ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > ข่าวหนัง

เจาะ 5 เรื่องราวความน่าสะพรึงกลัวที่แฝงอยู่กับเทคโนโลยี ภัยอันตรายจากโลกเสมือนจริง

14 ม.ค. 2565 10:23 น. | เปิดอ่าน 1518 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

ในขณะที่เรื่องราวขนหัวลุกหรือความสยองสุดสะพรึงส่วนใหญ่ มักเกี่ยวกับสถานที่ในอดีต หรือตำนานที่มีมานาน รวมไปถึงสิ่งของ มรดก บ้านที่สืบทอดต่อกันมา แต่ใครจะรู้ว่าบนโลกสุดศิวิไลซ์ ที่เทคโนโลยีเข้าถึงทุกหย่อมหญ้าแห่งนี้ ยังมีความสยองขวัญที่แฝงมากับความไฮเทค อย่าง เทคโนโลยี หรือ Gadget ที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน พวกมันนำพาความหลอนและสร้างความสะพรึงให้กับผู้ใช้มาแล้วหลายครั้ง ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่หากใครเคยได้ยินเบื้องหลังอาถรรพ์ Y2K หรือการใช้เครื่องตรวจจับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF) ในการเสาะหาพลังงาน วิญญาณมาแล้ว ครั้งนี้จะเป็นการรวบรวมความน่ากลัว ความแปลกใหม่ของเรื่องราวสยองขวัญที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีทั่วทุกมุมโลก

 

1. บ้านอัจฉิรยะเหนือการควบคุม

หากคุณคิดว่าการติดตั้งอุปกรณ์อัจฉริยะและเทคโนโลยีสุดล้ำ Internet of Things (IOT) ในบ้านของคุณแล้วจะทำให้บ้านคุณห่างไกลเรื่องราวของผีสิง นั่นแสดงว่าคุณกำลังคิดผิด

 

 

ในปี 2009 ศาสตราจารย์ด้านวิทยการคอมพิวเตอร์ในเบอร์ลิน Raul Rojas ได้สร้าง "บ้านอัจฉริยะ" แห่งแรกของเยอรมนีขึ้น ทุกอย่างในบ้านทั้งระบบไฟ ระบบทำความร้อน เครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิด และสั่งการได้จากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของ Raul แต่เมื่อเวลาผ่านไปสองปี สัญญาณไฮเทคทั้งหมดกลับไม่ฟังคำสั่งเขาอีกต่อไป ไม่มีอะไรทำงาน เขาไม่สามารถเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ Raul ถูกขังอยู่ในบ้านตัวเองนานหลายวัน เขาต้องอยู่ในบ้านผีสีงไฮเทคเพียงลำพัง เพราะระบบสื่อสารล้มเหลว ล็อกประตูใช้งานไม่ได้ หลังจากที่เขาออกมาจากบ้านของตัวเอง Raul ค้นหาต้นตอของปัญหาแต่กลับไม่สิ่งผิดปกติในระบบ ไม่มีสแปม ไม่มีไวรัส ไม่มีคำตอบทางทฤษฎี และวิทยาศาสตร์ มีเพียงความลี้ลับที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะหาคำตอบ

 

2. แล็ปท็อปสูญหายปริศนาบนท้องฟ้า

 

 

ในปี 2007 แล็ปท็อปบนเครื่องบินลำหนึ่งที่บรรจุข้อมูลลับส่วนบุคคลมากกว่า 12,000 คน หายไปจากเที่ยวบิน และถึงแม้ว่าข้อมูลและแล็ปท็อปทั้งหมดจะสูญหายไป แต่ทางสายการบินก็ตัดสินใจไม่ได้บอกใครถึงเหตุการณ์นี้ และคิดว่าข้อมูลส่วนตัวเหล่านั้นจะไม่หลุดรั่วออกไป แต่พวกเขากลับคิดผิด เพราะมีรายงานเกี่ยวกับอดีตพนักงานคนหนึ่งของสายการบินถูกสวมรอยใช้ข้อมูลส่วนตัวก่อคดีอาญา ขอสินเชื่อทั่วสหรัฐ ทำให้ตัวเขาถูกดำเนินคดีกับสิ่งที่ไม่ได้ก่อ หลังจากการสืบสวน ก็พบว่าต้นตอของการสวมรอยนี้มาจากรัฐฟลอริดาหรือมินิโซตา หลังจากที่ตามรอยจากข้อมูลที่ได้ไป บริษัทบัตรเครดิตและเจ้าหน้าที่สืบสวนกลับต้องพบกับความสับสน เมื่อต้นเหตุ และที่อยู่ที่ปรากฎกลับเป็นโรงพยาบาลร้าง ไร้คนอาศัยมาหลายสิบปี ไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปา และไม่มีทางที่จะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และเมื่อสืบลึกลงไป พวกเขากลับพบว่า เจ้าของสถานที่เป็นหนึ่งใน 12,000 รายชื่อ เขาได้เสียชีวิตด้วยเหตุหัวใจล้มเหลวบนเครื่องบินลำนั้นมาก่อนที่ข้อมูลจะสูญหาย จนทุกวันนี้แล็ปท็อปที่หายไป ก็ไม่สามารถค้นหาคำตอบและยังไม่มีใครหามันเจอ

 

3. เรือยอร์ชและ GPS สยอง

การถูกแฮ็กถือเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะมันไม่มีการเตือนล่วงหน้า และใครบางคนสามารถควบคุมและขโมยข้อมูลต่างๆจากคุณไปได้ รวมถึงการควบคุมชีวิตออนไลน์ของคุณ แล้วลองนึกภาพว่าหากเป็นยานพาหนะที่กำลังเคลื่อนที่อยู่อย่างเรือยอร์ชกลางทะเล ที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ มันอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิต

 

 

ในเดือนมิถุนายน 2013 เรือยอร์ชสุดหรู ขนาด 65 เมตร ชื่อ The White Rose of Drachts ออกเดินทางนอกชายฝั่งอิตาลี เรือราคา 80 ล้านดอลลาร์ ถูกควบคุมด้วยระบบอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยี มันถูกออกแบบให้นำทางโดยระบบ GPS และมีระบบขับขี่อัตโนมัติ จนกระทั่งคืนหนึ่งมันถูกบุคคลปริศนาควบคุมไว้ อย่างไรก็ตามไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ และระบบการสื่อสารบนเรือถูกตัดขาด เรือขับออกนอกเส้นทาง มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ไม่คุ้นเคย

เบื้องต้นเหตุการณ์นี้ถูกรายงานว่าเป็นการจี้เรือจากเหล่าบรรดาโจรสลัดหรือสลัดอากาศ แต่ก็ไม่สามารถแทร็กสัญญาณพบ ท้ายที่สุดเรือยอร์ชลำนี้ กลับไปหยุดอยู่กลางมหาสมุทร ระบบทุกอย่างยังคงไม่สามารถทำงานได้ เขาติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านโทรศัพท์ดาวเทียม กว่าที่จะสามารถแกะรอยสัญญาณการแฮ็ก GPS ได้ เขาพบว่ามันมาจากใต้มหาสมุทรตรงที่เรือแล่นไปจอด เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตะเวนชายฝั่ง ส่งหน่วยดำน้ำลงไปใต้เรือ พวกเขาพบซากเรือยอร์ชที่มีศพติดอยู่ นี่เป็นเหตุการณ์ขนลุกที่พวกเขาไม่สามารถค้นหาคำตอบว่าใครเป็นคนแฮ็ก GPS และพามาที่นี่

 

4. การตายปริศนาของแฮ็กเกอร์

เดือนกรกฎาคม 2013 Barnaby Jack แฮ็กเกอร์ที่เป็นที่รู้จักในงาน Black Hat ปี 2011 เสียชีวิตลงอย่างปริศนา เขาสร้างกระแสฮือฮาจากการแฮ็ก ATM และสร้างรายได้จากระยะไกล และเรื่องที่ทำให้แจ็คมีชื่อเสียงมากที่สุด คือการแฮ็กเครื่องปั๊มอินซูลิน โดยแจ็คทำให้ผู้คนเห็นว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถควบคุมการฉีดอินซูลินในปริมาณที่ร้ายแรงให้กับเหยื่อในระยะไกล โดยที่เหยื่อและคนรอบตัวไม่มีทางรู้ตัวได้เลย และก่อนที่แจ็คจะเสียชีวิตลงเขาได้เตรียมการแฮ็กเครื่องกระตุ้นหัวใจที่ฝังไว้ในร่างกาย ซึ่งพัฒนาเป็นการลอบสังหารได้

ผลจากการสอบสวนพบว่า ก่อนหน้าที่เขาเสียชีวิตเขาได้แฮ็กเครื่องปั้มอินซูลิน และส่งผลให้บุคคลนั้นเสียชีวิต และในการชันสูตรพบกว่า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยอินซูลินทั้งๆที่ตัวแจ็คเองไม่ได้ป่วยและใช้เครื่องมือนี้แต่อย่างใด ทำให้คดีมุ่งชี้ไปทางฆาตกรรม ที่ไม่แน่ว่าฆาตกรอาจจะเป็นคนที่เสียชีวิตไปแล้วก็ได้

 

 

5. ผีบนโลก Metaverse

ในการสืบสวนคดีฆาตกรรมของผู้ป่วยอาการโคม่า หลายครั้งเทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการไขคดี โดยส่วนมากจะมีการใช้เทคโนโลยี Simulator เชื่อมต่อสมองผู้ป่วยเข้ากับญาติ เพื่อเป็นการเข้าไปค้นหาข้อบกพร่องหรือหลอกสมองให้ฟื้นความทรงจำในอดีต

ซึ่งในปัจจุบัน ได้เริ่มมีการทดลองนำเทคโนโลยี Metaverse เข้ามาพัฒนา หนึ่งในนั้นคือคดีของ แองเจล่า อดีตฆาตกรที่เคยฆ่าคนมาแล้วมากมายก่อนที่เธอจะไม่สมประกอบ ป่วยทางจิต หลังจากถูกจับกุมเธอกลับอยู่ในอาการโคม่า ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ทำให้การสอบสวนเป็นไปอย่างยากลำบาก ทางการสอบสวนค้นพบว่าแองเจล่ามีลูกสาวหนึ่งคน แต่เธอกลับทอดทิ้งลูกไปตั้งแต่ยังเด็ก

เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้ตามหาและพบกับ คาร์ลี ลูกสาวของเธอ และขอให้เธอเชื่อมต่อสมองกับแม่เพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่าง หลังจากที่คาร์ลีเชื่อมต่อกับสมองของแม่เธอ เธอกลับพบเรื่องราวอันน่ากลัว ที่ตามออกมาหลอกหลอนในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลปริศนา ฝันร้ายที่เดิมซ้ำๆ เกิดภาพหลอนหลายครั้ง จนสุดท้ายทำให้คาร์ลีต้องเข้าการรักษาทางจิตในที่สุด

 

 

: Demonic

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อเทคโนโลยีเล่นบทโหด และ Metaverse เปิดโหมดสยอง ถึงเวลาเผชิญหน้าความน่ากลัวระดับ 5G ใน Demonic
  • เปิดประสบการณ์สุดสยอง เมื่อความหลอนไม่หยุดอยู่แค่ในโลกเสมือนจริง ภาพยนตร์ไซไฟสยองขวัญ "Demonic" 20 ม.ค.นี้
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :