ผู้กำกับ-นักเขียน-โปรดิวเซอร์ โจ รุสโซ่ (Joe Russo) อัปเดตความคืบหน้าของโปรเจกต์หนังดราม่า Cherry ที่ได้เจ้าหนูสไปร์ดี้ ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) มาแสดงนำให้ทราบขณะให้สัมภาษณ์กับ Collider พร้อมชื่นชมการแสดงของ ฮอลแลนด์ ในบทบาทแพทย์ทหารที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรค PTSD แล้วก็หันมาเป็นโจรปล้นธนาคารเพื่อที่จะหาเงินมาซื้อยาบรรเทาความเจ็บปวด

Cherry คือโอกาสครั้งสำคัญที่จะพา ฮอลแลนด์ ก้าวออกมาจากโซนปลอดภัย โดยเรื่องนี้เขาถึงกับต้องลงทุนโกนหัวล้างภาพจำจากบทเจ้าหนูสไปร์ดี้แห่ง MCU กันเลยทีเดียว ซึ่งผู้กำกับ รุสโซ่ ได้ชื่นชมการแสดงของ ฮอลแลนด์ ในเรื่องนี้ให้ฟังว่า "เอาจริง ๆ ผมคิดว่าเขายอดเยี่ยมเป็นพิเศษเลยนะในหนังเรื่องนี้ ผมว่าการแสดงของเขามันคู่ควรระดับออสการ์เลยล่ะ เขาฉีกกรอบเดิม ๆ ของตัวเองยับเลย ทั้งในเรื่องของการแสดงออกและอารมณ์ นี่คือหนังเรื่องหนึ่งที่จะกินใจไปอีก 10 ปีเลย เขาจะรับบทเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนมาก ๆ เขาทั้งติดยา และต้องทนทุกข์ทรมานกับโรค PTSD เขาเป็นโจรปล้นธนาคาร แล้วก็ต้องเผชิญกับความล้มเหลวในชีวิตรัก ซึ่งนั่นมันเป็นบทบาทที่ซับซ้อนมาก ๆ เลยนะ แต่ผมว่าเขาแสดงส่วนของเขาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเลย เขาเป็นคนที่มีแรงดึงดูดมาก ๆ ในการที่จะมาดูบนจอยักษ์เลยล่ะ เมื่อคุณต้องมาสวมบทเป็นตัวละครที่เสื่อมทรามระดับนั้น เพื่อที่จะเป็นใครสักคนที่น่าชื่นชมด้วยความเป็นธรรมชาติอย่างที่ทอมแสดงออกมาในบทบาทนั้น คุณจำเป็นที่จะต้องดำดิ่งลงไปหาตัวละครเหล่านั้นโดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่พวกเขาเลือกมันจะเป็นหายนะรึป่าว นั่นมันเป็นอะไรที่ประเมินค่าไม่ได้เลยนะ ผมว่ามันได้เปลี่ยนวิธีการนำเสนอหนังเรื่องนี้ออกไปสู่ผู้ชมไปเยอะเลยล่ะครับ ผมไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้หมดหรอก ผมโดนเขาเป่ากระจุยเลยในหนังเรื่องนี้"

รุสโซ่ ยังอัปเดตความคืบหน้าของโปรเจกต์หนัง Cherry ให้ฟังอีกว่า "เราทำช่วงแรกกันเสร็จไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พวกเราขยันขันแข็งกันสุด ๆ เลยกับการเข้าห้องตัดกันทุกคืนหลังจากที่เราถ่ายเสร็จ แล้วก็ตอนที่เรากำลังถ่ายอยู่ด้วย เราทำแบบนั้นเพราะเหตุผล 2 อย่าง ซึ่งอย่างแรกก็คือเราอยากจะให้มันเป็นไปตามกระบวนการในสิ่งที่เรากำลังถ่ายทำกันอยู่ และก็เพื่อที่จะมั่นใจกับโทนหนังที่เราทำออกมา เราชอบทิศทางที่ตัวละครมันเคลื่อนเข้าไปนะ แต่เราก็ยังขาดเรื่องราวที่มันสำคัญในเชิงของกระแสวิจารณ์ก่อนที่เราจะถ่ายเสร็จ ซึ่งผมสามารถปรับบท แล้วถ่ายซ่อม หรือไม่ก็เพิ่มอีกสักวันหรือ 2 วัน เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้วเราได้องค์ประกอบสำคัญที่ผมคิดว่ามันน่าจะมีส่วนช่วยยกระดับเรื่องราวขึ้นมาได้เพิ่มเข้ามา ซึ่งแน่นอนว่าเราทำแบบนั้นใน Cherry"

รุสโซ่ เสริมอีกว่า "พวกเราเทพมาก ๆ ในส่วนของการตัดแข่งกับเวลาที่เราจะทำหนังให้เสร็จ ก่อนที่โรคระบาดจะแพร่ไปทั่ว เราสามารถทำงานหลาย ๆ อย่างให้เสร็จในห้องตัดต่อได้ ดังนั้นเราจึงใกล้จะทำมันให้เสร็จตามเวลามาก ๆ แล้ว เราใช้เวลาบางส่วนไปกับการติดต่อคนตัดต่อผ่านลิ้งค์ที่ปลอดภัย เขาอยู่ที่บ้านของเขา และเราสามารถดูมันแล้วก็สั่งเขาได้ แต่เราใกล้จะทำมันเสร็จแล้วแหละ เรากำลังจะเริ่มทำในส่วนของเสียงและเพลงประกอบ หนังเรื่องนี้จะเสร็จพร้อมฉายในช่วงปลายซัมเมอร์ แต่คำถามคืออะไรคุณก็รู้ใช่มั้ย เมื่อไหร่ธุรกิจหนังเราจะได้เดินหน้ากันต่อล่ะ? เมื่อไหร่ผู้ชมจะได้กลับมาใช้บริการโรงภาพยนตร์? พวกเขาจะสามารถกลับมาดูหนังในโรงกันได้เมื่อไหร่ ปีนึงหรอหรือต้อง 2 ปี? พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน"

ที่มา: Collider.com