ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > ข่าวดาราไทย

เพ็ญจันทร์ วงศ์สมเพ็ชร ผู้กำกับฯ หญิงมากความสามารถกับผลงานเรื่องล่าสุด เล่า ฤา สื่อ IV

16 ก.พ. 2563 13:43 น. | เปิดอ่าน 1524 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

"ภัยพิบัติ เกิดจากธรรมชาติจริงหรือ? คำถามที่เถียงกันไม่จบ บ้างว่าเกิดจากธรรมชาติ บ้างว่าเกิดจากน้ำมือมนุษย์ แต่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด เราต้อง...หยุดยั้งมัน!!!" คำโปรยในภาพยนตร์เรื่อง The Message - เล่า ฤา สื่อ IV ผลงานเรื่องล่าสุดของ เพ็ญจันทร์ วงศ์สมเพ็ชร หรือ ครูมิ้งค์ ผู้กำกับภาพยนตร์หญิงที่สร้างชื่อจากภาพยนตร์แนวศาสนา ทั้งเรื่อง ดารัมซาล่า ทั้งสองภาค และ ๗๗๗ นะชาลีติ รวมทั้งละครเทิดพระเกียรติ "ฝายน้ำใจ" ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เมื่อหลายปีก่อนที่สร้างชื่อให้เธอพอสมควร

ครูมิ้งค์ รับหน้าที่เป็นครูสอนแอ็คติ้งให้กับนักแสดงในละครหลาย ๆ เรื่อง ล่าสุดกับบทบาทแอ็คติ้งโค้ชในละคร "หนี้เกียรติยศ" ของผู้จัดฯ ยุ้ย จีรนันท์ และ ธันน์ ธนากร ทางช่อง 7HD นั่นแสดงให้เห็นว่าผลงานและความสามารถของเธอไม่ธรรมดาเลยทีเดียว The Message - เล่า ฤา สื่อ IV ผลิตในนาม มูลนิธิจิตเป็นผู้ให้ใจเป็นนิพพาน โดยมี พอ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา เป็นผู้อำนวยการสร้าง และเป็นผู้กำเนิดภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยคอนเซ็ปท์หลักคือ "อยากให้คนทำความดีกันเยอะ ๆ"

พอ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา หรือที่ครูมิ้งค์เรียกว่า "อาจารย์หมอ" เรียกตัว ครูมิ้งค์ มาเล่าเรื่องราวที่อยากถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ โดยครูมิ้งค์รับหน้าที่ "คนเขียนบท" และ "กำกับการแสดง" แน่นอนว่าการถ่ายทอดภาพยนตร์แนวนี้ไม่ง่ายนัก ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ นานา รวมทั้งความเชื่อที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างเรื่อง "มนุษย์ต่างดาว" ที่ถูกสอดแทรกไว้ในหนังเรื่องนี้ด้วย

 

 

เรามีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับ ครูมิ้งค์ เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ที่เราเชื่อว่าคุณจะไม่พลาดที่จะสนับสนุนหนังไทย ด้วยการซื้อตั๋วเข้าไปดูหนัง The Message เล่า ฤา สื่อ IV หลังอ่านบทสัมภาษณ์นี้จบ...!!!

แรงบันดาลใจ การทำภาพยนตร์เรื่องนี้?
"มาจากธีมของภาพยนตร์ ที่อาจารย์หมอพงษ์ศักดิ์ เล่าให้ฟังเลยค่ะ ท่านเล่าถึงผู้มีความสามารถพิเศษ 4 คน คือ หนึ่ง...นายทหาร จากประเทศอินเดีย สามารถ ได้ยินเสียงของผู้นำ และคนสำคัญของโลกในอดีต คนที่สองคือ จิตแพทย์สาวจากประเทศทางยุโรป ที่สามารถเห็นเจ้ากรรมนายเวรของผู้อื่น รู้ว่าใครเคยทำอะไรมาจากอดีตชาติ ถึงต้องมารับกรรมแบบนี้ในปัจจุบัน คนที่สาม นักศึกษาสาว ที่สามารถคุยกับ ธรรมชาติ ต้นไม้ และสัตว์นานาชนิด และคนที่สี่คือ สามเณร ผู้สามารถได้ยินเสียงจากฟากฟ้า ที่พร้อมจะเผยแพร่คำสอนของครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว และผู้ถูกเลือกทั้งสี่มาร่วมมือกับมนุษย์ต่างดาว เพื่อปกป้องโลกของเรา แค่ฟังธีมของภาพยนตร์ที่อาจารย์หมอ ท่านให้โจทย์มา ก็เป็นสุดยอดแรงบันดาลใจของมิ้งค์ ที่อยากจะทำภาพยนตร์เรื่องนี้ จากตัวหนังสือ และความรู้ที่อาจารย์หมอ ท่านสะสมมาหลายสิบถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ค่ะ"

คอนเซ็ปท์ของภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องของอะไรบ้าง?
"จริง ๆ แล้ว คอนเซ็ปท์เดิมของภาพยนตร์ คือการเผยแพร่คำสอนให้มนุษย์รู้จักคิด รู้จักหยุดการกระทำ ที่ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนรอบ ๆ ข้าง และทำร้ายโลก เพื่อให้สังคมน่าอยู่ขึ้น แต่อย่างที่รู้ ๆ กัน หากเราทำหนังออกมาแนวสอนคนตรง ๆ ก็คงไม่มีใครอยากดู มิ้งค์ไปคิดอยู่เกือบเดือนว่าเราจะเล่าหนังให้เป็นแบบไหน แล้วก็จับประเด็นได้ ตอนที่ฟังอาจารย์หมอท่านบรรยายว่าเราต้องสอดแทรกตลกเข้าไป เพื่อให้คำสอนดูไม่หนักเกินไป เข้าถึงคนได้ง่าย และยังคงมีโครงของภาพยนตร์ มิ้งค์เลยคิดเล่าเรื่องผ่าน มนุษย์ต่างดาว 2 ท่าน คือ วิน มนุษย์ต่างดาวที่เชื่อใจมนุษย์ว่า ยังมีคนดีอีกมากมายที่พร้อมจะเสียสละเพื่อคนอื่น ยอมให้คนอื่นเอารัดเอาเปรียบ เพราะรู้ว่ามันเป็นกรรมเก่า และเร่งฝึกตนให้หลุดพ้นตามหลักคำสอน และคนกลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะเผยแพร่สิ่งดี ๆ ให้คนอื่นหันมาทำความดี แต่...คาน มนุษย์ต่างดาวอีกท่าน กลับไม่เชื่อใจมนุษย์ เพราะการเฝ้าดูมาหลายหมื่นปี เขารู้ว่าแม้จะมีคนดีอยู่บ้างก็เพียงเล็กน้อย สุดท้ายมนุษย์ก็เลือกที่จะทำความเลว ความชั่ว ความเห็นแก่ตัวมากกว่า เพราะทำง่าย ได้ประโยชน์ส่วนตน โดยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อน การที่เลือกเล่าเรื่องผ่านมนุษย์ต่างดาว สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่แน่ใจ ว่ามีอยู่จริงหรือไม่บนโลกใบนี้ เพื่อให้หนังมีคอนเซ็ปท์เป็นภาพยนตร์ Sci-fi จะได้รองรับผู้มีความสามารถพิเศษทั้ง 4 คนให้คนดูเข้าถึง และเชื่อได้ง่าย คือมิ้งค์คิดว่า การที่เราจะทำให้หนังให้น่าสนใจ ก็คือต้องทำอย่างไรก็ได้ ในคนดูเชื่อว่ามันเป็นไปได้จริง และไม่ไกลตัวเราเกินไปนัก"

 

 

ความยากของการทำภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ตรงไหน?
"ยากตรงที่เราจะเล่าเรื่องธรรมะ และถอดคำสอนต่าง ๆ ในหนังสือของอาจารย์หมอ ให้ดูไม่น่าเบื่อได้อย่างไร โดยที่ยังคงคำสอนเหล่านั้นเอาไว้ ซึ่งมิ้งค์ต้องแก้ไขบทภาพยนตร์กับทีมของอาจารย์หมอหมดถึง 11 ร่าง จนได้รับความเห็นชอบทุกตัวอักษร แล้วค่อยมาเล่าเป็นภาพยนตร์"

หนังเรื่องนี้มีเรื่องของมนุษย์ต่างดาวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตัวหนังจะสื่อถึงอะไร?
"มิ้งค์คิดว่า เราไม่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ บนดวงดาวนับแสนนับพันดาว อาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่มีมันสมองแบบเราก็ได้ มิ้งค์จึงยกเรื่องมนุษย์ต่างดาวเข้ามาเตือนภัยชาวโลก เพราะหากโลกมีปัญหา ก็จะทำให้ระบบสุริยะจักรวาลเสียหายไปด้วย พวกเขาจึงจำเป็นต้องมาปกป้องโลกของเรา สิ่งที่อยากจะสื่อก็คือ หากมีมนุษย์จากโลกอื่นดิ้นร้นที่จะมาปกป้องโลกของเรา แล้วมนุษย์อย่างเรา ๆ นี่ ไม่คิดจะปกป้องโลกของตัวเองสักนิดเลยเหรอ....."

มีวิธีการคัดเลือกนักแสดงในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?
"เริ่มจากดูคาแร็คเตอร์ตัวละคร แล้วมาคิดกันว่านักแสดงท่านใดเหมาะสมกับบทไหน มิ้งค์ กับ นงนุช ภิรมย์รื่น (Casting) ช่วยกันหานักแสดงที่มีคาแร็คเตอร์ ตรงกับบทมากที่สุด แล้วส่งให้ อาจารย์หมอ พร้อมทีมมูลนิธิฯ ดู จนได้นักแสดงอย่างที่เห็น ซึ่งมิ้งค์ มองว่าแต่ละคนใช่เลย โดยเฉพาะ แจ็ค (แบล็คแจ็ค) หน้าเหมือนมนุษย์ต่างดาวมาก ๆ"

มีปัญหาและอุปสรรคในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้บ้างมั้ย?
"ปัญหาหลัก ๆ น่าจะมาจากคอนเซ็ปท์ และแนวคิดเริ่มต้นที่มิ้งค์ตั้งใจอยากจะใส่คำสอนในหนังสือของอาจารย์หมอเข้าไป ในภาพยนตร์มากเกินไป ทำให้งานออกมาเป็นแนวปรัชญา ซึ่งไม่เหมาะกับภาพยนตร์ในบ้านเรา เลยต้องเอาใจวัยรุ่น ด้วยการเสริมทัพ ตัวแทนของวัยรุ่น เข้ามาให้ภาพยนตร์ ให้เข้าถึงวัยรุ่น และจับต้องได้ง่ายขึ้น"

 

 

คิดว่าหนังเรื่องนี้จะเข้าถึงคนดูได้อย่างไร?
"มิ้งค์กับทีมก็พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะให้ภาพยนตร์เข้าถึงคนดูมากที่สุด เท่าที่ทำได้ มิ้งค์คิดว่า อย่างน้อยคนดูจะได้รู้ว่าเราไม่ควรละเลยการดูแลโลกใบนี้ ถึงแม้เมืองไทยจะโชคดี ที่อยู่บนดินแดนที่มีผลกระทบจากภัยทางธรรมชาติน้อยมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี และภัยธรรมชาติส่วนใหญ่ ก็เกิดขึ้นจากน้ำมือของเราเองทั้งสิ้น มิ้งค์จึงเล่าผ่านตัวละครในภาพยนตร์ทุกตัวละคร แม้แต่นักแสดงสมทบก็มีส่วนให้คนดูได้คิด"

หนังกำลังจะบอกอะไรคนดู และคนดูได้อะไรจากเรื่องนี้?
"เราบอกเรื่องง่าย ๆ ที่ทำกันยาก และเป็นเรื่องที่ทุก ๆ ศาสนาสอนเรา นั่นคือสอนให้เราเป็นคนดี มีความรักความเมตตาให้กับผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว ให้เราเห็นแก่ส่วนรวม นี่แหละเรื่องง่าย ๆ ที่เราทำกันได้ยากมาก ๆ แต่ถ้าเราลดมานะทิฐิ ลดความเห็นแก่ตัวลงสักนิด เราจะรู้ว่าเราควรทำความดีเพื่อ ตัวเราเอง และเพื่อพระเจ้าในใจของเราทุก ๆ คนค่ะ"

คาดหวังกับหนังเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน?
"สำหรับมิ้งค์ มิ้งค์ไม่ได้คาดหวังเรื่องรายได้ แต่มิ้งค์คาดหวังอยากให้คนเข้ามาชมภาพยนตร์กันให้มากที่สุด เท่าที่ทำได้ เมื่อชมแล้วก็ให้บอกต่อ หรือจดจำคำสอนเรื่องราวดี ๆ ในภาพยนตร์ไปบอกต่อ ๆ กัน เพื่อให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น ไม่ว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ค่ะ"

 

 

ไปร่วมให้กำลังใจ "คนทำหนัง" และ "สนับสนุนหนังไทย" ในภาพยนตร์เรื่อง
The Message - เล่า ลือ ฤา IV พร้อมกันวันที่ 20-02-2020 ทุกโรงภาพยนตร์

 

: เพ็ญจันทร์ วงศ์สมเพ็ชร, เล่าฤาสื่อIV, The Message

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • บูม ชญาภา สุดปลื้ม!!! ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในหนัง The Message เล่า ฤา สื่อ IV
  • ภณ ธนภณ เชื่อทำดีได้ดี The Message เล่า ฤา สื่อ IV ให้แง่คิดคนดู!!
  • ฟิฟิล์ม สิริอมร คาดหวังหนัง The Message เล่า ฤา สื่อ IV กระตุ้นคนทำความดี อนุรักษ์ธรรมชาติให้โลก
  • ซาร่า คาซิงกินี รับบท คนเห็นผี ทำการบ้านหนัก!!! ปรับลุคเป็น จิตแพทย์
  • ต้อม นิรันดร์ ยันบท "อาชา" เหมือนตัวจริง ยอมทิ้งคาแรคเตอร์ "พระเอกลิเก" เพื่อหนัง เล่า ฤา สื่อ IV
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :