นิตยสาร ELLE คว้าตัวนักแสดงสาวดาวรุ่ง เซนดายา (Zendaya) ขึ้นปกพร้อมแชะเซตแฟชั่นสุดหรู ทั้งยังสัมภาษณ์เกี่ยวกับผลงานใหม่ Dune และความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนสนิทกับเพื่อนร่วมงาน ทิโมธี ชาลาเมต์ (Timothee Chalamet) ซึ่งจะเป็นผู้มาสัมภาษณ์ในครั้งนี้ผ่านโทรศัพท์ ซึ่งทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันตั้งแต่เริ่มถ่ายภาพยนตร์ไซ-ไฟฟอร์มยักษ์จากผู้กำกับ เดนิส วิลล์เนิฟ (Denis Villeneuve) ซึ่งดัดแปลงจากนวนิยายดังของ แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert) รวมถึงโมเมนต์ที่เธอได้รับรางวัล Emmy Awards 2020 สาขานักแสดงนำหญิงที่มีการแสดงโดดเด่นจาก Euphoria ล่าสุดนี้อีกด้วย

Q. ชาลาเมต์: ฉันแฮปปี้กับเธอมากนะ ฉันร้องลั่นเลยตอนที่ได้ดู! ตอนที่เธอถูกเสนอเข้าชิง ฉันจำได้ว่าเราคุยกันว่างานมันจะออกมาเป็นยังไงในสถานการณ์แบบนี้ แบบที่ไม่มีการจัดงานแบบได้ปรากฏตัวจริง ๆ แต่เธอทำมันได้เยี่ยมไปเลย!

เซนดายา: ขอบคุณจริง ๆ ฉันประหม่ามากเลยที่อาจได้มีโอกาสลุกขึ้นมาแล้วก็พูด ฉันเลยแบบ 'โอเค ขอเขียนประเด็นสำคัญลงไปนิดนึงนะ' จริง ๆ แล้วฉันจะแค่ออกไปพูดสิ่งที่อยู่ในใจฉันเลย แต่ทุกคนคือ "ไม่ เราคิดว่าคุณต้องเขียนอะไรบางอย่างก่อนนะ" แต่แล้วฉันก็กังว่ามันอาจจะมีโชคร้ายกับการเตรียมอะไรไว้ล่วงหน้า เพราะมันเหมือนกับว่า… ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน...

Q. ชาลาเมต์: มันเป็นช่วงเวลาที่น่ารักมากเลยนะ เต็มไปด้วยความรักเลย

เซนดายา: มันเป็นอย่างนั้นเลย ทุกคนอยู่ที่นั่นแล้วก็ร้องกรี๊ดกันเหมือนที่ครอบครัวฉันเป็นเลย! เราเป็นครอบครัวที่เสียงดังมาก จนฉันห่วงว่าพวกเขาจะกรี๊ดกันนานเกินไปรึเปล่า เวลาก็เดินไปเรื่อย ๆ ฉันเลยตัดบทว่า 'อ่า ขอบคุณนะคะ' แล้วทุกคนอย่างก็จบลง

Q. ชาลาเมต์: ในสปีชของเธอ เธอพูดว่ามันมีความหวังในกลุ่มคนวัยรุ่น แล้วก็เหมือนว่า ความหวัง คือส่วนสำคัญในคำพูดที่เธอพยายามจะสื่อออกมา อะไรในหลายปีมานี้ที่ให้ความหวังกับเธอ? แล้วก็ ความหวัง มีความหมายยังไงต่อตัวเธอบ้าง?

เซนดายา: ความตั้งใจของฉันตอนแรกคือฉันต้องพูดอย่างจริงใจ เพราะมันเหมือนอยู่ในช่วงเวลาที่ไร้ซึ่งความหวัง โดยเฉพาะในประเทศนี้ ฉันรู้ว่าเพื่อน ๆ ของฉันรู้สึกไม่พอใจและเหนื่อยล้ากับการที่ต้องทนอยู่และเติบโตในสังคมและระบบที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเรา ในช่วงเวลาแบบนี้ มันยากที่จะตามหาความสุขและความสวยงามรอบด้าน และฉันคิดจริง ๆ ว่ามันสำคัญมาก ตอนนี้ พวกเราชาวผิวสีต้องการดื่มดำกับความสุข และจะไม่ยอมปล่อยให้ใครพรากมันไปจากเราเด็ดขาด

 

 

Q. ชาลาเมต์: เธอดื่มด่ำกับความสุขในชีวิตของเธอยังไงบ้าง?

เซนดายา: ฉันมีได้สัมผัสกับความสุขในตอนที่ฉันได้สร้างงานอาร์ตชิ้นใหม่ และได้มีส่วนร่วมในโปรเจกต์ที่เชื่อมเข้ากับตัวฉันโดยตรงอย่าง Euphoria หรือ Malcolm & Marie หนังที่ฉันถ่ายทำช่วงกักตัวกับ แซม เลอวินสัน (Sam Levinson) มันเป็นอะไรที่มอบความสุขให้ฉันมากจากการที่ได้เห็นเสียงตอบรับของทุกคนกับงานของฉัน มันรู้สึกตื่นตันมากที่ได้เห็นคนอื่น ๆ เชื่อมเข้ากับสิ่งที่ แซม เขียนเอาไว้ ฉันได้ยินเรื่องราวที่สวยงามมากมายเกี่ยวกับการเสพยาและการบำบัด มันมอบความหวังให้กับฉันจริง ๆ 

Q. ชาลาเมต์: แล้วอะไรที่มอบความหวังให้กับเธอในช่วงนี้?

เซนดายา: ฉันค้นพบความหวังได้จากเพื่อน ๆ ของฉัน ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านบนถนนเพื่อไปทำงานของเขา คนที่ฉันรักและเข้าไปขอคำปรึกษา หรืออัปเดตข่าวสารว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะงั้นฉันเลยพยายามใช้สิ่งที่ฉันมีในทางที่ฉันสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างชาญฉลาดที่สุด มันมีความหวังอยู่มากมายในตัววัยรุ่น และที่ฉันพูดว่าวัยรุ่น ฉันไม่ได้หมายถึงตัวเอง หรือคนที่อายุเท่ากันเท่านั้น แต่ฉันหมายถึงคนที่เด็กกว่าด้วย เด็ก ๆ ในตอนนี้ทั้งฉลาด แล้วก็มีความเข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ พวกเขาวางแผนกันได้ว่าเขาต้องการให้โลกนี้เปลี่ยนแปลงยังไง ไม่เว้นแม้แต่หลานของฉัน! เขามีความระมัดระวังสูงมาก ฉันหมายถึงฉันอาจจะเอาเครดิตเข้าตัวเองก็ได้ เพราะฉันก็เป็นที่สอนพวกเขาเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วพวกเขามีความมุมมองเป็นของตัวเอง เวลาเราถกปัญหาเกี่ยวกับโลกนี้ พวกเขารู้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น และพวกเขาอยากมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น

Q. ชาลาเมต์: ใน Dune ตัวละครของเราต้องเจอกับเรื่องราวประหลาดในโลกไซ-ไฟที่แสนโหดร้ายในอนาคตอันห่างไกล การถ่ายทำเรื่องนี้สำหรับเธอเป็นยังไงบ้าง?

เซนดายา: โอ้ เพื่อน ฉันมีช่วงเวลาที่สนุกสุด ๆ ไปเลย มันเหมือนกับฉันเป็นนังตัวร้าย แค่ได้สวมชุดนั้นแล้วเดินไปเดินมารอบ ๆ เซตฉากหินที่สวยงามเหล่านั้น มันรู้สึกเท่ แล้วก็ตื่นเต้นมากเลยที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งอัศจรรย์แบบนั้น

Q. ชาลาเมต์: อะไรคือสิ่งที่คุณชอบมากที่สุดที่เราได้ทำกันตอนพักเบรกจากการถ่ายหนัง

เซนดายา: ฉันว่าน่าจะเป็นแดนซ์ ปาร์ตี้ที่ฉันจัดขึ้นในห้องของฉันนะ

 

 

Q. ชาลาเมต์: เธอมีกล้องโพลารอยด์ตอนนั้นใช่มั้ยนะ? มันเต็มไปด้วยรูปปาร์ตี้เลย โอเคเราต้องหักมุมไปเรื่องซีเรียสบ้างแล้วนะ ไหนพูดถึงการถ่ายทำ Malcolm & Marie ในช่วงกักตัวกับ แซม เลอวินสัน ให้ฟังหน่อย จากที่ฉันเข้าใจนะ ก่อนที่ทุกคนจะได้ถ่ายทำอะไรในช่วงกัก พวกเธอทำงานกันได้อย่างปลอดภัยมาก ๆ แล้วคุณก็ดูมีมิตรภาพที่ดีกับเขาด้วย

เซนดายา: แซม เป็นเหมือนครอบครัวของฉัน ฉันคุยกับเขาเกือบทั้งวันทั้งคืนแทบทุกวัน บางครั้งเราก็คุยเกี่ยวกับ Euphoria และบางครั้งเราก็คุยเกี่ยวกับชีวิต หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเรื่องอื่น ๆ ด้วย เราได้ไอเดียการถ่ายทำในช่วงกักตัวว่าเราสามารถถ่ายทำต่อไปได้ด้วยจำนวนคนที่น้อยลง เราใช้ทีมงานเดิมจาก Euphoria และไอเดียที่จะถ่ายทำหนังโดยใช้ตัวละครเพียงแค่ 2 คน (เซนดายา และ จอห์น เดวิด วอชิงตัน รับบทนำคู่หญิง-ชาย) มันเหมือนกับเล่นละครเวที มันท้าทายพวกเราทุกคน เพราะมันถ่ายทำในพื้นที่เล็ก ๆ ที่เดียว การได้กักตัวอยู่ด้วยกันมันเป็นเรื่องดี ๆ ในบางแง่ เพราะมันทำให้เราได้จดจ่ออยู่กับการทำงานและปัจจัยอื่น ๆ ตอนที่เราอยู่ที่นั่น

Q. ชาลาเมต์: ใช่ ฉันรู้ตอนที่ได้คุยกับเธอตอนนั้น ฉันสัมผัสได้เลยว่าเธอมีแรงบันดาลใจมากขนาดไหนในพื้นที่ที่ถูกควบคุมแบบนั้น ฉันเห็นภาพเลยนะ ในมุมของการแสดง มันเป็นอะไรที่เติมเต็มเรามาก ๆ มันมีหนังใหญ่เต็มไปหมดในโลกภายนอกนั่น แต่การได้โอกาสแสดงหนังแบบนี้มันยากมากเลยนะ

เซนดายา: มันคือความฝันของนักแสดงเลย แต่มันก็เป็นอะไรที่ทำให้ประหม่าเหมือนกันนะ ตอนที่คุณมีไอเดีย ตอนที่คุณลงเงินของตัวเองไปกับมัน ฉันหมายถึง ฉันใช้เสื้อผ้าของจริง ๆ ในการถ่ายทำ ฉันทำผมเอง ฉันแต่งหน้าเอง มันยากนะที่จะไม่รู้สึกถึงความไม่มั่นใจ เหมือนกับว่า 'โอ้ พระเจ้า ที่ฉันกำลังทำมันอยู่จริง ๆ เหรอเนี่ย?' นั่นเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันพุ่งเข้าหาอะไรบางอย่าง และฉันรู้สึกทั้งยินดี แล้วก็ภูมิใจกับมันมาก ๆ การได้ทำงานกับ แซม และ มาร์เซลล์ (ตากล้องจาก Euphoria) มันวิเศษมาก และ จอห์น เดวิด วอชิงตัน ก็คือยอดอัจฉริยะ และเป็นคนที่มหัศจรรย์สุด ๆ ฉันรอวันที่พวกเธอจะได้เจอกันไม่ไหวแล้ว หรือเธอเคยเจอแล้วฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

 

 

Q. ชาลาเมต์: ฉันบังเอิญเจอเขาหลายรอบแล้ว ให้ตายเถอะ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ฉันได้รับแรงบันดาลใจมาเต็ม ๆ เลยจากผลงานของเขาใน BlacKkKlansman และ Tenet แล้วก็ใน Malcolm & Marie ที่เธออวดให้ฉันดูนิดนึง เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงที่เจ๋งที่สุดในยุคของเราเลยจริง ๆ ฉันตื่นมากเลยที่พวกเธอสามารถทำมันได้ แล้วก็มิตรภาพของเธอกับ แซม เนี่ยเพื่อน มันเป็นอะไรที่วิเศษมากเลย

เซนดายา: ใช่ เขาเท่มากเลย เหมือนที่ฉันพูดไว้แหละ ฉันโชคดีที่ได้ทำงานกับคนที่เจ๋ง ๆ อย่างเธอเองก็ด้วย ฉันซึ้งใจมากที่เธอกลายเป็นคนวิเศษที่กลายมาเป็นเพื่อนฉันอีกคน

Q. ชาลาเมต์: การถ่ายทำ Euphoria ซีซั่น 2 ยังไม่เริ่มจนกว่าจะต้นปี 2021 แต่ฉันรู้ว่าพวกเธอถ่ายทำบางส่วนไปแล้วในกองถ่ายที่ปลอดภัยมาก ๆ แต่ซีซั่น 2 นั่นมันจะมีจริง ๆ ใช่มั้ย? แล้วเธอพูดอะไรถึงซีซั่นภาคต่อนี้ได้รึเปล่า หรือบอกได้มั้ยว่า รู ไปไหน แบบไม่หลุดอะไรออกมาก?

เซนดายา: ฉันพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ฉันตื่นเต้นมากที่ทุกคนจะได้เห็นงานนี้ เราสร้างสิ่งพิเศษให้ผู้คนในช่วงคริสมาสต์กับ Euphoria จนกว่าเราจะกลับไปถ่ายทำต่อได้ ซึ่งยังไม่ใช่ในช่วงนี้ แต่เป็นหลังจากที่ฉันกลับมาจากถ่ายทำภาคต่อหนัง Spider-Man ซึ่งกำลังจะเปิดกล้องเร็ว ๆ นี้

Q. ชาลาเมต์: ฟังดูเหมือนเธอกำลังยุ่งมากเลยนะตอนนี้ แต่มีอะไรที่เธอกำลังตั้งตารอมั้ยถ้าสถานการณ์ทุกอย่างกลับไปเป็นปกติแล้ว? อะไรที่เธอไม่สามารถทำมันได้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้? อะไรที่อยู่อันดับแรกในรายชื่อของสิ่งที่ต้องทำ ถ้าทุกอย่างปลอดภัยแล้ว

เซนดายา: ฉันไม่รู้เลย ฉันคิดว่าหลาย ๆ อย่างจะยังคงไม่เหมือนเดิมไปอีกนาน เราต้องปรับตัวกับชีวิตแบบ new normal เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยและแข็งแรงไปก่อน ซึ่งฉันเห็นด้วยกับวิธีแบบนี้ ฉันหมายถึง ฉันรักการเดินทางมาก ๆ แต่ฉันยังไม่รู้ว่าฉันจะปลอดภัย 100% ถ้าจะเดินทางไปเที่ยวทุกที่ในตอนนี้ กลับกันฉันก็แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้กลับไปเที่ยวอีกครั้งนึง ฉันรักในการได้ไปแวะเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ มันเป็นความสายงามอย่างหนึ่งในอาชีพของเรานะ ทุกครั้งที่ฉันบินไปโปรโมตงานหรือทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเหจุผลที่ฉันได้เที่ยวนั่นแหละ ฉันจะหยายามหาพิพิธภัณฑ์ แล้วก็ทัวร์แบบได้รับความรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ หลังจากนั้นก็กลับบ้านแล้วเริ่มคุยกับคนอื่นไปเรื่อยว่า 'เธอรู้มาก่อนมั้ยว่านี่น่ะสร้างขึ้นเมื่อ...' ฉันชอบคุยเรื่องทั่วไปแบบนี้ เพราะงั้น ใช่เลย ฉันคิดถึงการได้เดินทางท่องเที่ยวจริง ๆ โชคดีที่ฉันยังสามารถทำงานต่อไปได้ ฉันซึ้งใจจริง ๆ ฉันคิดถึึงการได้ไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ แต่เธอรู้อะไรมั้ย? เรื่องแบบนี้มันเป็นอะไรที่รอได้อยู่แล้ว

 

 

ที่มา: Elle.com