ข่าว > ข่าวสัพเพเหระทั้งหมด > Webmaster Talk

ชี้เป้าไข่อีสเตอร์ Wonder Woman 1984 - วันเดอร์ วูแมน 1984

24 ธ.ค. 2563 18:14 น. | เปิดอ่าน 1539 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

กลับมาอย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีอีกครั้ง! สำหรับ ไดอาน่า ปริ๊นซ์ หรือ ขุ่นแม่ วันเดอร์ วูแมน ในภาคต่อ Wonder Woman 1984 ที่หลังจากเข้าฉายก็มีเสียงตอบรับหลากหลาย บ้างก็ชื่นชอบในความเป็นยุค 80 ที่มีชีวิตชีวา บ้างก็ชอบที่ตัวร้ายมีเหตุผลเข้าใจได้ หรือบางคนก็ชอบการได้ตัว สตีฟ กลับมาร่วมฉากกับ ไดอาน่า ก็ให้เกิดความโรแมนติกขึ้นมาในหนังซูเปอร์ฮีโร่อีกครั้ง และแน่นอนว่านอกจากความสนุก ซึ้ง มันส์ครบทุกรสชาติแล้ว ภาคต่อนี้ก็ยังอัดแน่นไปด้วยไข่อีสเตอร์มากจากจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่สาวคนนี้ ซึ่งเราก็รวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่านกันแล้ว! ถ้าไม่อยากพลาดจุดสำคัญอะไรก็ตามเรามาอ่านโลดด.. 

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : 
6 เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ “เกราะทอง” ของแม่ไดอาน่า ใน Wonder Woman 1984 
16 เรื่องจริงของ “กัล กาโดท” สาวสวยตัวแม่แห่ง #WW84 

 

*มีการพูดถึงเนื้อหาในภาพยนตร์ ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่อยากถูกสปอยล์*

 

- ฉากเปิดของ WW84 เป็นตอนที่ เทอมีสคีร่า บ้านเกิดของ ไดอาน่า มีการจัดแข่งขันกีฬาเพื่อหาสุดยอดนักรบแห่งแอมะซอน แต่ ไดอาน่า ในวัยเด็กก็ใช้ทางลัดเพื่อหวังคว้าเอาชับชนะมาครองทำให้ได้บทเรียนติดตัวกลับไปว่า ‘ไม่มีฮีโร่คนใดเกิดมาจากคำลวง’ แต่กลับกันในคอมมิค ฉากการแข่งขันเกมกีฬาครั้งใหญ่ของชาวแอมะซอนนี้ ไดอาน่า นั้นลงแข่งขันเพื่อคว้าโอกาสให้ได้ออกไปร่วมมือกับ สตีฟ เทรเวอร์ ที่อเมริกา ซึ่งเป็นเป้าหมายที่แตกต่างจากฉบับภาพยนตร์ที่เราได้เห็นกัน

- การย้อนอดีตไปยัง เทอมีสคีร่า ทำให้เราได้เห็น แอนไทโอพี ตัวละครของ โรบิน ไรท์ อีกครั้ง นับเป็นฉากที่ทำให้แฟน ๆ หลายคนคิดถึงเพราะ แอนไทโอพี นั้นเสียชีวิตลงไปแล้วในศึก ณ ชายหาดกวางใน Wonder Woman ภาคแรกนั่นเอง

- นอกจากนี้ เรายังได้เห็นทักษะเด่นของ ไดอาน่า เพิ่มเติมอย่าง การยิงธนู และ การขี่ม้า ในระดับสูง ทั้งยังได้รู้อีกว่าเธอเชี่ยวชาญทักษะเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก โดยนักแสดงที่รับบทเป็น ไอดาน่า ตอนเด็กนั้นคือ ลิลลี่ เอสเพลล์ ผู้ลงทุนเล่นทุกฉากด้วยตัวเอง โดยมีเพียงท่อนไม้กับดักในฉากแข่งขันเท่านั้นที่เป็นสเปเชียล เอฟเฟกต์

- น่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็น เอตต้า แคนดี้ ที่รับบทโดย ลูซี่ เดวิส กลับมาเคียงข้าง ไดอาน่า เหมือนในภาพยนตร์ภาคแรกอีกครั้งด้วยวันเวลาที่ผ่านมานานหลายปี แต่หากสังเกตดี ๆ เราจะเห็นว่า ไดอาน่า วางรูปของ แคนดี้ วัยชราเอาไว้ในห้องพักของเธอ ซึ่งก็เป็นการบอกว่า เอตต้า ยังคงเป็นเพื่อนคนสำคัญของ ไดอาน่า และทั้งสองยังคงติดต่อกันอยู่หลัง สตีฟ จากไป

- แม็กเวลล์ ลอร์ด ในฉบับภาพยนตร์เป็นวายร้ายที่แสดงหาพลังอำนาจและเงินทองโดยใช้แร่โบราณที่เขาตามหามาเนิ่นนาน แตกต่างกับ แม็กเวลล์ ลอร์ด ในฉบับคอมมิคที่เป็นสาเหตุในมีการก่อตั้งทีมจัสติซ ลีก นานาชาติขึ้นมา และกลายเป็นวายร้ายตอนที่เขาได้รับพลังควบคุมความคิดจิตใจผู้อื่นได้

 

 

- บาร์บาร่า มิเนอร์ว่า เองก็เป็นอีกหนึ่งวายร้ายที่ฉบับภาพยนตร์นั้นแตกต่างกับฉบับคอมมิคโดยสิ้นเชิง อย่าง บาร์บาร่า ในคอมมิคต้นฉบับนั้นเป็นนักโบราณคดีที่ได้รับพลังมาจากชนเฝ่าลึกลับขณะออกสำรวจในแอฟริกา เธอปรารถจะคว้าบ่างบาศของ ไดอาน่า มาเป็นของตัวเอง ในขณะที่ฉบับภาพยนตร์นี้ เธอได้รับพลังจากการอธิษฐานว่าอยากเป็นเหมือน ไดอาน่า และเป็นผู้นพสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ทำให้เธอมีพลังอันแข็งแกร่งและกลายร่างเป็นชีตาห์มาเผชิญหน้ากับ ไดอาน่า ในช่วงสุดท้ายนั่นเอง

- เมื่อได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง สตีฟ ได้เข้ามาอยู่ในร่างของหนุ่มหล่อคนหนึ่งที่รับบทโดย คริสโตฟเฟอร์ โพลาฮา ทำให้ ไดอาน่า ไม่ยอมเชื่อในตอนแรกว่าเป็นเขา เขาจึงเลือกพิสูจน์ตัวตนด้วยการพูดว่า ‘ผมหวังว่าจะมีเวลามากกว่านี้’ ซึ่งเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียสละตัวเองจากไป ทั้งยังถอดนาฬิกาให้ ไดอาน่า เหมือนที่ทำในภาคแรกทำให้ ไดอาน่า เชื่อว่าเป็นเขาในทันที ส่วนนาฬิกาของ สตีฟ ตัวจริงนั้น ไดอาน่า เก็บรักษาเอาไว้อย่างดีบนชั้นหนังสือของเธอ ร่วมกับภาพถ่าย และของอื่น ๆ ที่ย้ำเตือนถึงความทรงจำของเธอกับ สตีฟ

- ในห้องของ ไดอาน่า มีหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าวเกี่ยวกับ สตีฟ และเรียกเขาว่า 'ฮีโร่ของชุมชน' พร้อมแนบรูปเขากับเครื่องบินคู่ใจ ทั้งยังมีรูปที่ ไดอาน่า ถ่ายภาพคู่กับป้ายฟาร์มที่ชื่อว่า ฟาร์มเทรเวอร์ ซึ่งอาจจะเป็นฟาร์มส่วนตัว สตีฟ จริง ๆ หรืออาจจะเป็นฟาร์มที่ ไดอาน่า เปิดเป็นการกุศลเพื่อ สตีฟ ก็เป็นได้ 

- ในฉบับคอมมิค สตีฟ เป็นตัวละครที่ตายแล้วฟื้นอยู่หลายครั้งในเพราะตัวนักเขียนนั้นสารภาพว่าเขาเป็นตัวละครที่ค่ินข้างน่าเบื่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สตีฟ ไม่เคยกลับมาโดยวิธีเดียวกันกับในภาพยนตร์สักครั้ง เพราะฉะนั้นถือเป็นมิติใหม่ของการกลับมาของ สตีฟ เลยทีเดียว

 

 

- ฉากเปิดตัว ไดอาน่า จับตัวผู้ร้ายในห้าง ผู้กำกับ แพตตี้ แจนกินส์ ได้แรงบันดาลใจมากจาก สไปเดอร์แมน โดยเธอคิดว่าเธออยากมีฉากที่ ไดอาน่า มีลีลาการบู๊ในสไตล์โหนเชือกไปตรงนั้นตรงนี้คล้ายกับซูเปอร์ฮีโร่หนุ่มแมงมุมดูบ้าง

- ร้านเพชรที่โจรโฉดเข้าไปปล้นนั้นมีชื่อว่า คอสโลฟ เจเวลส์ ซึ่งอาจตั้งมาจากตัวละครประกอบชื่อว่า คอสลอฟ ในฉบับคอมมิคซึ่งปรากฏตัวในช่วงปี 1970 เช่นกัน คนแรกก็คือผู้พันคอสลอฟ ที่ปรากฏตัวในคอมมิค World's Finest (1970) ส่วนอีกคนก็คือศัตรูของ ไวล์ดแคท หรือ เท็ด แกรนท์ ในคอมมิคฉบับเดี่ยว The Brave and the Bold ช่วงที่ ไวล์ดแคท ได้ร่วมกลุ่มกับ แบทแมน

- หินโบราณในภาพยนตร์ไม่มีชื่อเรียกอย่างชัดเจน แต่สำหรับฉบับคอมมิคแล้วมีแร่และหินวิเวศเคยปรากฏอยู่มากมาย ตั้งแต่ หินแห่งความฝัน หรือ ดรีมสโตน (Dreamstone) หรือ เมเทอริโอปติค่อน (Materioptikon) ที่สามารถทำให้ความฝันของผู้ใช้เป็นความจริง และสามารถบิดเบือนความเป็นจริงได้

อีกชิ้นหนึ่งคือ เคออส คริสตัล หรือ คริสตัลแห่งความโกลาหล ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถทำให้คำอธิษฐานของผู้ที่มีภาพสะท้อนบนตัวคริสตัลเป็นจริงได้ ซึ่งในคอมมิคนั้น ซูเปอร์แมน เคยทำลายคริสตัลชิ้นนี้ให้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วนำชิ้นส่วนของมันไปซ่อนไว้ในสถานที่ต่าง ๆ แต่พลังของมันก็มากเกินไปจนวสามารถสร้างความวุ่นวายให้กับผู้เจอชิ้นส่วน และนำมาซึ่งภารกิจให้เหล่าฮีโร่ทีมจัสติซ ลีกคอยเก็บกวาดอยู่ดี

- เครื่องบินเจ็ตล่องหนเดบิวต์บนจอยักษ์เป็นครั้งแรก! จากที่ ไดอาน่า บอกว่าเธอสามารถใช้พลังทำให้สิ่งของล่องหนได้ แม้จะนานปีดีหน แต่นั่นก็เป็นพลังที่เธอสืบทอดมาจากผู้เป็นพ่อ เหมือนกับที่พ่อของเธอทำให้เทอมิสคีร่าหายวับล่องหนไปให้พ้นสายตาผู้คน เช่นเดียวกับในคอมมิค ไดอาน่า ไม่สามารถโบยบินได้อย่างอิสระทุกครั้ง เครื่องบินเจ็ตล่องหน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ ไดอาน่า โปรดปราน เพราะนอกจากสะดวกแล้ว ยังไม่มีใครจับตัวเธอได้อีกด้วย

 

 

- ไซม่อน สแต็กก์ ชายชรานักธุรกิจที่ แม็กซ์ ลอร์ด ขอเงินทุนไปแล้วไม่คืน ทั้งยังวางแผนจับตัวเขาเข้าคุกในภาพยนตร์นั้น ในฉบับคอมมิคเขาเป็นผู้บริหารขี้เหนียวของ Stagg Enterprises และเป็นศัตรูคู่แค้นหลักของฮีโร่ เมตามอร์โฟ อีกด้วย

- ไดอาน่า ฉบับสาว กัล กาโดท สวมสวมชุดสไตล์คล้ายกับ ไดอาน่า ฉบับของ ลินดา คาร์เตอร์ ซึ่งเป็นลุคเก่งของเธอในซีรีส์ Wonder Woman

- เกราะทองของ ไดอาน่า เปิดเผยครั้งแรกใน lseworlds: Kingdom Come มินิคอมมิคซีรีส์ฝีมือ อเล็กซ์ รอสส์ เกี่ยวกับโลกอนาคตสุดดาร์คที่ วันเดอร์ วูแมน ที่วางมือจากการเป็นฮีโร่ไปแล้ว ได้กลับมาลงศึกใหญ่อีกครั้งพร้อมกับชุดเพราะทองอันทรงพลังนี้ ก่อนจะกลายเป็นหนึ่งในชุดเก่งที่ ไดอาน่า นำมาสวมอีกหลายครั้งในคอมมิคหลัก ทั้งยังนำมาสวมในภาคต่อ WW84 ขณะสู้ศึกกับ บาร์บาร่า หรือ ชีตาห์ อย่างที่เห็นกัน

- ในฉากท้ายภาพยนตร์ตอนวันคริสต์มาส กัล กาโดท และ แพตตี้ เจนกินส์ พาครอบครัว ทั้งสามีและลูก ๆ ของพวกเธอมาร่วมฉากที่แสนสุขเป็นความทรงจำร่วมกัน ซึ่งเป็นความตั้งใจที่ทำให้พวกเธอแฮปปี้กับการถ่ายทำและผลลัพธ์ที่ออกมาเอามาก ๆ (อ่านเพิ่มเติม: กัล กาโดท แง้มไข่อีสเตอร์! แอบคว้าสามีและลูกสาวแจมฉากสุดท้าย Wonder Woman 1984)

นอกจากนี้ในภาพยนตร์ยังเปลี่ยนที่มาที่มาไปของชุด ให้เป็นชุดของ แอสทีเรีย สุดยอดนักรบชาวแอมะซอนที่มาเฉลยในฉากกลางเครดิตตอนท้ายด้วยว่า คน ๆ นั้นคือ ลินดา คาร์เตอร์ ผู้รับบท วันเดอร์ วูแมน ฉบับซีรีส์ยุคบุกเบิกนั่นเอง!

 

ที่มา : digitalspy.com | insider.com | geektyrant.com

 

: Wonder Woman, กัล กาโดท, Wonder Woman 2 , Wonder Woman 1984

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • มาร์โก้ ร็อบบี้ เคยหวังให้ กัล กาโดท มาเป็น บาร์บี้ ในภาพยนตร์ Barbie
  • อนา เดอ อาร์มาส ตอบข่าวลือ ลุ้นเป็นวันเดอร์วูแมนคนใหม่!
  • โรบิน ไรท์ หวังหวนบท แอนไทโอพี พร้อมสานต่อเรื่องราวของนักรบหญิงแห่งแอมะซอน
  • เจมส์ กันน์ สยบข่าวลือเกี่ยวกับอนาคตของ Wonder Woman
  • กัล กาโดท ขอบคุณโอกาสและแฟนคลับในวันครบรอบ 9 ปีที่ได้เป็น Wonder Woman
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :