แม้ Guardians of the Galaxy (2014) ภาคแรกจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ในขณะที่การถ่ายทำ Guardians 2 ก็ไหลลื่นไปได้ด้วยดี ซึ่งตอนนี้ก็เข้าฉายไปแล้วด้วย แต่ก่อนหน้านี้เจมส์ กันน์ (James Gunn) กลับใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างยาวนานก่อนที่จะตกลงมารับหน้าที่กำกับ Guardians 3 เขาเคยบอกไว้ว่า "ผมกำลังคิดไตร่ตรองมันอยู่ ผมกำลังไตร่ตรองถึงสิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไป ผมใกล้จะตัดสินใจได้แล้วล่ะ ตอนนี้ผมทำ Vol. 2 เสร็จแล้ว แล้วผมก็กำลังเริ่มคิดถึงสิ่งที่ผมจะทำต่อไป และ Vol. 3 มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้นะ" กันน์เพิ่งจะประกาศให้เราได้ทราบว่าเขาจะกลับมาสานต่อ Vol. 3 โดยทั่วกันไปเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมานี้เอง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมาระหว่างถาม-ตอบทางเฟสบุ๊ค กันน์ได้เปิดใจว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาคิดหนักในการกลับมากำกับ Vol. 3 นั่นก็เพราะเขาไม่อยากทำหนัง Guardians ภาค 3 โดยไม่มีไมเคิล รูกเกอร์ (Michael Rooker) รูกเกอร์มีส่วนร่วมในหนังของกันน์ทุกเรื่องนับตั้งแต่หนังสยองขวัญเรื่อง Slither เมื่อปี 2006 ซึ่งเป็นหนังใหญ่เรื่องแรกของกันน์ แต่ดูเหมือนว่ารูกเกอร์อาจไม่ได้เข้ามามีส่วนสำคัญหรืออาจจะไม่ได้มาปรากฏตัวใน Vol. 3 เลยก็ได้เพราะตัวละครยอนดูของเขายอมสละตัวเองเพื่อปกป้องปีเตอร์ ควิลล์ (คริส แพรตต์) ลูกบุญธรรมของเขาในตอบจบของ Vol. 2

"ผมอยากจะบอกคุณว่า สำหรับผมมันไม่มีอะไรยากไปกว่าการเลือกที่จะฆ่ายอนดูในหนังเรื่องนี้แล้ว" กันน์ตอบคำถามเกี่ยวกับว่าทำไมตัวละครยอนดูถึงตาย "ไมเคิล รูกเกอร์ สำหรับเรื่องขี้ ๆ ทุกอย่างผมยกให้เขาเลย เขาเป็นหนึ่งในเพื่อนที่สนิทที่สุดในโลกของผมเลย สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการจะทำก็คือการได้ทำหนังที่ไม่มีไมเคิล รูกเกอร์ในอนาคต ผมเกือบจะไม่ทำ Guardians of the Galaxy Vol. 3 แล้ว เพราะมันไม่มีไมเคิล รูกเกอร์ในนั้น และผมก็ไม่สามารถเฝ้าดูการทำหนังที่ไม่มีเขาได้ เขามีความหมายมากสำหรับผม ผมรักเขามากจริง ๆ"

"มันคือตัวเลือกที่ยากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในการทำจากมุมมองของการเล่าเรื่องเลย ผมเคยลองวางหนทางต่าง ๆ ที่ทำให้ยอนดูไม่ต้องตาย มันมีจุดจบแบบอื่นนะ อย่างเขาถูกช่วยไว้ในนาทีสุดท้ายหลังจากที่เขายอมสละตัวเอง แล้วผมก็ร่างบททำนองนั้นเอาไว้เยอะเลย แต่ผมก็รู้ดีว่าผมทำไม่ถูก นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นในเรื่องราวนี้ สำหรับผมสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำหนังก็คือการที่จะบอกเล่าความจริงที่สุด แล้วก็เล่าเรื่องราวอย่างซื่อสัตย์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือประเด็นหลักเลยนะไม่ว่าจะทำหนังอินดี้ 500,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือหนังใหญ่ 200 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ก็ตาม ความจริงของเรื่องนี้ ก็คือ นี่มันเกี่ยวกับเป็นความจริงของพ่อ กับความรักทั้งหมดทั้งมวลที่มีต่อลูกชายของเขา นี่มันเป็นหนังเกี่ยวกับว่า ใครคือพ่อจริง ๆ ของเรากันแน่? ใครคือพี่น้องจริง ๆ ของเรา? และหนทางเดียวที่จะทำให้มันเป็นเรื่องที่ซื่อสัตย์ก็คือยอนดูต้องตาย รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เป็นหนทางอีกครึ่งหนึ่งของมัน ผมควรจะคืนคำเพราะผมกลัวที่จะเล่าความจริงหรอ ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่าทำไมยอนดูถึงตาย"

ที่มา: Ew.com