เตรียมระทึกรับศักราชใหม่กับมหันตภัยครั้งประวัติศาสตร์ ใน "Kursk คูร์สหนีตายโคตรนรกรัสเซีย" ภาพยนตร์แอคชั่นฟอร์มยักษ์สร้างจากเหตุการณ์จริง วีรกรรมนาทีเป็นนาทีตายของการเอาชีวิตรอดครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อลูกเรือ 23 นายประจำเรือดำน้ำ "คูร์ส (K-141)" แห่งกองทัพเรือโซเวียตถูกขังอยู่ในเรือหลังเกิดระเบิดขึ้นระหว่างการซ้อมรบที่ทะเลบาเรนต์ 23 ในมหาสมุทรอาร์คติก 5 วันวิปโยคชี้เป็นชี้ตาย และ 0 การช่วยเหลือ! และเช็คความพร้อมด้วยสกู๊ปเหตุการณ์จริงของหายนะเรือดำน้ำระเบิดครั้งสำคัญ ที่ทำให้ทั้งโลกต้องจับตาดู ก่อนพิสูจน์ความเดือดใต้ท้องทะเลลึกในภาพยนตร์ "Kursk คูร์สหนีตายโคตรนรกรัสเซีย" พร้อมกันมกราคมปีหน้า
- จุดเริ่มต้นของหายนะ เกิดขึ้นระหว่างที่เรือคูร์สร่วมฝึกซ้อมรบครั้งใหญ่ของกองทัพรัสเซียในทะเลบาเรนต์ มหาสมุทรอาร์คติก
- แรงระเบิดในเรือทำให้เกิดความร้อนพุ่งทะลุ 2700 องศาฟาเรนไฮต์
- แรงระเบิดจมเรือคูร์ส ดิ่งลึก 140 กิโลเมตรใต้มหาสมุทร
- อานุภาพของแรงระเบิดเท่ากับระเบิด TNT ขนาด 6 ตัน
- ลูกเรือ 95 นาย เสียชีวิตทันทีหลังเกิดการระเบิด ลูกเรือ 23 นาย ที่รอดชีวิตถูกขังทั้งเป็นอยู่ในซากเรือส่วนที่เหลือ
- รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธทุกการช่วยเหลือเพื่อกู้เรือดำน้ำคูร์สจากกองทัพอังกฤษและนอร์เวย์
เพราะกลัวความลับของกองทัพรั่วไหล หลังจากเรือคูร์สเกิดระเบิดได้ไม่นาน
- ทางการรัสเซียให้เหตุผลของหายนะครั้งนี้ ว่าเกิดขึ้นจากการชนประสานงากับเรือสอดแนมของกองทัพสหรัฐฯ
- ลูกเรือทั้ง 23 นายไร้เครื่องมือใด ๆ ในการขอความช่วยเหลือ พวกเขาทำได้เพียงการ "เคาะเรือ" เท่านั้น
- ลูกเรือทั้ง 23 นายที่ถูกขังทั้งเป็นอยู่ในเรือคูร์ส ปฏิญาณต่อกันว่า จะไม่มีวันทอดทิ้งใครคนใดคนหนึ่ง
พวกเขาจะต้องหาทางรอดไปด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย
- หลังเรือระเบิดเกิดรูรั่วขนาดยักษ์ น้ำทะเลไหลทะลักเข้าท่วมเรือคูรส์
10 มกราคม 2562 เตรียมระทึกอีกครั้งกับหายนะครั้งประวัติศาตร์ที่ทั่วโลกพร้อมให้ความช่วยเหลือใน "Kursk คูร์สหนีตายโคตรนรกรัสเซีย" การันตีความมันส์อำนวยการสร้าง โดย ลุค เบสซง (Valerian and the City of a Thousand Planets, Lucy) เสริมทัพด้วยผู้กำกับ โธมัส วินเทอร์เบิร์ก (The Hunt) ที่สำคัญยังได้นักแสดงฝีมือดีทั้ง โคลิน เฟิร์ธ (Kingsman: The Secret Service, The King’s Speech), ลีอาห์ เซย์ดูซ์ (Spectre, Blue is the Warmest Color), แมทเธียส เชอร์นาร์ท (The Bigger Splash, Red Sparrow) และไมเคิล นีควิสต์ ซึ่งนี่นับเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต