Pacific Rim: Uprising มันไม่ใช่หนังแฟรนไชน์ที่ กิลเลอร์โม่ เดล โทโร่ (Guillermo del Toro) วาดหวังเอาไว้แต่เดิม ซึ่งทั้งหมดมันก็เป็นผลมาจากเรื่องธรรมดา ๆ แค่เรื่องเดียว นั่นก็คือ "ช่วงเวลาในการเริ่มต้นมันแย่"
เดล โทโร่ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Collider เกี่ยวกับปัญหานี้ไว้ว่า "ผมมีหนังเล็ก ๆ ที่ผมอยากจะทำสุด ๆ ไปเลยนั่นก็คือ The Shape of Water ส่วนอีกเรื่องก็คงเป็น Justice League Dark หรือไม่ก็ Pacific Rim 2 แล้วตอนนั้นผมก็บอกไปว่า 'มาลุย Pacific Lim กันเถอะ' ในความเป็นจริงพวกเขาบอกว่า 'พวกเราต้องการเลื่อนเวลาออกไปอีกสักหน่อย' เพราะตอนนั้นพวกเขากำลังจะเปลี่ยนมือ เลเจนดารีกำลังจะถูกขายให้กับบริษัทจีนแห่งหนึ่ง พวกเขาบอกว่า 'พวกเราต้องรอไปอีกประมาณ 9 เดือน' ผมก็เลยบอกไปว่า 'ผมไม่รอหรอกนะตั้ง 9 เดือน ผมจะถ่ายทำหนังสักเรื่อง' จากนั้นผมก็เริ่มถ่าย The Shape of Water แล้วเราก็เลือกสตีเว่น เดอไนท์ (Steven DeKnight) มากำกับ Pacific Rim 2"
Pacific Rim: Uprising ของเดอไนท์ไม่ได้แค่สานต่อเรื่องราวจากหนังภาคแรกของเดล โทโร่เท่านั้น แต่มันจะมุ่งไปที่การอธิบายเป็นหลักด้วย ซึ่งมันเหมือนเป็นการตีความอย่างหนึ่งของหนังแฟรนไชน์ "เขากำลังทำมันออกมาให้เป็นหนังของเขา ผมไม่สามารถหายใจอยู่เหนือบ่าของเขาแล้วบอกว่า 'คุณกำลังจะทำอะไรน่ะ? คุณจะทำอะไร?' ได้หรอก เขากำลังทำในสิ่งที่มันแตกต่างออกไป แล้วผมก็ชอบสิ่งนั้นนะ" เดล โทโร่ แสดงความเห็นในฐานะโปรดิวเซอร์ Pacific Rim: Uprising
เดล โทโร่ยังบอกอีกว่า Pacific Rim 2 มันไม่ได้ใช้บทที่เขาเขียนเอาไว้แต่แรกเลย "มันทำให้เขามีสไตล์เป็นของตัวเอง มันทำให้เขามีความเชื่อในตัวละครแต่ละตัวตามแบบของเขาเอง ผมเคยเขียนบทเอาไว้ แล้วก็ได้ปรับเปลี่ยนบทนั้นไป 2 หรือ 3 รอบนี่แหละ แต่ Uprising มันต่างจากสิ่งที่ผมเคยพัฒนาเอาไว้ ซึ่งผมก็โอเคกับมันนะ โปรดิวเซอร์เป็นคนที่ต้องอยู่ในมุม ส่วนผู้กำกับเป็นคนที่จะอยู่ในวงแหวน โปรดิวเซอร์ไม่ต้องปล่อยหมัดออกไปแต่ผู้กำกับต้องทำ ดังนั้นก็ควรหุบปากซะแล้วรอคอยอยู่แค่ในมุม คอยแจกผ้าเย็นแล้วรอให้ผู้กำกับเดินเข้ามาหาคุณ"
Pacific Rim: Uprising นำแสดงโดย จอห์น โบเยก้า (John Boyega), สก็อตต์ อีสต์วู้ด (Scott Eastwood) และ รินโกะ คิคุจิ (Rinko Kikuchi) มีกำหนดฉายวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2018
Credit: hollywoodreporter.com