นิตยสาร GQ Korea คว้าตัวซูเปอร์สตาร์สุดฮอต ฮยอนบิน (Hyun Bin) มาถ่ายแบบในคอนเซ็ปชุดกีฬาโชว์ความแข็งแกร่ง และความยืดหยุ่นในแบบฉบับของหนุ่มวัย 30 ปลาย ๆ พร้อมจ่อไมค์สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟทั้งเรื่องงาน แง่คิด และชีวิตส่วนตัวมาอัปเดตให้แฟน ๆ ได้ทราบกัน
ซึ่ง ฮยอนบิน เผยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องมาจับอุปกรณ์ออกกำลังกายถ่ายแฟชั่น เมื่อถามถึงอุปกรณ์ที่เขามักจะเลือกหยิบมาใช้ออกกำลังกายบ่อย ๆ ฮยอนบิน ก็ตอบว่า “ดัมเบลครับ ผมสนุกกับการออกกำลังกายช่วงบ่าของผม ดังนั้นผมก็เลยมักจะใช้ดัมเบลเพื่อเป้าหมายนั้น”
อย่างไรก็ตาม ฮยอนบิน ก็มีอาการเขินอายเบา ๆ เมื่อผู้สัมภาษณ์บอกว่าหลาย ๆ คนมักจะพูดว่าไหล่ของเขากว้างอย่างกับมหาสมุทรแปซิฟิก “การออกกำลังกายหัวไหล่มันเจ็บปวดนะครับ แต่มันก็ให้รางวัลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กว่ากลับคืนมาครับ”
ฮยอนบิน ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากการมาสวมบทบาทเป็นสหายผู้กอง รีจองฮยอก ในซีรีส์ Crash Landing On You เมื่อถามว่ารู้สึกยังไงที่ตกเป็นศูนย์กลางความสนใจจากคนจำนวนมาก ซึ่งเขาก็ตอบว่า “มันรู้สึกแทบจะบ้าเลยล่ะครับ ตั้งแต่ที่ผมไม่สามารถพบปะแฟน ๆ ได้เหมือนก่อนที่โควิดจะระบาด ผมก็ได้บรรยายความรู้สึกออกไปผ่านจดหมายที่เขียนด้วยลายมือ ผมสัมผัสได้ถึงเอฟเฟคของมัน แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะสาธยายทุกอย่างที่อยู่ในหัวผมออกไปทั้งหมดได้”
ฮยอนบิน ยังอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังอีกว่าทำไมเขาถึงเลือกเขียนจดหมายด้วยลายมือส่งถึงแฟน ๆ ผ่านโลกโซเชียลมีเดีย “เมื่อเราต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ซึ่งเราไม่สามารถมาพบหน้ากันแบบตัวต่อตัวได้ จดหมายที่เขียนด้วยลายมือมันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผม มันเป็นวิธีโบราณ ๆ ในการถ่ายทอดความรู้ในส่วนลึกออกไปครับ”
ก่อนหน้านี้ ฮยอนบิน เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับ GQ ว่าช่วงวัย 30 กลาง ๆ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเขา แต่พอมาถึงจุดนี้ ฮยอนบิน ก็เผยว่า “ตอนนั้นผมคิดว่ามันน่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อผมอายุ 30 ตอนนี้ผมได้ใช้เวลาไปกับช่วงอายุที่มีเลข 3 นำหน้ามาหลายปีแล้ว แต่ในความเป็นจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมายนักหรอกครับ”
ฮยอนบิน ยอมรับว่าเขากลายเป็นคนที่เปิดใจและสบาย ๆ ชิลล์ ๆ กับงานของเขามากขึ้น แถมยังบอกอีกว่าตอนนี้เขาพร้อมที่จะยอมรับสถานการณ์ใด ๆ ก็ตามแต่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ง่ายขึ้นแล้ว ทั้งยังเผยอีกว่าเขาพยายามที่จะคอนโทรลทุกอย่างในชีวิต ซึ่งรวมไปถึงอารมณ์ความรู้สึกให้มั่นคงด้วย
ผลงานภาพยนตร์ของ ฮยอนบิน พิสูจน์ให้เห็นว่าจุดมุ่งหมายในการเลือกรับงานของเขาไม่ได้เอนเอียงไปในเรื่องของชื่อเสียง หรือเงินทองเป็นสำคัญ เขายอมรับเล่นหนังต้นทุนต่ำอย่าง I Am Happy แล้วก็ยังไปปรากฎตัวใน Come Rain, Come Shine แม้จะไม่ได้รับการการันตีเรื่องค่าตัวก็ตาม “ผมเป็นพวกที่อยากรู้อยากลองอะไรใหม่ ๆ ครับ และผมก็เป็นคนที่เปิดรับความท้าทายด้วย แต่ถึงแม้ว่าผมจะมีความอยากรู้อยากเห็นมากมายก่ายกอง มันก็คงจะไม่มีผลอะไรหรอกครับหากผมไม่ได้รับโอกาส โอกาสเหล่านั้นมันมาหาผมในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ ดังนั้นผมก็เลยคิดว่าผมก็แค่ทำมันซะ”
“ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้พร้อมกับทัศนคติที่ผมมีในตอนนี้ ผมว่างานที่ผมได้มีส่วนร่วมมันอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ เนื่องจากมันขึ้นอยู่กับตอนที่ผมอ่านบท แรงบันดาลใจที่คุณได้รับจากหนังสือมันก็เปลี่ยนแปลไปตามกาลเวลาที่คุณอ่านมันนั่นแหละ จริงมั้ยครับ ผมว่าผมได้ทำในสิ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผมในช่วงเวลานั้นแล้ว” ฮยอนบิน เสริม
ฮยอนบิน เตรียมกลับไปสวมบทตำรวจสายสืบเกาหลีเหนือ อิมชอลรยอง อีกครั้งในหนังภาคต่อของ Confidential Assignment (2017) ซึ่งเขาก็ได้ลองคิดทบทวนดูว่าเขาควรจะเปลี่ยนแปลงตัวละครของเขาในหนังภาคต่อนี้ไปมากน้อยขนาดไหน เพราะผู้ชมอาจจะเบื่อได้หากเขายังคงแสดงเหมือนกับหนังภาพก่อน เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้า อิมชอลรยอง กลับมาเกาหลีใต้แล้วได้พบกับ ยุนเซรี ตัวละครของ ซนเยจิน (Son Ye-Jin) ใน Crash Landing On You ฮยอนบิน ก็หัวเราะแล้วตอบว่า “นั่นมันเกิดขึ้นไม่ได้หรอกครับ! ชอลรยอง เขาอยากจะเจอ มินยอง (ยุนอา) ส่วน จองฮยอก เขาอยากจะเจอ เซรี ครับ”
จากนั้น ฮยอนบิน ก็ลองมโนภาพว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหาก อิมชอลรยอง ได้มาเจอกับ รีจองฮยอก “ถ้าเป็นสองคนนั้น พวกเขาก็น่าจะสนิทกัน แล้วก็ร่วมมือกับอีกฝ่ายนะครับ ผมคิดว่า จองฮยอก น่าจะเป็นคนเริ่มก่อน เนื่องจากเขาเป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาตอนที่ผมโตขึ้นมาหน่อย เขาน่าจะเป็นคนที่เปิดรับแล้วก็เข้าใจอะไรมากกว่าครับ”
ฮยอนบิน บอกว่าเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความจริงใจมากที่สุดในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง “เวลาที่ผมรู้สึกพึงพอใจขณะที่เช็คดูซีนที่ผมถ่ายทำไป ผมก็สงสัยเหมือนกันนะว่าผมกำลังหลอกตัวเองรึป่าว ผมสงสัยว่าผมแค่โอเคกับสิ่งที่ผมเห็นเพียงเพราะว่าพวกมันเป็นการแสดงออกที่ผมคุ้นเคยรึป่าว ผมสงสัยว่าจริง ๆ แล้วผมรู้สึกยังไงกันแน่ มันเป็นความกังวลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยล่ะครับ”
แม้จะอยู่ท่ามกลางสายตาประชาชนมายาวนาน แล้วก็ต้องใช้ชีวิตอยู่บนความคาดหวังของคนอีกมากมาย ฮยอนบิน ก็เผยว่าเขาไม่ได้อยากจะลองก้าวออกไปสู่หนทางอื่น “ด้วยความเป็นผมแล้ว ผมจะไม่ทำอะไรที่มันจะทำให้ผมรู้สึกเสียใจ ดังนั้นผมก็แค่ก้าวไปตามเส้นทางที่ถูกขีดไว้อย่างช้า ๆ ผมไม่ได้พยายามที่จะเอาชนะอะไรเลย ผมก็แค่ก้าวไปครับ”
ฮยอนบิน เผยถึงวิธีเอาชนะสถานการณ์ที่ยากลำบากให้ฟังว่า “ผมจะบอกกับตัวเองว่า ‘เดี๋ยวเรื่องนี้ก็จะผ่านไป’ ในเรื่องของงานผมจะยึดความคิดที่ว่า ‘สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต’”
ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ฮยอนบิน ได้เผยถึงเป้าหมายในปี 2021 ของเขาว่า “The Point Men กำลังอยู่ในช่วงของการตัดต่อแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสามารถทำอะไรได้ แต่ผมก็อยากที่จะพิชิตโควิด-19 แล้วก็ได้ออกไปทักทายทุกคนบนเวที พร้อมกับ The Point Men ผมต้องการแบบนั้นจริง ๆ ครับ”