1. หนังคว้ารางวัลกรังปรีซ์จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์
2. เป็นครั้งที่ 2 ที่ ซาเวียร์ โดลอง นำบทละครเวทีมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ถัดจาก Tom at the Farm (Tom a la ferme) เมื่อปี 2013 ที่สร้างจากบทละครของ ไมเคิล มาร์ค บูชาร์ด
3. เนื่องจากเรื่องราวในหนังว่าด้วยครอบครัวที่แปลกแยกและไม่เข้าใจกัน ทำให้นักวิจารณ์จำนวนมากเข้าใจผิดว่า เซเวียร์ โดลอง นำชีวิตของครอบครัวตัวเองมาสร้างเป็นหนัง แต่ โดลอง ยืนยันว่านี่ไม่ใช่ เพราะในความเป็นจริงเขาสนิทกับครอบครัว และมักจะไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ
4. ทีมนักแสดงหลักของหนังทั้ง 5 คนต่างเคยเข้าชิงรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมของ Cesar Award ทุกคน และ 4 ในนั้นสามารถคว้ารางวัลมาครองได้นั่นคือ กัสปาร์ อุลลิแอร์, แวนซองต์ แคสเซิล, นาตาลี เบย์ และ มาริยง โกติยาร์
5. หนังใช้เวลาในการถ่ายทำประมาณ 20 วัน โดยนักแสดงจะอยู่เข้าฉากด้วยกันอย่างพร้อมหน้าเพียง 6 วันเท่านั้น
6. ซาเวียร์ โดลอง ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่ชอบใส่เพลงป็อปเข้ามาในหนัง สำหรับใน It’s Only the End of the World ก็เช่นกัน 1 ในเพลงที่เขาเลือกใช้คือ I Miss You ของ Blink-182 ซึ่งเป็นเพลงที่เขาชอบมาก และเนื้อหาของมันมีทั้งความสุข ความเศร้า และอารมณ์ถวิลหาอดีต เป็นต้น ซึ่งเหมาะกับตัวละครและเนื้อหาในเรื่อง
7. ไม่ว่าใครจะมองหนังเรื่องนี้อย่างไรก็ตาม แต่สำหรับ ซาเวียร์ โดลอง แล้ว เขาถือว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดที่เขาเคยสร้างมา
8. It’s Only the End of the World เป็นหนังของ เซเวียร์ โดลอง ที่ยาวเพียง 1 ชั่วโมง 37 นาที ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากผลงานเรื่องแรกของเขา I Killed My Mother (J'ai tue ma mere) เมื่อปี 2009
9. เปิดตัวอันดับ 1 ในฝรั่งเศส และติด Top 5 หนังแคนาดาที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในประเทศฝรั่งเศส
10. ซาเวียร์ โดลอง คนเดียว ทำหน้าที่ 6 อย่างในหนังเรื่อง It’s Only the End of the World ทั้ง กำกับ, อำนวยการสร้าง, เขียนบท, ลำดับภาพ, ออกแบบเครื่องแต่งกาย และทำซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ