต่ง แต่ฉันพยายามวิจารณ์สังคมที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจและการผลิตมากกว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่างหาก การกำจัดประชากรที่ "ไม่มีคุณค่าในการผลิต" ​อาจจะใกล้เคียงกับฟาสชิสม์ แม้ประเทศญี่ปุ่นจะไม่มีผู้นำเผด็จการ แต่บรรยากาศดังกล่าวกลับเกิดขึ้นจากแรงกดดันของประชาชนด้วยกันเอง สิ่งนี้แหละที่มันน่ากลัวสำหรับฉัน

 

 

การฆาตกรรมหมู่ในช่วงเปิดเรื่อง ทำให้นึกถึงเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในซางามิฮาระ ซึ่งคนร้ายบุกเข้าไปแทงคนพิการ (มีผู้เสียชีวิต 19 ศพ บาดเจ็บ 26 คน โดยผู้ต้องหาเป็นอดีตพนักงานของศูนย์ดูแลผู้พิการเอง)

 

ฉันตกใจมากตอนได้ข่าวการฆาตกรรมในซางามิฮาระ ตอนฤดูร้อนปี 2016 ฉันมองว่ามันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากคนบ้าคนหนึ่งลุกขึ้นไปแทงคนพิการ แต่มันเป็นผลผลิตของสังคมที่ใจแคบและไร้เหตุผล ฉันต้องการทำหนังให้คนดูได้ถกเถียงว่าเราต้องการสังคมแบบนี้จริงๆ นะหรือ เหตุการณ์ในซางามิฮาระ คือหนึ่งในแรงกระตุ้นให้ฉันทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา

 

จริงหรือเปล่าที่คนพูดกันว่า ถ้าคุณไปเที่ยวโตเกียว คุณจะเห็นคนแก่คอยเก็บก้นบุหรี่ตามทางเท้า หรือไม่ก็เป็นพนักงานเฝ้าที่จอดรถ

 

ใช่ค่ะ ผู้สูงอายุมากมายในญี่ปุ่นยังต้องทำงาน หลายคนทำงานเพราะไม่อยากอยู่เฉย ๆ อยากออกมานอกบ้าน พวกเขาไม่ได้ขัดสนเงินทอง (พวกเขาต้องการเข้าหาสังคมบ้าง) แต่ผู้สูงอายุอีกบางส่วนทำเพราะพวกเขาจำเป็นต้องทำเพื่อปากท้อง ฉันยินดีด้วยกับผู้สูงวัยที่ต้องการทำงานเพราะต้องการทำให้ตัวเองรู้สึกมีค่า ทำให้ชีวิตมีความหมาย แต่ถ้าพวกเขาต้องทำเพื่อดื้นรนเพื่อความอยู่รอด หวาดกลัวทุกวันว่าจะเอาอะไรกิน แบบนี้ฉันยอมรับไม่ได้จริงๆ ที่สังคมไม่ดูแลพวกเขา

 

 

Plan 75 มีความคล้ายคลึงกับประเพณี "อุบะสุเตะ" ซึ่งอยู่ในหนังเรื่อง Ballad of Narayama ของโชเฮย์ อิมามุระ 

 

จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ฉันรู้ว่าคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า เกิดมาต้องเสียสละตนเอง ความเสียสละตนกลายเป็นภาพแทนของ "ความดี" และ "ความถ่อมตัว" ฉันคิดว่าหนังสองเรื่องนี้มีตัวละครที่คิดแบบเดียวกัน แต่ใน Plan 75 ฉันต้องการโจมตีรัฐบาล ซึ่งไม่ได้ปรากฏโฉมในหนัง แต่พวกเขาเป็นผู้ชักใยระบบแบบนี้ให้เกิดขึ้น และประชาชนต้องทุกข์ทรมานกับสิ่งเหล่านี้

 

 

ในหนังคลาสสิกหลายเรื่องของญี่ปุ่น จะแสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างพ่อแม่สูงวัยและลูกหลาน บางครั้งก็อยู่บ้านเดียวกัน ในหนังของคุณ ดูเหมือนจะไม่มีความผูกพันแบบนี้ให้เห็นเลย แต่กลับมีตัวละครพนักงาน 2 คนของโครงการ Plan 75 ที่เกิดความเห็นอกเห็นใจตัวละครผู้สูงวัย

 

ความผูกพันแบบที่คุณพูดถึงนั้น แทบไม่หลงเหลืออยู่แล้วในสังคมญี่ปุ่น ความผูกพันในครอบครัวอ่อนแอลงเรื่อย ๆ รวมถึงความผูกพันแบบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน และมันทำให้คนญี่ปุ่นไม่ค่อยเห็นอกเห็นใจคนอื่น ตัวละครสองตัวในเรื่องอย่าง ฮิโรมุ และ โยโกะ ตอนแรกพวกเขาก็นึกถึงความเจ็บปวดของคนอื่นไม่ออกเหมือนกัน แต่ผ่านไปสักพัก พวกเขาจะเริ่มสะเทือนใจไปกับชะตากรรมของผู้สูงวัย ฉันคิดว่า ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนรอบข้างนี่แหละ คืออาวุธหลักในการต่อสู้กับความใจแคบของสังคม ฉันอยากเน้นย้ำว่า ฉันยังเหลือความหวังในตัวคนรุ่นใหม่

 

 

ในหนังยังแสดงให้เห็นความผูกพันระหว่างผู้สูงวัยและแรงงานอพยพด้วย ทำไมคุณถึงใส่ส่วนนี้เข้ามาในหนัง

 

ในความเป็นจริง มีแรงงานต่างด้าวมากมายเข้ามาทำงานเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้สูงวัย เพราะญี่ปุ่นกำลังขาดแคลนแรงงาน ฟิลิปปินส์เป็นชาติที่ส่งออกแรงงานมากที่สุด ที่ฉันเลือกตัวละครคนฟิลิปปินส์ เพราะว่าคนฟิลิปปินส์ยังมีความผูกพันที่แน่นแฟ้นกับครอบครัว ซึ่งต่างจากคนญี่ปุ่น พวกเขามีจิตวิญญาณการช่วยเหลือคนอื่นที่มีพื้นฐานมาจากแนวคิดทางศาสนา เหมือนเป็นวัฒนธรรมที่ต้องรักใคร่กลมเกลียวกัน ฉันต้องการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสังคมที่อบอุ่นแบบฟิลิปปนส์ และสังคมที่เย็นชาแบบญี่ปุ่น

 

 

แม้สถานการณ์จะดูน่าหวาดหวั่น แต่พนักงานของโครงการ Plan 75 กลับพูดจาสุภาพและใจเย็นมาก คุณต้องการจะวิพากษ์วิจารณ์ลักษณะนิสัยรักความสุภาพของคนญี่ปุ่นหรือเปล่า

 

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องกิริยามารยาทคนญี่ปุ่นหรอก แต่ฉันอยากชี้ให้เห็นความรุนแรงภายใต้ฉากหน้าที่ดูยิ้มแย้ม ฉันคิดว่าฉากเปิดเรื่องจะอธิบายได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ทำให้ Plan 75 ดูอันตรายก็คือภายนอกมันดูเป็นสิ่งสวยงาม ฉันอยากเน้นย้ำจุดนั้นด้วยการทำให้พนักงานทุกคนดูสุภาพและยิ้มแย้ม เป็นมนุษย์ที่ไม่มีความคิดความรู้สึก แต่ทำตามที่รัฐบาลสั่งให้ทำ การทำให้มนุษย์ "หยุดคิด" เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับฉัน

 

 

บทหนังของคุณสมบูรณ์ไปทุกแง่มุม คุณช่วยบอกเล่าการทำงานให้ฟังสักหน่อย

 

ฉันใช้เวลาเขียนบทนาน 4 ปี โดยได้รับความช่วยเหลือจากเจสัน เกรย์ และเอย์โกะ มิซุโนะ เกรย์ ถ้าไม่มีพวกเขา ฉันคงทำไม่สำเร็จ ฉันเขียนบทร่างที่ 17 ซึ่งเป็นร่างสุดท้ายก่อนถ่ายทำเพียงไม่กี่วัน สิ่งที่ฉันย้ำเตือนตัวเองเสมอเวลาเขียนบทก็คือ จงคิดนอกกรอบ แล้วจงฟังความเห็นคนอื่น และจงให้เวลากับงานเขียนบท อย่าเร่ง เพราะยิ่งเวลามีมาก บทจะยิ่งเติบโตสวยงาม

 

 

ช่วยเล่าการทำงานกับผู้กำกับภาพให้ฟังสักหน่อย

 

ฉันตื่นเต้นเหลือเกินที่ได้เห็นวิธีการทำงานของฮิเดโฮะ อุราตะ ทั้งการจับภาพในแต่ละฉาก และการสร้างมุมมองแบบภาพยนตร์ให้เกิดขึ้น เขายังช่วยแนะนำเพิ่มเติมฉันเรื่องบท และเรื่องการทำหนัง ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเขา โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับทีมงาน และพลังของการคิดบวก

 

 

พล็อตของเรื่องดูน่าตื่นตาตื่นใจมาก แต่คุณกลับเล่ามันออกมาในแนวทางสมจริง

 

ฉันต้องการให้ผู้ชมรับรู้ว่านี่ไม่ใช่หนังไซไฟ แต่มันสามารถเกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ ในสังคม ฉันต้องการให้ทุกอย่างในหนังดูปกติธรรมดาที่สุด รวมถึงฉากหลังต่าง ๆ ในหนังด้วย

 

 

คุณช่วยพูดถึงนักแสดงในหนังให้ฟังสักหน่อย

 

ฮายาโตะ อิโซมุระ เล่นเป็น ฮิโรมุ เขาเคยเล่นบทสมทบมาแล้วมากมายทั้งในทีวีและหนัง เขาเคยเล่นเป็นยากุซ่า เด็กมัธยมรูปหล่อ เกย์จอมทะเล้น เพราะได้บทที่หลากหลายเช่นนี้ เขาจึงได้ฉายา กิ้งก่าเปลี่ยนสี เขาเริ่มได้เล่นบทนำบ้างแล้ว และกำลังจะเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตาคนต่อไปของวงการหนังญี่ปุ่น

 

ยูอุมิ คาวาอิ เล่นเป็น โยโกะ เป็นนักแสดงดาวรุ่ง ที่เพิ่งเริ่มงานแสดงในปี 2019 เรียกได้ว่าหน้าใหม่ในวงการมาก ๆ ส่วนใหญ่เธอจะเล่นหนัง และเพิ่งชนะรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมมาด้วย ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าเธอจะดังในอนาคต เธอฉลาดและกล้าหาญ มีความสามารถมากจริง ๆ

 

ทากะ ทาคาโอะ เล่นเป็น ยูกิโอะ ลุงของฮิโรมุ เป็นนักแสดงละครเวทีรุ่นเดอะ เขาไม่ค่อยเล่นหนังมากนัก

 

จิเอโกะ ไบโชะ เป็นนักแสดงหญิงและนักร้องระดับตำนาน ทุกคนคงรู้จักเธอจากบท ซากุระ น้องสาวของโทร่าซังในหนังชุด Otoko wa Tsuraiyo 

 

 

Plan 75​ วันเลือกตาย

8 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

 

: Plan 75, วันเลือกตาย, จิเอะ ฮายากาวะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • Plan 75 วันเลือกตาย กวาดกระแสคำชมจากสื่อไทย เมื่อถึงวันที่อายุ 75 คุณจะเลือก "อยู่" หรือ "ตาย"
  • เมื่อคุณอายุ 75 ปี คุณจะเลือกที่จะ "อยู่" หรือจะ "ตาย" Plan 75 ใช้กฏหมายปลิดชีวิตโดยสมัครใจ 8 กันยายนนี้
  • สหมงคลฟิล์ม ยกเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์มาไว้ในโรงภาพยนตร์ประเทศไทย คว้าสิทธิ์ 6 หนังดังให้ชาวไทยได้ดูกันแน่นอน
  • สหมงคลฟิล์มคว้า 4 หนังเด่นจากเมืองคานส์อัดแน่นทั้งอรรถรสและคุณภาพ นักดูหนังชาวไทยต้องได้ดูหนังดีพร้อมคนทั้งโลก
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :