ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > ข่าวดาราเทศ

ทำความรู้จักกับแด๊ดดี้ "ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ" ก่อนดู "What Did You Eat Yesterday? เมื่อวานคุณทานอะไร"

10 ก.ค. 2565 01:55 น. | เปิดอ่าน 1530 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์กระแสแรงที่สร้างจากมังงะเรื่องดังของญี่ปุ่นสำหรับ "What Did You Eat Yesterday? เมื่อวานคุณทานอะไร" ที่ได้นักแสดงหนุ่มมากฝีมือของวงการภาพยนตร์แห่งแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง "ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ" ผู้จัดจ้านครบทั้งฝีมือและความหล่อในวัย 51 ปี รวมถึงยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี 2021 ในการจัดอันดับของ "Great Performers / The Best Actors of 2021" โดย The New York Times จากภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์เรื่อง "Drive My Car" (2021) ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับเลือกจากการแสดงในภาพยนตร์ญี่ปุ่น ซึ่งช่วยการันตีได้ถึงการเป็นนักแสดงชายเจ้าบทบาทคนสำคัญแห่งเอเชียยุคใหม่ และปีนี้นิชิจิมะจะกลับมาพร้อมบทบาทที่ท้าทายมากขึ้นไปอีกกับการแสดงเป็นชายรักชายใน "What Did You Eat Yesterday? เมื่อวานคุณทานอะไร"

 

 

ทำความรู้จักกับแด๊ดดี้ "ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ" ก่อนดู "What Did You Eat Yesterday? เมื่อวานคุณทานอะไร"

 

"ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ" เกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ปี 1971 เขาแจ้งเกิดในฐานะนักแสดงดาวรุ่งตอนช่วงยุค 90 จากผลงานการแสดงในละครโทรทัศน์เรื่อง "Asunaro Hakusho" (1993) ซึ่งต่อมาผู้ชมชาวไทยจะเริ่มรู้จักเขามากขึ้นในผลงานภาพยนตร์เรื่อง "Dolls" (2002) โดยฝีมือผู้กำกับสายโหดของวงการ "ทาเคชิ คิตาโน" แล้วหลังจากนั้น ชื่อของ "ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ" ก็ทะยานสู่ทำเนียบนักแสดงมากความสามารถที่น่าจับตามองที่สุดของวงการ และสั่งสมผลงานดังๆ เอาไว้มากมาย รวมถึงซีรีส์ "Crisis Koan Kido Sosatai Tokusohan" (2017) และภาพยนตร์ "Samurai's Promise" (2018) ที่ส่งชื่อของเขาให้เข้าชิงรางวัลออสการ์ญี่ปุ่น "Japan Academy Film Prize" ครั้งแรกในชีวิต รวมถึงยังฝากฝีมือการพากย์เสียงลงในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมของสตูดิโอจิบลิอย่าง "The Wind Rises" (2013) อีกด้วย

 

แล้วล่าสุดผู้ชมทั้งโลกก็ได้ประจักษ์ฝีมือการแสดงที่สุดลุ่มลึกของเขาในภาพยนตร์เรื่องดังแห่งปี 2021 "Drive My Car" ที่เดินหน้ากวาดรางวัลอย่างบ้าคลั่งและทำให้ชื่อของ "ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ" ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากเวทีรางวัลของสายนักวิจารณ์อเมริกันแทบทุกเวที

 

 

จากมังงะเรื่องเยี่ยมสู่ไลฟ์แอ็กชั่นที่สร้างปรากฏการณ์

 

หลังจาก "Ossan's Love" (2016) ซีรีส์ LGBTQ ชายรักชายเดินสายลุยกวาดรางวัลละครโทรทัศน์ญี่ปุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยมจาก Television Drama Academy Awards รางวัลนิตยสารสื่อโทรทัศน์อันดับต้น ๆ ของวงการ และสร้างปรากฏการณ์ที่สามารถกอบกู้ความมั่นใจแก่ผู้สร้างในการร่วมผลักดันซีรีส์สาย LGBTQ ให้ขึ้นมาอยู่ในกระแสหลักมากขึ้นกว่าครั้งอดีต จนมาถึง "What Did You Eat Yesterday? เมื่อวานคุณทานอะไร" ที่ได้ "ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ" มาประกบคู่กับ "เซโย อุจิโนะ" อีกหนึ่งนักแสดงเจ้าบทบาท ซึ่งทั้งคู่ต้องสลัดภาพที่เคยชินตาเพื่อมารับบทเป็นคู่รักเกย์วัย 40 ปี โดยเฉพาะ "ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ" กับลุกส์แด๊ดดี้ที่ผู้ชมหลายคนต้องตกหลุมรักทันที และงานนี้ทางด้านนิชิจิมะ ก็พูดถึงความละเอียดในการถ่ายทอดตัวละครในเรื่องนี้ด้วยว่า

 

(นิชิจิมะ) "ในมังงะ ฉากทะเลาะระหว่างคู่ชีวิตอยู่ในโทนขบขัน มันไม่ได้ทะเลาะจริงจังในระดับพาคุณให้ปวดใจ ในทางกลับกันเมื่อคุณลองสวมบทตัวละครเหล่านี้ คุณจะเข้าใจอารมณ์ที่อยู่ตรงนั้นเมื่อคุณแคร์ใครสักคน แค่ถ้อยคำที่พูดต่อให้พูดประโยคเดียวกัน ความหมายก็เปลี่ยนไปเลย อีกทั้งพวกเขายังพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อสามารถประคับประคองความสัมพันธ์ได้อย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นผมจึงต้องถ่ายทอดการแสดงให้ออกมาอย่างจริงใจและสมจริงมากที่สุดครับ"

 

 

แม้ว่าบนจอจะแด๊ดดี้จนกุมหัวใจใครหลาย ๆ คน แต่ในชีวิตจริงของ "ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ" นั้นก็แด๊ดดี้ไม่แพ้กัน เพราะนอกจอเขาคือคุณพ่อลุกส์อบอุ่นที่แต่งงานกับสาวรุ่นน้องนอกวงการ และมีโซ่คล้องใจเป็นลูกชายตัวน้อย 2 คน ซึ่งในยามที่พักว่างจากการแสดง นิชิมะจะทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับครอบครัว ซึ่งกิจกรรมที่พวกเขาชื่นชอบกันก็คือ การเล่นแปลงร่างเป็นตัวละครต่าง ๆ เช่น อูลตร้าแมน หรือโปเกม่อน

 

 

แฟน ๆ แด๊ดดี้ไทยห้ามพลาด เตรียมรับความประทับใจบนจอภาพยนตร์ที่จัดเต็มยิ่งกว่าเดิมแน่นอน "What Did You Eat Yesterday? เมื่อวานคุณทานอะไร" 21 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

 

: What Did You Eat Yesterday?, เมื่อวานคุณทานอะไร, ฮิเดโตชิ นิชิจิม่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • จากซีรีส์สุดฮิตสู่ไลฟ์แอ็กชั่นที่ทุกคนรอคอย "What Did You Eat Yesterday? เมื่อวานคุณทานอะไร" 21 กรกฎาคมนี้
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :