ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

"หนูนา" ไม่คาดหวังชื่อเสียง แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

2 มี.ค. 2560 10:07 น. | เปิดอ่าน 1392 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

กำลังเรียกคะแนนสงสารจากละคร "ราชินีหมอลำ" ทางช่องวัน 31 ได้เป็นกอง สำหรับบทบาทสุดรันทดของนางเอกสาว หนูนา - หนึ่งธิดา โสภณ ที่เรื่องนี้ต้องมารับบทนักร้องสาวบ้านนอกแสนรันทด แถมยังต้องโชว์ความสามารถในการร้องเพลงลูกทุ่งหมอลำอีกต่างหาก งานนี้หนูนาไม่ทำให้ผิดหวัง ทำเอาคนดูสงสารกันใหญ่ "ดาวต่างมุม" เลยต้องเชิญมาเป็นแขกพูดคุยถึงการทำงานและเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของเธอกันสักหน่อย

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์

ฟีดแบ็กละครเป็นอย่างไรบ้าง?

ฟีดแบ็กน่าพอใจมาก เกินกว่าที่เราคาดหมายก็รู้สึกดีใจมาก เรื่องนี้ก็แตกต่างจากที่หนูนาเคยเล่นมา เพราะมีร้องเพลงลูกทุ่งหมอลำด้วย ถึงจะร้องเพลงได้อยู่แล้ว แต่ว่ามันก็ไม่เหมือนกัน เพราะเพลงหมอลำมันมีสำเนียงการเอื้อน การร้องอีกแบบหนึ่งไปเลย ซึ่งสำหรับหนูรู้สึกว่ามันยากมาก ๆ ต้องไปเรียนเพิ่ม และก็เรียนจากพี่ ๆ ในกองอย่าง พี่ฝน ธนสุนทร พี่ปุยฝ้าย ถึงการพูดอีสานหรือการร้อง ในเรื่องก็ต้องพูดภาษาอีสานด้วย แต่นิดหน่อย ฝึกร้องอยู่นานเหมือนกันค่ะ เป็นแนวที่ไม่ถนัดเลย คนร้องเพลงจะรู้ว่า ถ้าร้องเพลงธรรมดามันเป็นอะไรที่เราคุ้นชิน แต่พอร้องลูกทุ่งนี่ ภาษาสำเนียงมันเป็นภาษาพื้นถิ่น ภาษาอีสาน ก็จะยากขึ้นไปอีก เรื่องนี้รันทดมากค่ะ เรื่องนี้กึ่ง ๆ ดราม่าเลย ตั้งแต่เล่นละครมายังไม่เคยเล่นรันทดเท่านี้มาก่อน เรื่องนี้เป็นผู้ถูกกระทำสุด ๆ

ในปีนี้จะเห็นผลงานอื่น ๆ อะไรบ้าง?

ละครนี่กำลังคุยเนื้อเรื่องกันอยู่ ยังไม่มีแพลนออกมาในช่วงนี้ ต้องรอทางผู้ใหญ่เคาะด้วย ปกติปีหนึ่งก็จะเล่นละคร 1-2 เรื่องถ้าเป็นละครยาว ไม่รวมซีรีส์ต่าง ๆ ถ้าที่ผ่านมามีเรียนด้วยเล่นละครด้วย 2 เรื่องนี่ก็ถือว่าเยอะแล้ว ซึ่งหนูไม่ได้เล่นละครอย่างเดียว หนูมีละครเวทีด้วย ซึ่งก็กินเวลายาวมาก ที่ผ่านมาเรียนด้วยทำงานด้วยก็แบ่งเวลาลำบาก ตอนนี้เรียนจบแล้ว ปีนี้เราก็จะสะดวกขึ้น แล้วก็จะมีเวลาทำงานได้เต็มที่ คืองานของหนูมันจะหลากหลายมาก อย่างละครเวทีนี่ เล่นเรื่องหนึ่งก็ 6 เดือน รวมซ้อมด้วย อย่างปีที่แล้วก็มีละครเวทีหลายเรื่องอยู่ ก็ถือว่าโชคดีที่ได้มีโอกาสทำหลายอย่าง

ทำงานหลากหลายแบบนี้ชอบอะไรมากกว่ากัน?

มันยากนะ คือแต่ละอย่างมันต่างกัน ละคร หนังก็อีกแบบหนึ่ง ละครเวที เพลงก็ไม่เหมือนกัน ทุกอย่างมันมีศิลปะ มีเสน่ห์ของแต่ละศาสตร์ที่แตกต่างกัน มันเปรียบเทียบกันยาก เพราะไม่ค่อยเหมือนกัน เราก็ชอบทุกอย่าง เอาเป็นว่าผู้ใหญ่จะหยิบเราไปทำอะไร เราก็ดีใจที่ได้ทำ จะเลือกให้ชอบอะไรสักอย่างหนึ่งมันก็ยากเนอะ เราชอบร้องเพลงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ชอบการแสดง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบอะไรมากกว่า ละครเวทีก็ยากค่ะ มันต้องใช้สมาธิเยอะ หนูเองก็ยังไม่ค่อยเก่งนะ จริง ๆ แล้วการแสดงมันต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ อย่างเราอายุแค่นี้เราก็เห็นโลกแค่นี้ แต่ในบทบาทอื่น ๆ มันอาจจะมีโลกอื่น ๆ ที่เราอาจจะยังไม่เคยเจอ พอเราไปสวมบทบาท เราก็ยังต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ รู้จักโลกของตัวละครอีกเยอะเลย จริง ๆ หนูชอบแอบถามจากรุ่นพี่และนักแสดงผู้ใหญ่ ชอบแอบดูเขา บางคนเขาก็ช่วยสอนว่าทำแบบนี้นะ หรือว่าตรงนี้ควรจะเล่นอย่างไรก็ฟังเขา เรียนรู้จากสิ่งที่เขาทำ เรียนรู้กับสิ่งที่เขาเล่นแล้วก็นำมาใช้กับตัวเรา ผู้ใหญ่ให้ทำงานหลายอย่างก็กดดันนะคะ แต่มันก็สนุกนะ มันมีอะไรให้ลองทำหลาย ๆ อย่าง และหนูก็เป็นคนชอบทำโน่นทำนี่ด้วย ลองทำดูสิ เราจะทำได้ไหม พยายามพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ

 

 

เข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก เรียนรู้อะไรจากวงการบันเทิงบ้าง?

เยอะมากนะ หนูก็เป็นเด็กที่โตมากับทางนี้เลย ก็ต้องเรียนรู้หลาย ๆ อย่าง จะอยู่ยังไงให้ได้โดยที่ยังเป็นตัวของตัวเองอยู่ แล้วก็ทำในสิ่งที่มันโอเค พยายามเป็นตัวเองมากที่สุดเพื่อตัวเอง เวลาทำงานเราก็ได้เจอคนมากมาย ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เรียนรู้การทำงานจากคนอื่น เรียนรู้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง หนูอาจจะไม่ได้เรียนรู้ชีวิตเหมือนคนในสังคมที่เป็นเด็กสนุกสนานทั่วไป แต่หนูก็จะได้เรียนรู้ในอีกแบบหนึ่ง คือการเรียนรู้การทำงานในวงการบันเทิง การแสดงเป็นอย่างไร วินัยเป็นอย่างไร

เสียดายชีวิตวัยรุ่นแบบทั่วไปบ้างไหม?

ก็เสียดายนะ บางทีเราก็อาจจะไม่ได้ไปเที่ยวเล่นแบบคนอื่นเขา แต่ว่าประสบการณ์ที่เราได้มาตรงนี้มันก็หายาก ไม่เหมือนคนอื่นเขา คนอื่นก็อาจจะไม่มีตรงนี้เหมือนเรา มันก็เป็นสิ่งมีค่ามาก ที่มันก็ต้องแลกมาเหมือนกัน มันไม่มีอะไรที่คุ้มกว่าอะไร แต่มันอยู่ที่เราเลือกที่จะทำอะไรมากกว่า

เป้าหมายในชีวิตคืออะไร?

เมื่อก่อนก็อาจจะคิดเยอะอยากทำโน่นทำนี่ ตอนนี้หนูแค่อยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราคาดไว้ และอยากมีความสุขกับชีวิต หนูว่ามันสำคัญมากเลยนะ การคาดหวังว่าเราจะมีความสุขกับชีวิต เพราะเวลามันผ่านไปเร็วมาก บางทีเราอาจจะโฟกัสบางสิ่งบางอย่างจนลืมที่จะมีความสุขกับบางสิ่งบางอย่าง หนูคิดว่าเราควรจะมีความสุขกับทุก ๆ วันที่มันเกิดขึ้น ทำงานให้มีความสุข มันจะทำให้ชีวิตเป็นชีวิตที่ดี เราไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จในชีวิตมีธุรกิจพันล้านร้อยล้าน แต่เรามีความสุขกับทุก ๆ วันที่มันเป็น อันนี้มีค่าแล้ว ความสุขไม่ได้มีอะไรตายตัวว่ามันเป็นแบบไหน แค่ได้ทำงานที่เรารัก เราสามารถดูแลครอบครัวเราได้ เรามีชีวิตที่เรียบง่าย มีคนที่เรารักและคนที่รักเรา หนูเป็นคนไม่คิดไกล เอาอะไรที่มันง่าย ๆ แล้วมีโอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุด

มองอนาคตในวงการบันเทิงของตัวเองไว้อย่างไรบ้าง?

ยากเหมือนกันนะ หนูก็ไม่กล้ามองเยอะ หนูเป็นคนที่ไม่ชอบคาดหวังอะไรในชีวิต เพราะว่าเวลาที่เราคาดหวังแล้วเราพลาดหวังมันจะรู้สึกเฟล มันจะนอยด์ เพราะฉะนั้นเราก็จะไม่คาดหวังอะไร ปล่อยให้ชีวิตมันเป็นไปของมัน หรือว่าในอนาคตหนูทำงานในวงการบันเทิงมาอีก 20-30 ปี อาจจะเล่นละครไปเรื่อย ๆ หรือรับเป็นพิธีกรตามงานต่าง ๆ หรือไปจนถึงผู้ประกาศข่าวหรือทำงานเบื้องหลัง อาจจะเป็นในทางหนึ่ง หรือว่าผันตัวไปทำธุรกิจก็อาจจะทำได้ หนูก็พยายามทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดและพยายามมองหาอนาคตด้วย ตอนนี้มันก็ยาก เพราะเราก็ยังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ เราก็อยากให้อนาคตเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราก็มีความคาดหวังของเราเหมือนกัน

 

 

วงการบันเทิงก็มีแข่งขันสูงจะทำอย่างไรให้เราอยู่ได้?

นั่นน่ะสิ หนูก็ถามตัวเองนะว่าจะอยู่ยังไง เป็นคำถามที่มันก็ยากเหมือนกัน หนูเองก็ยังไม่รู้คำตอบว่าจะอยู่ยังไง ที่รู้ตอนนี้ก็คือเราก็ทำหน้าที่ของเราเองให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็ เอาวะ เอาตรงนี้แหละ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เอาไปสู้เขา เพราะการแข่งขันมันก็สูงมากเหมือนกัน หนูไม่ได้คาดหวังว่าหนูจะมีชื่อเสียง แต่คาดหวังว่าหนูจะมีงานทำเรื่อย ๆ มากกว่า ไม่ได้หมายความว่าหนูจะต้องเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ดังตลอดเวลา หนูแค่คาดหวังว่า เราเป็นของเราแบบนี้ ทำงานให้ได้มาตรฐานเรา ไม่มีการลดลง อาจจะคงที่ได้ประมาณนี้ หรือพัฒนาขึ้นไปได้อีก หนูเชื่อว่าถ้าเราทำงานที่ได้รับมอบหมายมา มันคือสิ่งที่อยู่นานที่สุด แค่เรามีงานทำเรื่อย ๆ ก็โอเคแล้วล่ะ ยังแฮปปี้อยู่ หนูถึงไม่ชอบคาดหวังอะไร ถ้าเราคาดหวังว่าฉันจะต้องอยู่ในวงการนี้ไปอีกนานเลย ถ้าเราผิดหวังเราก็จะเสียใจ เราก็ทำให้มันเรื่อย ๆ สบาย ๆ ออกมาให้ได้ดีที่สุด ถ้าวันหนึ่งพลาดหวังอย่างน้อยก็ได้ทำแล้ว

ความรักเป็นยังไงบ้าง?

ตอนนี้ก็เรื่อย ๆ ค่ะ ไม่มีอะไรมาก หนูไม่ค่อยได้คาดหวังอะไรไว้หรอกค่ะ อย่างที่บอกไปว่าหนูชอบความปกติธรรมดาที่สุด เพราะฉะนั้นก็เลยอยากให้มันออกมาปกติธรรมดาที่สุดค่ะ ถ้าได้คุยกับใครสักคนหนูว่าคงต้องปรับเยอะ เพราะหนูเคยชินกับการอยู่คนเดียวและมีคนดูแล แต่การที่เรามีใครสักคนมันไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้เขามาดูแลอะไรหรอก มันคือการดูแลซึ่งกันและกัน สมัยนี้การจีบกันเป็นแฟนกันมันง่ายนะ แต่การอยู่ด้วยกันมันยาก หนูออกจะหัวโบราณเล็กน้อย ไม่ใช่แบบคุยแป๊บเดียวฉันเป็นแฟนเธอนะ เราต้องดูก่อนว่าเราจะอยู่กับเขาได้หรือเปล่า ไม่ใช่แค่เราจะรับเขาได้หรือเปล่า นิสัยของทั้งคู่ต้องเข้ากันได้ มันต้องผ่านช่วงเวลาไปด้วยกันเรื่อยๆ ผ่านปัญหา มันจะทำให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง หนูว่าสมัยนี้รักกันง่ายเลิกกันง่าย ช่วงรักกับช่วงเลิกมันคือต้นกับปลาย แต่ระหว่างกลางคือความเข้าใจกัน การคุยกัน ตอนนี้หนูยังไม่ได้โฟกัสว่าจะต้องมีแฟน คิดแค่ว่าถ้าเราจะคุยกับใครสักคนก็ต้องมั่นใจว่าจะอยู่ด้วยกันได้ค่ะ

ป็นคนจริงจังในเรื่องความรักไหม?

ก็ประมาณหนึ่งเหมือนกันนะ ทุกสื่อมาถามเยอะว่าหนูมีแฟนหรือยัง คนนั้นล่ะ คนโน้นล่ะ หนูไม่อยากจะเปิดตัวว่าคุยกับคนนี้ค่ะ เป็นแฟนกับคนนี้ค่ะ คนนี้ไม่ใช่แฟนค่ะ มันเร็วเกินไป หนูเป็นคนที่ให้เวลากับความรัก เพราะอย่างที่บอกว่าระยะทางตรงกลางเดี๋ยวนี้มันหายไป การที่เราจะคุยกันมันไม่ใช่แค่ฉันรักเธอหรือฉันเลิกกับเธอ

 

 

นิยามความรักของหนูนาเป็นอย่างไร?

ถ้าตอนเด็กจะรู้สึกว่าความรักเหมือนผีเสื้อ เราอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวมันก็มาหา ไม่ต้องไปวิ่งไล่จับมันหรอก แต่ตอนนี้ความรักของหนูคือการเข้าใจกันของทั้งสองฝ่าย เข้าใจกันดีที่สุด อนาคตอาจจะเปลี่ยนอีกก็ได้ หนูอาจจะรู้สึกว่าความรักคือการที่ใครสักคนรักเราและทำทุกอย่างเพื่อเรา มันอยู่ที่ช่วงอายุที่มันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ หนูว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องที่เรียนรู้ยากที่สุดในชีวิตเลยนะ

พ่อแม่เข้มงวดเรื่องความรักไหม?

เข้มงวดค่ะ พ่อกับแม่หวงมาก เพราะเราเป็นลูกสาว เขาคอยสแกนตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ห้าม อยู่ที่จังหวะและเวลามากกว่า เพราะความรักมันคงห้ามกันไม่ได้หรอก หนูเคยอ่านบทความเขาบอกว่า ต่อให้เราห้ามลูก ลูกก็แอบมีแฟนอยู่ดี เราจึงควรดูเขาและให้กำลังใจเขาดีกว่า เขาจะได้ไม่แอบและอยู่ในสายตาตลอด หนูผ่านช่วงวัยเด็กมาแล้ว รู้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้หรอก ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะฉะนั้นเราควรมองมันอย่างเข้าใจและเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับปล่อยให้เขามีอิสระจนไม่รู้หน้ารู้หลังเลย

มีคนมาจีบบ้างหรือเปล่า?

ก็มีบ้างค่ะ (หัวเราะ) หนูถือว่าถ้าจะมีใครสักคนเข้ามาคุยด้วยมันต้องใช้เวลา ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชนะใจเราอย่างเดียว แต่เป็นเวลาที่เขาจะต้องเอาชนะใจคนที่บ้านของเราด้วย ก็มีบ้างนะที่บางคนรอไม่ไหว ไม่อดทน แต่คนที่อดทนก็มี มันทำให้เราได้คัดกรองว่าคนไหนที่จริงใจ หนูขี้กังวลด้วย เพราะอยู่ในวงการ เลยกังวลหลายอย่าง ทั้งหน้าที่การงาน ครอบครัว แฟนคลับ ถ้าหนูรักใครก็อยากให้คนที่หนูรักนั้นรักเขาด้วย ส่วนแฟนคลับถ้าเขารักหนูจริง ๆ เขาจะต้องเข้าใจความเป็นหนูรวมถึงสิ่งที่หนูทำ หนูว่าถ้าเรามีความรักแล้วมีความสุข แฟน ๆ ก็น่าจะมีความสุขไปกับหนูด้วยนะ

 

ต้องบอกว่า เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาฝีมือตัวเองมาก ๆ ผลงานแต่ละเรื่องที่ออกมาเลยไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง ใครที่รักหนูนา ชอบหนูนา ก็อย่าลืมเป็นกำลังใจให้เธอด้วยละกัน

 

: หนูนา หนึ่งธิดา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • "หนูนา หนึ่งธิดา" คัมแบ็กละคร รับบท ชฎาพลอย สุดหิน พร้อมชวนร่วมสืบหาความจริงใน "เรือนชฎานาง"
  • "หนูนา หนึ่งธิดา" ปล่อยคลิปร้องเพลง "The Hanging Tree" โชว์พลังแฟนพันธุ์แท้ "เดอะ ฮังเกอร์เกมส์"
  • โปรดเร่งเสียงลำโพงของคุณขึ้นอีกนิด! มนต์รักนักพากย์ ภาพยนตร์ย้อนวันวานจาก Netflix ยกยุค 60s มาไว้ในมือคุณแล้ว
  • Netflix ภูมิใจเสนอ ตัวอย่างภาพยนตร์ มนต์รักนักพากย์ เตรียมขึ้นรถเร่ย้อนรำลึกมนต์เสน่ห์ยุคทองของหนังไทย
  • มนต์รักนักพากย์ ภาพยนตร์ย้อนอดีตสู่ยุคทองของวงการหนังไทย พร้อมบอกเล่าความในใจผ่านจดหมายรักถึงหนังไทยสุดอบอุ่น
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :
     
     
     
     

    ความคิดเห็นที่ 1  จากคุณ mdigital     13 ม.ค. 2567 23:50 น.


     1