ด้วยความสยอง น่าขนลุก และหลอนประสาททำให้ “เพนนีไวซ์” โด่งดังโด่งดังไปทั่วโลกในแฟรนไชส์ IT (2017) และกำลังจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ในภาคต่อ IT: Chapter Two แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนหน้าปีศาจตัวตลกตัวนี้ มีฆาตกรตัวตลกที่โด่งดังไม่แพ้กันมาก่อน นั่นก็คือ จอห์น เวย์น เกซี่ เจ้าของฉายาตัวตลกโพโก้ ฆาตกรต่อเนื่องผู้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 33 ศพ ในช่วงปี 1970 ว่ากันว่าเขานั้นคือแรงบัลดาลใจที่ทำให้ สตีเฟ่น คิง สร้างสรรค์ตัวละครเพนนีไวซ์ออกมาหลอกหลอนพวกเราในทุกวันนี้
(จอห์น เวย์น เกซี่และภรรยาคนแรก)
- จอห์น เวย์น เกซี่ จูเนียร์ เกิดวันที่ 17 มีนาคม 1942 ณ เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เขาเป็นลูกคนกลางที่เติบโตมาในครอบครัวมีปัญหา พ่อติดเหล้าเมายา ชอบทำร้ายร่างกาย และดุด่าเรื่องหุ่นที่อวบอ้วนของจอห์นอย่างรุนแรงทุกวัน
- ถึงอย่างนั้นจอห์นก็ยังรักและเคารพพ่อแท้ ๆ เสมอ เพราะลึก ๆ ในใจเขายังหวังว่าสักวันจะได้รับความรัก ความอบอุ่น และแรงสนับสนุนเหมือนเด็กคนอื่นบ้าง แต่นั่นก็เป็นฝันลม ๆ แล้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นจริงสักครั้ง
- จอห์นเรียนไม่จบ แต่ชีวิตสำเร็จเกินคาด เขาสามารถไต่เต้าจากภารโรงไปสู่เซลส์มือทอง จนได้ย้ายไปไอโอวา แต่งงานกับภรรยาฐานะดี มีลูกสอง ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ เริ่มทำงานการกุศลมากมาย แต่ระหว่างนั้นมีข่าวลือหนาหูว่า จอห์นมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน
- เหยื่อรายแรกคือ มาร์ค มิลเลอร์ พนักงานหนุ่ม ที่ยื่นเรื่องฟ้องศาลว่าถูกจอห์นข่มขืน แถมถูกทำร้ายโดยคนที่จอห์นว่าจ้าง ตำรวจจับผู้ร้ายที่ให้การซัดทอดมาถึงจอห์นได้ จอห์นจึงถูกตั้งแต่ปี 1968 เป็นเวลา 10 ปี
- คดีของจอห์นช็อกสังคมครั้งใหญ่ เพราะในสายตาของทุกคนเขาคือนักธุรกิจที่เก่ง พ่อที่อบอุ่น และชายผู้เป็นแบบอย่าง จอห์นหย่าร้างกับภรรยาก่อนเข้าคุกไอโอวา
- จอห์นใช้ชีวิตในคุกเพียง 18 เดือนเท่านั้น ก่อนได้รับการปล่อยตัวออกมาเพราะประพฤติตัวดี
- จอห์นย้ายกลับไปเริ่มต้นหางาน-ทำธุรกิจใหม่ที่ชิคาโกบ้านเกิด แต่เขามีปัญหาด้านอารมณ์และมีอาการซึมเศร้า เพราะพ่อเสียชีวิตตอนอยู่ในคุก ทำให้รู้สึกผิดที่ไม่มีโอกาสได้คืนดี และบอกลาพ่อที่เขายังคงเคารพรักเลยสักครั้ง
- ปี 1971 จอห์นถูกฟ้องคดีข่มขืนอีกครั้ง แต่คดีถูกปัดตกไป เพราะเหยื่อไม่มาให้ปากคำตามนัด
- จอห์นถูกฟ้องคดีเดิมอีกหลายครั้งภายในเวลาไม่กี่ปี เหยื่อบอกว่าเขาปลอมตัวเป็นนายอำเภอเรียกให้จอดรถ ก่อนบุกทำร้ายพยายามข่มขืน แต่สุดท้ายจอห์นก็รอดตัวทุกครั้งด้วยมุขเดิมคือ ผู้เสียหายไม่ปรากฏตัวในวันให้ปากคำ
(จอห์น เวย์น เกซี่ในชุดตัวตลกโพโก้ เป็นชื่อที่แปลงมาจากตัวตลกบิดลูกโป่งโบโซ่)
- ปี 1972 จอห์นแต่งงานกับภรรยาใหม่ กลับมาทำงานกุศล ลงเลือกตั้งการเมือง เป็นโฮสต์จัดปาร์ตี้ใหญ่มีแขกรวม 300 คน จอห์นชอบแต่งเป็นตัวตลก คอยแจกลูกอม แจกลูกโป่ง และให้ทุกคนเรียกเขาว่า “ตัวตลกโพโก้ (Pogo the Clown)”
- ในตอนนั้นทุกคนที่มาที่บ้านของจอห์นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีกลิ่นเน่าเหม็นแปลก ๆ ออกมาจากตัวบ้าน และรอบบ้านของจอห์น แต่บอกว่านั้นเป็นกลิ่นท่อน้ำทิ้ง แต่หน้าที่การงานและความน่าเชื่อถือของจอห์นในตอนนั้นไม่ทำให้มีคนระแคะระคายอะไร
(จอห์น เวย์น เกซี่ และโรสาริน คาร์เตอร์ สตรีหมายเลขหนึ่งภริยาอดีตปธน. จอห์น คาร์เตอร์)
- จอห์นหย่ากับภรรยาใหม่ เพราะสนองเรื่องบนเตียงให้เธอไม่ได้และมีเวลาให้เธอไม่มากพอ เธอบอกว่าจอห์นชอบออกไปข้างนอกตอนกลางคืน ถ้าอยู่บ้านก็ชอบหมกตัวอยู่ในโรงรถ หรือนอกตัวบ้าน แถมยังเก็บบัตรประชาชนของเด็กผู้ชายหลายคนไว้ที่บ้าน รวมถึงสะสมหนังโป๊ชาย-ชายอีกด้วย
- จอห์นยังคงใช้ธุรกิจบังหน้าเพื่อหลอกเด็ก ๆ เหมือนเคย เขารับสมัครแต่เด็กผู้ชายและเดินทางไปสัมภาษณ์ถึงที่บ้านของพวกเขา
- ตัวเลขผู้สมัครงานของจอห์นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับตัวเลขเด็กหนุ่มผู้สูญหาย ที่ตำรวจไม่สามารถหาสาเหตุได้เลยตลอดเวลาหลายปี
- ในที่สุดปลายปี 1978 จอห์นก็ถูกเรียกตัวไปให้ปากคำครั้งแรก เพราะเด็กหนุ่มชื่อโรเบิร์ต พรีส หายตัวไป
- แม่ของโรเบิร์ตที่เป็นคนแจ้งความบอกว่า มีคนเห็นลูกชายของเธอครั้งสุดท้ายที่ทำงานพิเศษ ก่อนหายตัวไปหลังจากโทรมาบอกว่า เขามีนัดสัมภาษณ์งานใหม่กับผู้ชายคนหนึ่ง แต่จอห์นปฏิเสธหัวชนฝาว่าไม่เคยรู้จักโรเบิร์ตมาก่อน
- ระหว่างนั้นตำรวจค้นประวัติเจอคดีเก่าของจอห์น ที่ติดคุกเพราะคดีข่มขืนเด็กหนุ่มในอดีต ตำรวจเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงขอหมายค้นบ้านของจอห์นทันที
- ตำรวจพบกัญชากล่องใหญ่ กุญแจมือ ใบขับขี่ของคนอื่น เครื่องเพชร แหวน รูปถ่ายขวดยาต่าง ๆ พรมเช็ดเท้าที่มีคราบประหลาด แผ่นไม้ที่ไว้ใช้ล็อกแขนนักโทษสมัยก่อน ไวเบรเตอร์ เข็มฉีดยา เสื้อผ้าไซซ์เล็กกว่าตัวจอห์น เชือกไนลอน ฟิล์มรูปถ่ายจากร้านขายยาที่โรเบิร์ต พรีสทำงานอยู่ หนังสือเกี่ยวกับเซ็กซ์กับผู้ชายด้วยกัน และหนังสือโป๊วัยรุ่น
- นอกจากนี้ตำรวจยังพบแหวนสลักอักษร J.A.S คล้ายตัวย่อของ จอห์น ซิงก์ ชื่อเด็กหนุ่มที่สูญหายไปเมื่อปีก่อน ทั้งยังเจอกระจุกผมบนรถของจอห์นอีกด้วย
- จอห์นพร้อมคนรู้จักของเขาถูกเรียกตัวมาสอบปากคำ แต่เหมือนว่าทุกคนมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับจอห์น และไม่ให้การอะไรที่ตำรวจสามารถใช้จับกุมจอห์นได้เลย แต่อย่างน้อยตำรวจก็สามารถดำเนินคดีเรื่องมีกัญชาในครอบครองได้
- สุดท้ายผลตรวจหลักฐานออกมาตรงกับผู้สูญหายเกือบทั้งหมด ตำรวจจึงขอหมายค้นบ้านรอบที่สอง และนั่นคือครั้งแรกที่เหตุสยองถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน
- เมื่อเห็นว่าตำรวจรู้ความลับของเขา จอห์นสารภาพว่าเขาฆ่าจริงเพียงศพเดียว และพาตำรวจไปยังที่ฝังศพตรงโรงรถ แต่ตำรวจเชื่อว่ากลิ่นเน่าคละคลุ้งขนาดนี้ ไม่มีเพียงศพเดียวแน่นอน สุดท้ายจอห์นจึงยอมจำนนแต่โดยดีเพราะตำรวจไม่ยอมถอนกำลัง
- ตัวเลขจริงของเหยือสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ ภายในเวลา 6 ปี (1972-1978) จอห์นคร่าชีวิตผู้คนไปทั้งหมด 33 ศพ!! ส่วนใหญ่เป็นเด็กหนุ่มที่เขาหลอกล่อมาทำงานด้วย แต่ก็มีหนึ่งศพที่เป็นของชายวัยกลางคนที่แต่งงานมีภรรยาไปแล้ว!
(ภาพบริเวณห้องใต้ดินใต้ถุนบ้านที่จอห์น ดเวย์น เกซี่ใช้สำหรับฝังศพเหยื่อ)
- จอห์นสารภาพว่าเขาสร้างที่ไว้ใต้ถุนบ้านขึ้นมาเพื่อใช้เก็บศพโดยเฉพาะ ในนั้นตำรวจค้นเจอทั้งหมด 28 ศพ ที่เหลือ 5 ศพพบภายหลังที่แม่น้ำบริเวณใกล้เคียง
- ตำรวจคาดว่า จอห์นต้องแบ่งศพไปทิ้งที่แม่น้ำ เพราะในห้องเล็ก ๆ ใต้ดินของเขาไม่มีพื้นที่เหลือพอจะฝังศพใหม่ได้อีกแล้ว
- 6 ศพใน 33 ศพ ไม่สามารถระบุได้ว่าเจ้าของร่างนั้นเป็นใคร แต่ศพสุดท้ายที่ตำรวจพบริมแม่น้ำเป็นของ โรเบิร์ต พรีส
(จอห์น ดเวย์ จอห์นสัน ยิ้มแย้มกับทนายของเขาขณะขึ้นศาลให้ปากคำในคดี)
- ทุกครั้งที่ขึ้นศาลให้ปากคำ จอห์นยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มอยู่ข้าง ๆ ทนายโดยไม่รู้สำนึกเลยสักนิด เพราะเขาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ แต่เป็นร่างอื่นที่อยู่ในตัว
- จอห์นบอกว่าในตัวเขามีจอห์นอยู่ทั้งหมด 4 คน 1. ผู้รับเหมาก่อสร้างจอห์น 2. ตัวตลกจอห์น (ตัวตลกโพโก้), นักการเมืองจอห์น และสุดท้ายคือ แจ็ค แฮนลีย์ ร่างที่จอห์นบอกว่านี่แหละคือฆาตกรที่ทำเรื่องชั่วทั้งหมด
- แพทย์ตรวจสมองและสุขภาพจิตของจอห์นอย่างละเอียด พบประวัติว่าตอนที่จอห์นอายุ 11 ขวบ จอห์นมีอาการปวดหน้าผากอย่างรุนแรง และเคยตรวจพบว่ามีลิ่มเลือดคั่งอยู่ในสมองเล็กน้อย แต่ปัจจุบันก็ไม่พบความผิดปกติอะไร
(ผังบ้านที่จอห์น ดเวย์น เกซี่วาดจุดดำ ๆ เอาไว้เพื่อบอกตำแหน่งฝังศพให้กับตำรวจ)
- คาดว่าความรุนแรงของจอห์น มาจากอดีตฝังใจเรื่องความสัมพันธ์กับพ่อแท้ ๆ เขาโหยหาความรักจากผู้ชายด้วยกัน เขาไม่อยากให้เด็ก ๆ ขาดความรักจากพ่อเหมือนที่เขาเป็น แต่วิธีการที่เขาใช้ดันสุดโต่งเกินไป
- คดีสยองของจอห์นได้รับการไต่สวนยาวนานตั้งแต่ปี 1980 จนถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 1994
- อาหารมื้อสุดท้ายที่จอห์นกินคือ ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ โค้ก และเค้กสตรอเบอร์รี่
- คำพูดสุดท้ายที่จอห์นพูดก่อนสิ้นลมคือ “จุ๊บตูด_ูสิ”
- ระหว่างจำคุกรอคำตัดสิน จอห์นวาดรูปสีน้ำมันเล่นอย่างเพลิดเพลิน ส่วนใหญ่เป็นรูปตัวตลก หัวกระโหลก และพระเยซู
(รูปวาดที่สะท้อนตัวตน ความคิด และจิตใจของจอห์น ดเวย์น เกซี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา)
- หลังจอห์นถูกประหารชีวิต ญาติเหยื่อประมูลรูปวาดเหล่านั้นตั้งแต่ 200 - 9,500 เหรียญฯ เพื่อเอาไปเผาทิ้งอย่างโกรธแค้น โดยมีผู้ร่วมงานวันเผารูปวาดของจอห์นทิ้งมากกว่า 300 คน
- รูปบางส่วนถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์อาชญากรรมแห่งชาติ ผลงานที่เป็นที่รู้จักคือรูปวาดนักเบสบอลชื่อ Baseball Hall of Frame ที่ภายหลังมีนักเบสบอลมืออาชีพมาลงฝากลายเซ็นไว้ เพิ่มมูลค่าให้รูปสูงถึง 27,500 เหรียญฯ
- ส่วนรูปเกี่ยวกับเบสบอลอีกรูปได้ตัวประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน รวมถึงนักเบสบอลชื่อดังคนอื่นมาเซ็นให้ มีการนำรูปไปประมูลราคาเริ่มต้น 25,000 และเคาะขายราคาสุดท้ายที่ 75,000 เหรียญฯ
- คดีฆาตกรรมต่อเนื่องของจอห์น คือเหตุการณ์ที่สยองที่สุดในอเมริกาในสมัยนั้น และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า แม้แต่คนดังมีหน้ามีตาในสังคมก็มีอดีตอันหมองหม่นที่ไม่มีใครรู้ได้เช่นกัน
ที่มา : periergeia.org, thesun.co.uk