Carter – คาร์เตอร์ ถ่ายทอดถึงเรื่องราวของสายลับคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาในห้องของโรงแรมที่ตนไม่รู้จัก พร้อมกับความทรงจำที่ถูกลบหายไปหมดสิ้น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง โดยมีเสียงลึกลับในหัวบอกเขาว่าหากไม่ทำตามคำสั่ง เขาจะต้องแลกด้วยชีวิต นำแสดงโดยนักแสดงหนุ่มมากฝีมือ จูวอน (Joo Won) ที่เคยฝากผลงานเอาไว้ใน Bridal Mask (2012), Good Doctor (2013) และ My Sassy Girl (2017) กำกับการแสดงโดย จองบยองกิล (Jung Byung-Gil) ผู้กำกับขาบู๊จาก Action Boys (2008) และ The Villainess (2017)
Carter ภาพยนตร์ออริจินัลฟอร์มยักษ์ชิ้นใหม่จาก Netflix กระหน่ำเสิร์ฟซีนแอ็คชั่นดุเดือด เลือดสาด แบบ Non-Stop ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบลองเทค ให้ความรู้สึกเหมือนเราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของวิดีโอเกม ที่ตัวเอกดูเก่งโอเวอร์เกินจริงไปมาก แต่สำหรับคอหนังที่หวังเสพซีนบู๊มันส์ ๆ จัดหนัก จัดเต็ม บอกเลยว่าสาแก่ใจ ขณะที่งานภาพแบบลองเทคเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ส่ายยับแทบตลอดทั้งเรื่อง ก็ดูเท่ ตื่นตาตื่นใจ แต่ใส่มาเยอะเกินไปจนพาให้รู้สึกเอียน และคลื่นไส้ไม่เบา
โปรดักชั่นมโหฬาร ดูยัดเยียดไปบ้าง เหมือนพยายามจะปล่อยของทุกอย่างที่มีจน "ล้น" เอาจริง ๆ ก็ชื่นชมความหาทำในการสร้างสรรค์ซีนแอ็คชั่นสวย ๆ หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้บนบนภาคพื้นดิน ซิ่งรถไล่ล่า เผชิญหน้าท้าทายความหวาดเสียวบนสะพานข้ามหุบเขา ยันดวลสาดกระสุนกันกลางอากาศ แต่ภาพรวมมันดูเยอะเกินไป จนไม่มีจุดที่ประทับใจหรือน่าจดจำเป็นพิเศษ
พล็อตเรื่องกลวง พางง ผูกปมแล้วปล่อยผ่าน นอกจากซีนแอ็คชั่นมันส์ ๆ แล้ว พล็อตเรื่องแทบไม่มีอะไรให้น่าติดตามเลย เหมือนผูกปมไว้ตามทาง แล้วปล่อยผ่านไปแบบงง ๆ กระทั่งตอนจบที่ดูเหมือนตั้งใจปูทางไปสู่ภาคต่อ แต่ได้แค่ถามตัวเองในใจว่า "นี่จบแล้วเหรอ?" ซึ่งทุกอย่างดูว่างเปล่า จนขาดจุดดึงดูดที่ชวนให้ติดตามภาคต่อไป
ยกให้การแสดงของ จูวอน คือเดอะเบสต์ของผลงานชิ้นนี้ เรียกได้ว่าแบกหนังคนเดียวทั้งเรื่องแทบหลังหัก จูวอน เอาอยู่ทั้งพาร์ตแอ็คชั่นและดราม่า แม้พล็อตเรื่องจะเบาหวิว แต่เขาก็ถ่ายทอดบท "คาร์เตอร์" ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ และไม่รู้สึกขัดหูขัดตา ขณะที่ขัดใจกับพล็อตอยู่ไม่น้อย สำหรับตัวละครเกาหลีตัวอื่น ๆ ก็ไม่ได้แย่ แต่ยังขาดเสน่ห์ให้จดจำ ส่วนตัวละครต่างชาติยังดูแปลก ๆ ไม่ค่อยสมจริงเท่าที่ควร
สรุปแล้ว Carter – คาร์เตอร์ เป็นผลงานที่ดุเดือด เลือดสาด โอเวอร์แอ็คชั่น เน้นเอามันส์ โปรดักชั่นมโหฬาร งานภาพสุดเหวี่ยง ส่ายยับแทบตลอดทั้งเรื่อง ดูเท่ แต่ก็ชวนคลื่นไส้ไม่เบา ส่วนพล็อตเรื่องค่อนข้างกลวง พางง ผูกปมแล้วปล่อยผ่าน ขอยกให้ จูวอน คือเดอะเบสต์ แบกคนเดียวทั้งเรื่องแทบหลังหัก สำหรับคนที่ชอบเสพงานบู๊หนัก ๆ แอ็คชั่นมันส์ ๆ ไม่ซีเรียสกับพล็อตเรื่องมากนัก ไม่หวั่นกับงานภาพสั่น ๆ และไม่แขยงในความดิบเลือดสาดแบบอันเซนเซอร์ ขอแนะนำว่านี่คือผลงานอีกหนึ่งชิ้นที่คุณไม่ควรพลาด สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Netflix ทั้งแบบพากย์ไทยและซับไทย โดยหนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 14 นาที ให้คะแนน 7.5/10