โปรเจคต์มหึมาแอคชั่นจากเรื่องราวจริงของยุทธการแห่งประวัติศาสตร์ที่ผู้ชมกำลังจะได้ชมกันใน Midway - อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น นั้นถือเป็นผลงานการกำกับชิ้นล่าสุดของ โรแลนด์ เอ็มเมอริช ผู้กำกับฟอร์มยักษ์ที่นิยามว่า "ถ้าโปรเจคต์ไม่ใหญ่ ไม่ทำ" คงจะเหมาะสมกับตัวเขามากที่สุด ด้วยเครดิตผลงานระดับบล็อคบัสเตอร์ที่คอหนังต่างคุ้นเคยอย่าง Independence Day, The Day After Tomorrow และ 2012 ที่สร้างทั้งขนบความมันส์และความน่าตื่นตาตื่นใจของภาพรวมงานสร้างมาผสมผสานกันอย่างลงตัวชัดเจน
ด้วยความที่ Midway นั้นเป็นโปรเจคต์ในฝันของเอ็มเมอริชมาโดยตลอดและรอคอยให้เกิดเป็นภาพยนตร์ภายใต้การกำกับของเขานานถึง 20 ปี "มันเป็นศึกที่น่าสนใจมาก มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน สถานการณ์พลิกไปมารวดเร็ว ความกล้าหาญก็สุดยอดไม่แพ้กัน พวกเขาทำทุกอย่างเพื่ออิสระภาพ" เอ็มเมอริชเผยถึงความสนใจต่อสมรภูมิมิดเวย์
สำหรับความตั้งใจอย่าแรงกล้าของเขาที่มีต่อโปรเจคต์นี้คือการถ่ายทอดความสมจริงของเหตุการณ์ออกมาให้ได้มากที่สุด เช่น การเลือกถ่ายทำในทะเลจริงที่ฮาวาย หรือศึกษาเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะเครื่องบินรบทั้งหลาย "มันยากมากทีเดียว เราต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นฉาก หรือใช้คอมพิวเตอร์ปั้นขึ้นมา เราหาข้อมูลกันเยอะมาก ต้องจำลองการปะทะกันในครั้งนั้นที่ไม่เคยมีใครเคยเห็น สิ่งเดียวที่เรามีคือฟุตเทจจากป้อมปืนเครื่องบินรบ แค่นี้ก็จินตนาการได้ว่าที่เหลือมันโหดขนาดไหน" เอ็มเมอริชเล่าถึงความท้าทายของโปรดัคชั่น อีกทั้งเขายังแย้มไว้ด้วยว่า ฉากดาดฟ้าบนเรือบรรทุกเครื่องบิน คือหนึ่งในฉากที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ตัวเขาเคยถ่ายทำภาพยนตร์มาทั้งชีวิต ด้านการเล่าเรื่อง เอมเมอริชเลือกใช้วิธีการเล่าเรื่องผ่าน 3 มุมมอง ได้แก่ มุมมองของหน่วยข่าวกรองและผู้บัญชาการกองทัพเรือ, มุมมองของนักบินบนเรือเอนเตอร์ไพรส์ และ มุมมองของฝั่งญี่ปุ่น "มันจำเป็นที่เราต้องเข้าใจเจตนาของทั้งฝ่ายอเมริกาและญี่ปุ่น ถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณจะไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น" เอ็มเมอริชกล่าวเสริม
ด้วยความทุ่มเทแบบครบด้านของ โรแลนด์ เอ็มเมอริช ต่อผลงานเรื่องนี้ เขาพร้อมแล้วที่จะปักหมุด Midway - อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น ให้เป็นที่สุดแห่งประสบการณ์มันส์ระเบิดทะลุจอแก่แฟนหนังทุกคน สมจริงราวกับคุณเป็นหนึ่งในทหารผู้กล้า มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจุดพลิกแห่งสงครามครั้งประวัติศาสตร์ 7 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์