ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > ข่าวหนัง

พบกับความใหญ่ยักษ์และความแข็งแกร่ง: ไคจู ปะทะ เยเกอร์ ใน Pacific Rim Uprising

17 มี.ค. 2561 15:06 น. | เปิดอ่าน 1532 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

ในโลกของ Pacific Rim ไคจูคืออสูรกายยักษ์ที่โผล่ออกมาจากห้วงลึกของมหาสมุทรแปซิฟิก มันก้าวเข้าสู่โลกของเราผ่านทางช่องมิติที่เรียกกันว่ารอยแยก พวกมันคืออาวุธเดินได้และมีชีวิตที่มีอำนาจทำลายล้างสูง และถูกตัดต่อพันธุกรรมเพื่อจะเข้ามาปรับสภาพดาวเคราะห์ต่างๆ ใน Pacific Rim Uprising ไคจูวิวัฒนาการจนกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่มีอันตรายและคาดเดาไม่ได้

ในภาษาญี่ปุ่น คำว่า “ไคจู” หมายถึง “อสูรกายแปลกประหลาด” แต่โดยทั่วไปแล้วมันถูกแปลว่า “อสูรกายยักษ์” เดอไนท์ ที่เติบโตมากับการดูหนังไคจูของญี่ปุ่นจากยุค 1950s และ ’60s เล่าว่า “ผมชอบหนังพวกนี้มากครับตอนที่ผมยังเด็ก ย้อนกลับไปตอนนั้นมันยังเป็นแค่คนที่ใส่ชุดสัตว์ประหลาด สิ่งที่ผมชอบมากเกี่ยวกับการมาสร้างหนังไคจูในตอนนี้ กับเทคโนโลยีที่เรามี ก็คือ เรามีโอกาสที่จะทำให้มันดูน่าตื่นตาได้มากขึ้น และผมก็ชอบอารมณ์หวนรำลึกถึงอดีตในหนังพวกนั้น ถึงแม้ว่าสมัยเด็กผมจะรู้ว่าคนที่ใส่ชุดยางพวกนั้นก็คือคนธรรมดา ที่เดินบุกตะลุยเข้าไปในฉากจำลองเล็กๆ เมื่อไคจูของเราถล่มเมือง มันให้ความรู้สึกเหมือนจริงที่สุดเลยครับ และให้ทั้งอารมณ์เหมือนถูกคุกคามและเป็นงานดราม่าไปด้วย”

 


ไคจูแต่ละตัวที่ถูกสร้างให้แข็งแกร่งและดุร้าย คือไคจูสายพันธุ์ใหม่ที่มีพลังและรูปแบบการโจมตีเฉพาะตัว และมีวิวัฒนาการที่จะเข้าต่อสู้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่ไม่มีไคจูตัวไหนที่เหมือนกันเลย แต่พวกมันมีเป้าหมายเหมือนกัน นั่นก็คือการทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวร้ายขนาดนี้ เยเกอร์ก็คือการป้องกันเพียงอย่างเดียวของมนุษย์ 

การเป็นคนที่ได้ควบคุมเยเกอร์คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดแล้ว Pacific Rim Uprising ได้นำเหล่าวีรบุรุษและคนดูให้เข้าใกล้กับฉากแอ็กชั่นมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีก้าวล้ำ และกลเม็ดในการต่อสู้ที่สุดสร้างสรรค์ ในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะได้เห็นหุ่นยักษ์ที่เป็นผู้พิทักษ์รุ่นใหม่ มีอาวุธใหม่ๆ และมีความสามารถใหม่ๆ เช่นเดียวกับห้องควบคุมที่ถูกออกแบบใหม่ด้วย เยเกอร์เหล่านี้จะมีความสูงเท่าตึก 25 ชั้น มีความเร็วมากขึ้น ว่องไว คล่องแคล่วมากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงมีขนาดที่หลากหลายด้วย

 

 

หุ่นเยเกอร์แต่ละตัวจะเป็นเหมือนส่วนขยายของนักขับ ดังนั้นหุ่นแต่ละตัวจึงมีสไตล์การต่อสู้ที่โดดเด่นเฉพาะตัว มีสไตล์การเคลื่อนไหวและบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน เดอไนท์พูดถึงเรื่องนี้ว่า “เมื่อเราได้เจออามาร่าครั้งแรก เธอได้สร้างหุ่นเยเกอร์ของเธอขึ้นจากซากเหล็ก สแคร็ปเปอร์มีความสูง 40 ฟุต ดังนั้นเธอจึงสามารถควบคุมมันด้วยตัวเองได้ และถึงแม้จะทำจากเศษเหล็ก แต่มันมีความสามารถที่จะม้วนตัวกลมเป็นลูกบอล และกลิ้งไปได้เร็วเพื่อหลบหนี อามาร่ายังสร้างกลไกการป้องกันตัว อย่างเช่นระเบิดควัน กับหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเด็กๆ จะคิดได้ครับ”

ในฉากแอ็กชั่นเปิดเรื่อง อามาร่ากับเจกถูกบีบให้ต้องเข้าไปอยู่ในสแคร็ปเปอร์ในเวลาเดียวกัน เพื่อหลบจากเยเกอร์ที่กำลังตามล่า ด้วยขนาดที่เล็กกว่าและความสามารถที่แตกต่าง ทำให้ สแคร็ปเปอร์ สร้างความรู้สึกที่ทั้งสนุกสนานและมีความเคลื่อนไหว  โบเยกายังดึง เหลี่ยงหยาง ให้เข้ามาทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อให้คำแนะนำในเรื่องฉากต่อสู้ โดยเขาได้ร่วมงานกับเหลียงหยางครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Star Wars: The Force Awakens เขาตัดสินใจที่จะคิดไม่ใช่แค่การเคลื่อนไหวของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นเยเกอร์ที่มีความว่องไวและเหมือนเล่นกายกรรม โบเยกาเล่าว่า “เราอยากแน่ใจว่าเราจะสามารถแสดงให้เห็นว่าทักษะฝีมือเหล่านั้นคือพัฒนาการมาจากสิ่งที่ถูกทำเอาไว้ในภาพยนตร์ภาคแรก ดังนั้น เราจึงดึงเหลียงเข้ามา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ เพื่อให้เขาเข้ามาดูแลงานสร้างภาพล่วงหน้า เมื่อเหลียงจัดการสร้างภาพที่เป็นต้นแบบขึ้นมา โดยอิงจากไอเดียดีๆ ที่สตีฟมี เหลียงจะไปร่วมงานกับทีมวิชวลเอฟเฟ็กต์ และมีหลายฉากมากในเหตุเผชิญหน้าที่จะทำให้คนดูช็อคได้เลยครับ

 

 

สเปนี่ย์ไม่เพียงแต่ต้องฝึกกับเยเกอร์ขนาดเล็กอย่าง สแคร็ปเปอร์ เท่านั้น แต่เธอยังต้องฝึกเพื่อควบคุม ยิปซี อะเวนเจอร์ ด้วย  “การควบคุมสแคร็ปเปอร์ต้องการการเคลื่อนไหวที่เหมือนการเล่นสกี ซึ่งฉันใช้เวลาฝึกอยู่หลายอาทิตย์ค่ะ” สเปนี่ย์อธิบาย “มันเป็นการเคลื่อนไหวที่มีลักษณะเฉพาะ และฉันก็ไม่ต้องประสานอะไรกับใครด้วย ส่วนห้องควบคุมของยิปซี อะเวนเจอร์นั้นจะยากมากกว่า เพราะฉันต้องเชื่อมประสานกับจอห์น ซึ่งตัวสูงกว่าฉัน เราต้องหาทางประสานก้าวของเรา มีการซักซ้อมเยอะมากในการออกแบบท่าทางในคอนน์-พอด นอกเหนือจากการออกแบบท่าทางการต่อสู้แล้ว มันคือประสบการณ์ที่โดดเด่นมากค่ะ”

ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กันก็คือเยเกอร์และเทคโนโลยีภายในหุ่นที่ถูกพัฒนาไปนับแต่ภาพยนตร์ภาคแรก เดอไนท์อธิบายว่า “ภายในหุ่นเยเกอร์ เราได้ออกแบบวิธีที่นักขับถูกเชื่อมต่อกันใหม่ พวกเขาจะไม่ถูกยึดเอาไว้ พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้เต็มที่ สามารถกระโดดเตะได้ สามารถกระโดดได้ ทำให้เคลื่อนไหวได้มากขึ้นและตื่นเต้นมากขึ้นด้วยครับ” ในภาพยนตร์ภาคแรก ยิปซี แดนเจอร์ ถูกระเบิดไปแล้ว อย่างไรก็ดี พีพีดีซีคิดว่ามันคือหุ่นฮีโร่ พวกเขาจึงได้สร้างมันขึ้นมาใหม่และตั้งชื่อมันว่า ยิปซี อะเวนเจอร์ “โดยหัวใจแล้ว ยิปซีอะเวนเจอร์ก็คือ ยิปซี แดนเจอร์เวอร์ชั่น 2.0 ครับ” เดอไนท์บอก “มันคือยานสตาร์ชิพ เอนเตอร์ไพรส์ของโลกนี้ เป็นเยเกอร์ที่เป็นผู้นำครับ” 

 

 

คอนน์-พอดของยิปซี อะเวนเจอร์ถูกสร้างขึ้นบนแท่นที่เคลื่อนไหวได้ขนาดใหญ่ มันสามารถเคลื่อนไหวได้หลายทิศทางและสามารถขยับท่าโลดโผนได้ อีสต์วู้ด ซึ่งรับบท แลมเบิร์ต เป็นคนขับเยเกอร์ตัวนี้ เขาบอกว่า “เพราะคอนน์-พอดเป็นระบบไฮโดรลิค มันจึงสามารถทำได้ทุกอย่าง มันเหมือนรถไฟเหาะ เราเสียบปลั๊กเข้าไป และก็นั่งเล่นสนุกไปเลยครับ”  

ตัวคอนน์-พอดมีลักษณะเป็นพื้นที่แคบๆ และต้องการความชำนาญจากทั้งทีมนักแสดงและทีมงาน อีสต์วู้ดเล่าต่ออีกว่า “บางครั้ง คุณมองดูฉากหนึ่งบนหน้ากระดาษ และคิดว่า มันง่ายนะ แต่เมื่อถึงเวลาไปที่ฉากจริงๆ ทีมงานต้องสามารถขยับเข้าออกเพื่อปรับเปลี่ยนได้ ทุกแผนกจะต้องทำงานในพื้นที่แคบๆ นั้น จู่ๆ มันก็กลายเป็นงานยากกว่าที่เคยเห็นบนหน้ากระดาษ แต่ถึงยังไง ทั้งทีมงานที่เก่งและทีมนักแสดงก็รู้ดีว่าจะทำงานร่วมกันยังไง และเราก็ทำให้มันเกิดขึ้นจนได้ครับ” โบเยการู้สึกประทับใจกับภาพโฮโลแกรมของการออกแบบฉากนั้นมาก “ตอนที่ ยิปซี อะเวนเจอร์ ถูกโจมตี ภาพภายนอกที่เป็นภาพโฮโลแกรมแบบสามมิติ จะถูกแสดงให้เห็นภายในคอนน์-พอด ซึ่งทำให้นักขับสามารถมองเห็นได้ ในฐานะนักแสดง มันทำให้พวกเราแสดงถึงความเจ็บปวดและความตึงเครียดในการควบคุมหุ่นพวกนี้ได้ดีขึ้น มันยังสร้างสไตล์การต่อสู้ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้คนดูเชื่อได้มากขึ้นด้วยครับ”

 

 

สเปนี่ย์ทำการค้นคว้าเพื่อให้เข้าใจถึงความคิดของอามาร่า และรู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องแสดงให้คนดูเห็นว่า สแคร็ปเปอร์ เองก็คือส่วนหนึ่งของตัวละครตัวนี้ด้วย “คนที่จะสร้างหุ่นยนต์อย่างสแคร็ปเปอร์ขึ้นมาได้จะต้องเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร ฉันได้พูดคุยกับทีมงานที่เป็นคนวาดพิมพ์เขียวขึ้นมา และเรียนรู้ว่ามันแตกต่างไปจากเยเกอร์ตัวอื่นยังไง และชิ้นส่วนที่แตกต่างกันจะถูกนำมาประกอบเข้าด้วยกันจากชิ้นส่วนที่หาได้จากสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเธอได้อย่างไรค่ะ”

สเปนี่ย์ยังบอกอีกว่าสำหรับเธอแล้วหุ่นเยเกอร์ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ “สแคร็ปเปอร์คือเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของอามาร่า เธอทุ่มเททั้งชีวิตให้กับเยเกอร์ตัวนี้ ซึ่งมันก็มีบุคลิก มันจึงสะท้อนความเป็นตัวเธอ” ศิลปะเลียนแบบชีวิตจริงได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันคือแนวคิดที่มีความพิเศษสำหรับเธอ “ฉันได้สร้างชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งของสแคร็ปเปอร์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการถ่ายทำ ฉันอยากได้ความรู้สึกว่ามันคือการประกอบชิ้นส่วนเหล่านั้นเข้าด้วยกัน ฉันจึงได้รับอนุญาตให้หลอมหลายชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งมันสุดยอดมากเลยค่ะ ฉันอยากใช้สมองของฉันไปกับส่วนนั้นของอามาร่าค่ะ”


Pacific Rim Uprising - แปซิฟิค ริม ปฎิวัติพลิกโลก กำกับโดยสตีเวน เอส. เดอไนท์ (ซีรีส์เน็ตฟลิกซ์เรื่อง Daredevil, ซีรีส์สตาร์สเรื่อง Spartacus) และร่วมแสดงโดยจิงเถียน, เบิร์น กอร์แมน, เอเดรีย อาร์โจนาและชาร์ลีย์ เดย์  พร้อมเข้าฉาย 22 มีนาคมในโรงภาพยนตร์ 

 

: Pacific Rim 2

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ชาร์ลี ฮันแนม แจงเหตุผลที่ตัดสินใจเท Pacific Rim 2
  • สก็อตต์ อีสต์วู้ด อ้อนอยากกลับมาแจม Fast & Furious อีกครั้ง พร้อมแชร์ความท้าทายของ Pacific Rim Uprising
  • ผู้กำกับสตีเว่น เอส. เดอไนท์ รับหวั่นใจที่ต้องสานต่อ Pacific Rim 2 หลังกิลเลอร์โม่ เดล โทโร่
  • จอห์น โบเยก้า เผยชื่อคนดังที่ทำให้เขาอยากเป็นส่วนหนึ่งใน Pacific Rim Uprising
  • มหาสงครามไคจูมาแล้วในตัวอย่างล่าสุด Pacific Rim Uprising พร้อมเข้าฉาย 22 มีนาคมในโรงภาพยนตร์
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :