ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > ข่าวดาราเทศ

นิโคล คิดแมน ย้อนอดีตครอบครัวเคยลำบาก ก่อนได้พบกับรักที่ดีที่สุดในชีวิต

26 พ.ย. 2563 10:23 น. | เปิดอ่าน 1521 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

Glamour U.K. เปิดสัมภาษณ์นักแสดงดีกรีออสการ์ นิโคล คิดแมน (Nicole Kidman) ถึงผลงานในวงการบันเทิง ที่เธอเลือกเดินสายนี้มาตั้งแต่เปิดตัวในซีรีส์ Bangkok Hilton และภาพยนตร์ Dead Calm ตั้งแต่ช่วงปี 80 ก่อนมีผลงานภาพยนตร์ดังมากมายหลายประเภท ตั้งแต่ มิวสิเคิล, แอ็คชั่น หรือจะเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ ทั้งยังประสบความสำเร็จคว้ารางวัลจากเวทีใหญ่อย่าออสการ์มาครองได้อีก และวันนี้เราจะได้ทำความรู้จักเธอมาขึ้นกัน

สำหรับ คิดแมน เรื่องการถูกกีดกันทางเพศถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ ทั้งลุกขึ้นยืนหยัดเคียงข้างแคมเปญ #MeToo และ #TimesUp ด้วยการสวมชุดสีดำเป็นสัญลักษณ์เคียงข้างผู้ไม่ได้รับความเท่าเทียมทางเพศในงาน Golden Globes 2018 และเมื่อถามว่าตอนนี้ คิดแมน คิดว่าการร่วมรณรงค์เรื่องนี้คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เธอก็ตอบว่า

"โอ้ พระเจ้า ฉันคิดว่ามันกำลังทำหน้าที่ของมันอยู่ค่ะ ฉันได้ทำงานกับคนที่ยอดเยี่ยมมากมาย เหมือนกัับตอนที่มองดูการทำงานและสิ่งที่เธอตั้งใจจะทำของ เมอริล สตรีพ ซึ่งกลายมาเป็นเพื่อนของฉัน ฉันใช้เธอเป็นผู้นำทางเพราะเธอมักจะพูดว่ามันมีสิ่งที่เราต้องทำให้สำเร็จอีกเยอะ ซึ่งมันมีจริง ๆ ค่ะ ฉันว่าตอนนี้มันปลอดภัยมากขึ้น ฉันได้อ่านบทสัมภาษณ์เกี่ยวกันการสร้าง Normal People (ซีรีส์พูดถึงเรื่องเพศของ BBC) มันมีเรื่องเกี่ยวกับเพศมากมายอยู่ในนั้น แต่นักแสดงทั้งสองท่านกลับรู้สึกปลอดภัย และสบายใจที่จะแสดงบทบาทลึกซึ้งต่อกัน มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก แต่ถามว่ายังมีความเหลื่อมล้ำใหญ่ ๆ อยู่อีกมั้ย? มีแน่นอนค่ะ แล้วเราจะร่วมมือเปลี่ยนแปลงมันด้วยกันมั้ย? ฉันหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น และเราจะทำมันต่อไปค่ะ ฉันหวังจริง ๆ ว่าเด็กรุ่นใหม่ในอนาคตจะมองกลับมาแล้วพูดว่า 'ว้าว นั่นมันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมไปเลย'"

 

 

ในฐานะนักแสดง หากใครมองเป็นอาชีพที่แค่อยู่หน้ากล้องทำตัวสวย ๆ ก็ได้เงินมาใช้สบาย ๆ ขอบอกเลยว่าสำรับ คิดแมน นั้นไม่ใช่ เพราะเธอต้องต่อสู้กับการรับอารมณ์ที่แปรปรวนมากเกินไปจนบางทีก็ไม่สามารถกำจัดอารมณ์แย่ ๆ เหล่านั้นออกไปจากร่างกายได้

"นั่นคืองานของฉัน เหมือนคุณต้องคอยเจาะลึกเข้าไปในเบื้องหลังอดีตของคุณ ความต้องการของคุณ อนาคตของคุณ และทุกสิ่งทุกอย่าง การทำงานตลอดชีวิตของฉันคือการใช้อารมณ์ต่าง ๆ และเก็บมันเอาไว้ข้างใน แล้วก็ต้องเรียนรู้ทีจะกำจัดมันทิ้งไปก่อนจะไปใช้ชีวิตจริง ๆ ของตัวเอง ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่มั่นคงต่ออารมณ์มาก ๆ มันเหมือนกันการเป็นนักมวย เวลาคุณขึ้นต่อยคุณพูดได้ว่า 'โอเค ฉันได้รับอนุญาตให้ต่อยคนนั้นสลบไปเลยนะ เอาล่ะตอนนี้ ลงมาจากสังเวียนไปบนท้องถนนแล้วอย่าไปต่อยคนอื่นอีกล่ะ' นั่นเหมือนเป็นวิถีชีวิตของคุณเลย มันคือวินัยทางจิตวิทยา ฉันได้เรียนรู้ที่จะสร้างโล่ขึ้นมาป้องกันตัวเอง เพราะฉันอาจแปรปรวนจากการรับอารมณ์ที่มากเกินไปได้ เพราะฉะนั้นฉันต้องหาสมดุลของมัน"

 

 

คิดแมน ค้นพบวิธีหาสมดุลด้านอารมณ์ของเธอผ่านการออกกำลังกาย และความสัมพันธ์ที่หวานชื่นกับแฟนหนุ่มนักดนตรี คีธ เออร์แบน (Kieth Urban) ที่เธอแต่งงานด้วยตั้งแต่ปี 2006

"ฉันออกไปวิ่งข้างนอกขณะฟังเพลงไปเรื่อย ๆ และฉันโชคดีที่มีความรักที่ดี มันเป็นอะไรที่ผ่อนคลาย และเป็นเหมือนที่ที่คอยปลอบประโลมฉัน เขาเป็นคนที่อบอุ่นและใจดี ฉันโชคดีที่มีเขาในชีวิต เพราะมันเป็นที่ที่ฉันสามารถไปผ่อนคลายและระบายได้ โลกนี้มันเหงามากเลยใช่มั้ยล่ะคะ? เพราะงั้นมันเป็นอะไรที่วิเศษมากที่ได้พบกับสิ่งสำคัญในชีวิตของฉัน" เมื่อถามว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยชีวิตเธอไว้ได้ยังไง? เธอก็ตอบทันทีว่า "เขาว่ากันว่า ความเหงา เป็นฆาตกรใจโหด มันทำให้เราเจ็บปวดและเงียบเหงาได้อย่างมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก คุณพบมันได้ในคนมีอายุ และวัยรุ่นทั่วไป คุณได้เห็นแล้วว่าเราไม่สามารถกอดกันได้ในโลกใบนี้อีกแล้ว ความเหงานี่แหละคือโรคระบาดแสนอันตราย ฉันเลยโชคดีมากที่ได้กลับบ้านกับเขา ฉันขอส่งใจไปให้คนที่ไม่มีใครให้พึ่งพาในตอนนี้ด้วยนะคะ"

ในผลงาน The Undoing ซึ่งจะบอกเล่าชีวิตอันหรูหราในนครนิวยอร์กนั้น คิดแมน เผยว่ามันช่างแตกต่างกับชีวิตจริงของเธออย่างสิ้นเชิง แม้แต่ในตอนนี้ที่มีชื่อเสียงมากมาย เธอก็ยังคงระมัดระวังที่จะไม่ใช้สิทธิเหนือคนอื่นอยู่เสมอ เพราะย้อนไปในอดีตทั้งพ่อและแม่ของเธอก็มาจากจุดที่ไม่เคยมีอะไรเลย

"ตอนเราย้ายมาอเมริกา เราไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว พ่อแม่ของฉันต้องเดินไปกองทัพเพื่อไปขอฝูกนอนที่ได้รับบริจาคมาอีกที ซึ่งเราเอาไว้ใช้นอนด้วยกัน ตอนนั้นแม่ฉันต้องช่วยพ่อทำวิทยานิพนธ์จบปริญญาเอกให้สำเร็จ เพราะเขามาจากครอบครัวที่ยากจนมาก จนกระทั่งพ่อกลายเป็นนักจิตวิทยา เขายินดีรักษาฟรีให้แก้คนที่ไม่มีเงิน เพราะเขาอยากช่วยเหลือจากใจจริง ซึ่งฉันเติบโตมากับพ่อที่อ่อนโยนที่สุด ใจดีที่สุด และเป็นผู้ให้ที่ดีที่สุด ส่วนแม่ฉันก็กลายเป็นพยาบาล เพราะฉะนั้นครอบครัวของฉันค่อนข้างมีสติในการใช้ชีวิตในสังคมมาก ๆ" คิดแมน ยังเล่าเสริมอีกว่า

"ฉันยังได้แต่งงานกับผู้ชายที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวของเขาเอง และยังมาจากพื้นฐานครอบครัวที่เขาเคยเล่าให้ฟังว่าอิฐทุกชิ้นในบ้านของเขามาจากดิน เขาโตในฟาร์ม จริง ๆ ก็ในเพิงเล็ก ๆ เขาไม่มีแม้กระทั่งห้องนอน ครอบครัวทั้ง 4 คนของเขาอาศัยอยู่ในนั้นซึ่งเกิดไฟไหม้หลังจากนั้น พวกเขาต้องไปขอความช่วยเหลือจากชุมชนกลางที่ยืนมือเข้ามาช่วยเพราะพวกเขาไม่มีอะไรเลย"

 

 

ส่วนช่วงชีวิตในวัยรุ่นของ คิดแมน เองก็ไม่ได้สวยหรูเพราะเธอรู้สึกไม่มั่นใจกับรูปร่างที่สูงเกิดวัยในตอนนั้นของตัวเอง จนเกิดเป็นความกลัวที่ติดอยู่ภายในใจ ซึ่งเธอก็ก้าวข้ามมันมาได้แล้วในตอนนี้

"ฉันเป็นวัยรุ่นที่ค่อนข้างแตกแยก และฉันก็เต็มไปด้วยความกลัวและก็หวาดระแวงเพราะฉันสูงมากเกินไป ฉันสูง 5 ฟุต 10 นิ้ว (ประมาณ 170 เซนติเมตร) ตอนฉันอายุ 13"

สุดท้าย คิดแมน ทิ้งท้ายไปด้วยอีกหนึ่งผลงานน่าติดตามกับทาง Netflix อย่าง The Prom ด้วยว่า

"มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ 'รักไม่มีเงื่อนไขสามารถชนะได้ทุกอย่าง' แล้วก็เป็นภาพยนตร์สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่กล้าจะพูดกับลูก ๆ ของเขาว่า 'ลูกเป็นที่รัก ลูกเป็นคนได้รับความรับ' ซึ่งเป็นที่สำคัญที่สุด รวมถึงเกี่ยวกับ 'คุณสามารถเชื่อมั่น คุณสามารถทำได้ คุณสามารถเป็นใครก็ได้ที่อยากเป็น' และเราจะโอบกอดคุณด้วยความรักเอง"

 

ที่มา: Glamourmagazine.co.uk

 

: นิโคล คิดแมน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • หนึ่งราชัน จะเป็นผู้นำทุกคน พบกับโปสเตอร์และตัวอย่างแรก Aquaman and the Lost Kingdom 21 ธันวาคมนี้
  • นิโคล คิดแมน - ซารายู บลู - ยูจียอง นำทีมถ่ายทอดเรื่องวุ่นของชาวต่างชาติในฮ่องกงผ่าน Expats ทาง Prime Video
  • นิโคล คิดแมน จับมือ Amazon Studios นำแสดงพร้อมอำนวยการสร้าง Holland, Michigan
  • นิโคล คิดแมน นำทัพ แซค เอฟรอน และโจอี้ คิง แสดงหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ชิ้นใหม่ของ Netflix
  • รูปไวรัลของ นิโคล คิดแมน ในงานออสการ์ ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุดราม่า วิลล์ สมิธ ฉะหน้า คริส ร็อค
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :