วิกโก้ มอร์เทนเซ่น (Viggo Mortensen) เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ComingSoon เกี่ยวกับความยากลำบากของการถ่ายทำฉากใต้น้ำในภาพยนตร์ Thirteen Lives เพื่อเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดภารกิจของทีมกู้ภัยถ้ำหลวง จากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2018 อย่างเหมาะสม
เมื่อถามถึงความท้าทายในการถ่ายทำฉากใต้น้ำ มอร์เทนเซ่น ก็ยอมรับว่ามันมีทั้งแง่ดี และแง่ที่น่ากลัว "เวลาที่อยู่ใต้น้ำ มันเหมือนกับว่าผมได้เป็นตัวของตัวเอง ผมรู้สึกเป็นอิสระ มันมีส่วนที่ดีในเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่ในมุมกลับกันมันก็น่ากลัวเพราะคุณต้องพึ่งพาตัวเอง แม้จะมีนักดำน้ำกู้ภัยอยู่ใกล้ ๆ แต่หลายอย่างมันก็อาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ใต้น้ำ ดังนั้นจึงต้องระวังเป็นอย่างมาก ต้องจำสิ่งที่ฝึกฝนมาให้ดี แล้วก็ต้องช่วยกันคอยสังเกตเฝ้าระวังซึ่งกันและกันด้วยครับ"
มอร์เทนเซ่น ยังเล่าถึงกระบวนการฝึกฝนที่ค่อย ๆ ยกระดับความยากขึ้นเรื่อย ๆ ให้ฟังอีกว่า "เราเคยจินตนาการดูว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่ต้องเรียนรู้หลาย ๆ สิ่งที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้ แต่เราไม่รู้หรอกว่าจริง ๆ แล้วโดยรวมมันจะยากขนาดไหน เราเรียนรู้มันอย่างเป็นขั้นตอน อันดับแรกเราได้เรียนรู้ในสระขนาดใหญ่ที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีถ้ำ ไม่มีที่แคบ ไม่มีกระแสน้ำ เมื่อเราผ่านส่วนที่หนึ่งไปได้สักหนึ่งสัปดาห์ มันก็เริ่มยากขึ้น เราคิดว่ามันยากมากเลยล่ะ แล้วครั้งต่อไปมันก็ยากขึ้นอีก ระดับความยากมันเพิ่มขึ้นสัปดาห์ต่อสัปดาห์เลยครับ ระยะทางไกลขึ้น ส่วนต่าง ๆ แคบลง กระแสน้ำแรงกว่าเดิม แล้วก็มีหินงอก หินย้อย จากนั้นก็ต้องคิดว่า โอเค ตอนนี้คุณกำลังเคลื่อนย้ายมนุษย์จริง ๆ ระวังอย่าให้หัวกระแทก อย่ากระแทกหน้ากาก เพราะถ้าน้ำเข้าไปพวกเขาก็จะจมน้ำตายทันที"
แม้จะต้องผ่านความยากลำบาก แต่ มอร์เทนเซ่น ก็คิดว่ามันเป็นความท้าทายที่คุ้มค่า ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาแสดงเป็นหน่วยกู้ภัยจริง ๆ ใน Thirteen Lives "ในช่วงเริ่มต้นผมคิดว่าเราอาจจะไม่สามารถทำมันออกมาได้ มันถูกวางแผนมาอย่างดี เราได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แต่คุณก็ต้องอดทนและทำมันต่อไป มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และมันก็ทำให้รู้สึกสัมผัสได้ถึงความสำเร็จอย่างแท้จริง ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทนของคนเหล่านี้ในการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ครับ"
Thirteen Lives สตรีมแล้ววันนี้ ทาง Prime Video
: