ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปสู่เกาะที่เต็มไปด้วยบรรดานกลัลล้าที่ (แทบจะ) บินไม่ได้เลย ในเกาะสวรรค์แห่งนี้ เร้ด (เจสัน ซูเดคิสจาก We're the Millers, Horrible Bosses) นกผู้มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์, ชัค เจ้าแห่งความเร็ว (จอช แก็ดในบทอนิเมชันบทแรกนับตั้งแต่ Frozen) และบอมบ์ ผู้มีอารมณ์แปรปรวน (แดนนี แม็คไบรด์จาก This is the End, Eastbound and Down) เป็นพวกที่แปลกแยกจากนกตัวอื่น ๆ เสมอ แต่เมื่อเกาะนี้มีผู้มาเยือนเป็นบรรดาหมูสีเขียวลึกลับนกนอกสายตาทั้งสามตัวนี้แหละที่จะไขปริศนาว่าหมูพวกนี้มาเยือนด้วยวัตถุประสงค์อะไรกันแน่
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอทีมนักพากย์สุดฮา ที่รวมถึง มายา รูดอล์ฟ (Bridesmaids, Sisters), เคท แม็คคินนอน (Saturday Night Live, Ghostbusters), ฌอน เพนน์ (Milk, Mystic River), โทนี เฮล (Veep, Arrested Development), คีแกน-ไมเคิล คีย์ (Key & Peele), บิลล์ เฮเดอร์ (Trainwreck, Inside Out) และปีเตอร์ ดิงค์เลจ (Game of Thrones) ร่วมด้วยไอค์ บารินโฮลท์ (Neighbors, Sisters), ทีทัส เบอร์เกส (Unbreakable Kimmy Schmidt), ฮันนิบาล บูเรส (Daddy’s Home, Broad City), จิลเลียน เบล (22 Jump Street), สมอช คนดังจากยูทูบ (เอียน เฮค็อกซ์และแอนโธนี พาดิลลา), บิลลี ไอช์เนอร์ (Billy on the Street), แดเนียล บรู๊คส์ (Orange is the New Black), โรมิโอ ซานโตส ศิลปินลาตินชื่อดังและเบลค เชลตัน ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการดนตรีคันทรี ผู้ร่วมแต่งเพลงและร้องเพลง “Friends" นอกจากนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังนำเสนอดนตรีใหม่จาก เดมี โลวาโต้, ชาร์ลี เอ็กซ์ซีเอ็กซ์, มาโทมาและสตีฟ อาโอกิอีกด้วยภาพยนตร์โดยโคลัมเบีย พิคเจอร์ส/โรวิโอ อนิเมชันเรื่องนี้กำกับโดย เฟอร์กัล ไรลีย์และเคลย์ เคย์ทิสและอำนวยการสร้างโดย จอห์น โคเฮนและแคทเธอรีน วินเดอร์ บทภาพยนตร์โดย จอน วิตตี้ และควบคุมงานสร้างโดย มิคาเอล เฮ็ดและเดวิด เมเซล
โคลัมเบีย พิคเจอร์สและโรวิโอ อนิเมชัน ภูมิใจเสนอ The Angry Birds Movie พากย์เสียงโดยเจสัน ซูเดคิส, จอช แก็ด, แดนนี แม็คไบรด์, มายา รูดอล์ฟ, เคท แม็คคินนอน, ฌอน เพนน์, โทนี เฮล, คีแกน-ไมเคิล คีย์ ร่วมด้วยบิลล์ เฮเดอร์และปีเตอร์ ดิงค์เลจ กำกับโดยเฟอร์กัล ไรลีย์และเคลย์ เคย์ทิส อำนวยการสร้างโดยจอห์น โคเฮนและแคทเธอรีน วินเดอร์ ควบคุมงานสร้างโดยมิคาเอล เฮ็ดและเดวิด เมเซล บทภาพยนตร์โดยจอน วิตตี้ ดนตรีโดยเฮเตอร์ เพเรรา อนิเมชันโดยโซนี พิคเจอร์ส อิเมจเวิร์คส์
ทำไมโกรธนักล่ะ
ในเดือนธันวาคม ปี 2009 ผู้คนทั่วโลกได้ดาวน์โหลดเกมเกมหนึ่งลงมือถือของพวกเขา และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ หมูสีเขียวตัวน้อยได้บุกเข้ามา ด้วยความตั้งใจจะขโมยไข่ของนกที่บินไม่ได้ และนกพวกนี้ก็...อธิบายได้ด้วยคำ ๆ เดียวเท่านั้นล่ะ คุณจะรู้สึกยังไงถ้ามีคนมาบ้านคุณแล้วขโมยลูกๆ ของคุณไป
Angry Birds เกมมือถือที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดตลอดกาล และเวอร์ชันอื่นๆ อีกมากมายก็ถูกดาวน์โหลดกว่าสามพันล้านครั้ง กำลังจะเดินทางสู่จอเงิน และในที่สุด ผู้ชมก็จะได้รู้ซะทีว่า Angry Birds ได้ชื่อนี้มาได้ยังไง
ผู้อำนวยการสร้างจอห์น โคเฮน (Despicable Me) เล่าว่า เกมคลาสสิกเกมนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพยนตร์ที่ทีมผู้สร้างต้องการจะสร้าง "ภายในคอนเซ็ปต์หลักของเกมคือเมล็ดพันธุ์ของสิ่งที่เราเชื่อว่าจะสามารถงอกเงยเป็นอนิเมชันคอเมดีที่วิเศษสุดได้ เรามีโอกาสในการต่อยอดจากตัวละครในเกม พัฒนานกพวกนี้ให้กลายเป็นตัวละครที่มีมิติ ที่มีบุคลิกแตกต่างกันและพลังตลก ๆ ที่ไม่เหมือนใคร แล้วมันก็มีไอเดียที่น่าประทับใจที่เป็นแกนกลางของหนังเรื่องนี้ นั่นคือหัวใจสำคัญของเกมนี้คือเรื่องราวของนกขี้ยัวะที่ไข่ของพวกเขา หรือลูก ๆ ของพวกเขา ถูกพวกหมูสีเขียวขโมยไป แล้วนกพวกนี้ก็จะต้องออกปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือเพื่อให้ได้ตัวลูก ๆ กลับมาครับ"
ในการทำงานร่วมกับทีมงานจากโรวิโอ ทีมผู้สร้างได้พัฒนาและต่อยอดจากไอเดียพื้นฐานของเกมนี้ "คำถามที่โรวิโอถูกถามมากที่สุดคือ 'ทำไมนกพวกนี้ถึงโกรธนักหนา' น่ะครับ" โคเฮนเล่า "หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดว่าความขัดแย้งระหว่างพวกนกที่บินไม่ได้และหมูสีเขียวเกิดขึ้นได้ยังไง มันเป็นโอกาสที่สนุกอย่างเหลือเชื่อในการสร้างตำนานของโลก Angry Birds ขึ้นมา ผู้คนเป็นพัน ๆ ล้านมีความผูกพันใกล้ชิดกับเกมนี้ แต่ตัวเกมไม่ได้มีเรื่องราวความเป็นมาที่ชัดเจนสนามเด็กเล่นของเราเปิดกว้าง เหมือนกับเรากำลังเริ่มต้นจากศูนย์ด้วยไอเดียออริจินอล แน่นอนครับว่ามีองค์ประกอบสำคัญบางอย่างที่แฟน ๆ รู้และรักจากเกมนี้ เช่นพวกนกบินไม่ได้ขี้ยัวะ ที่มีพลังพิเศษในแบบที่คนจะจำกันได้ มาสู้กับหมูสีเขียว ที่ขโมยไข่ของพวกเขาไป ด้วยการใช้หนังสติ๊กยิง แต่นอกเหนือจากไอเดียพวกนี้แล้ว เราก็สามาถสร้างเรื่องราวออริจินอลขึ้นมาได้ครับ"
ในความเป็นจริงแล้ว เคลย์ เคย์ทิส ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกับเฟอร์กัล ไรลีย์ กล่าวว่าแฟน ๆ ที่มีอยู่แล้วของเกมนี้จะทำให้พวกเขาสามารถเล่นกับความคาดหวังของผู้ชมได้ "ผู้คนจะคิดเอาเองว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาเป็นยังไงเพราะพวกเขาเคยเล่นเกมมาก่อน แต่ความจริงก็คือ เรากำลังสร้างสิ่งที่จะทำให้คนประหลาดใจเมื่อพวกเขาได้ดูมัน ในฐานะคนทำหนังแล้ว เรากำลังสร้างหนังที่เราอยากจะไปดูครับ"
ดังนั้น จากพล็อตพื้นฐานของเกม ทีมผู้สร้างก็ได้สร้างเรื่องราวใหม่ขึ้นมา เป็นคอเมดีที่มีตัวละครเป็นพื้นฐาน "แน่นอนครับว่าเร้ดเป็นนกขี้ยัวะ ส่วนชัคและบอมบ์ก็มีปัญหาของตัวเอง แต่จริง ๆ แล้ว พวกเขาก็เป็นแค่กลุ่มนกนอกคอกน่ะครับ" ไรลีย์กล่าว "คุณจะแคร์พวกเขาจริงๆ ไม่เพียงแต่เพราะพวกเขาต้องรับมือกับปัญหาของตัวเองเท่านั้น แต่พวกเขาต้องเจอปัญหาเรื่องหมูที่หนักหนาสาหัสกว่าด้วย พวกเขาต้องกอบกู้เผ่าพันธุ์ตัวเอง แม้ว่าพวกเขาเป็นกลุ่มที่ไม่น่าจะถูกเลือกเลยก็ตามครับ" โคเฮนกล่าวเสริมว่า ภารกิจของเร้ดในการควบคุมความโกรธของตัวเองเป็นธีมที่ผู้ชมทุกคนสามารถเข้าถึงได้ "พ่อแม่และลูกทุกคนต่างก็เรียนรู้ที่จะหาทางก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากพวกนั้นในชีวิตของพวกเขาครับ ผมคิดว่าเด็กๆหลายคนจะเข้าใจเร้ดในตอนที่เขาหาทางที่จะใช้พลังงานนั้นไปในทิศทางที่ถูกที่ควรครับ"
ในตอนที่ตัวละครเริ่มเป็นรูปเป็นร่างบนแผ่นกระดาษ ก็ถึงเวลาที่ทีมผู้สร้างจะคัดเลือกนักพากย์ที่จะเนรมิตชีวิตให้พวกเขาเหล่านั้น "ตอนที่นักพากย์เข้าห้องบันทึกเสียง พวกเขาก็ถูกพรากจากเครื่องมือทั้งหมดที่พวกเขามี พวกเขาไม่ได้มีรูปร่างสีหน้าท่าทาง การเคลื่อนไหว หรืออากัปกิริยา รวมทั้งนักแสดงให้แสดงประกบ พวกเขามีเพียงแค่เสียงของตัวเองครับ" โคเฮนกล่าว "นักแสดงตลกอิมโพรไวส์เก่งๆ อย่างเจสัน ซูเดคิส, จอช แก็ด, มายา รูดอล์ฟ, แดนนี แม็คไบรด์, คีแกน-ไมเคิล คีย์หรือเคท แม็คคินนอนไม่เพียงแต่สามารถคิดไอเดียคอเมดีเยี่ยม ๆ ออกมาได้ แต่ในการทำแบบนั้น พวกเขายังทำให้การพากย์เสียงของพวกเขามีความเป็นธรรมชาติมาก ๆ ซึ่งช่วยทำให้ตัวละครเหล่านี้โลดแล่นมีชีวิตในรูปแบบอนิเมชันจริง ๆ ครับ"
"มันเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์เมื่อคุณได้ยินเสียงนักพากย์พวกนี้พากย์เสียงตัวละครของพวกเขาเป็นครั้งแรก" ผู้ควบคุมงานสร้าง มิคาเอล เฮ็ดกล่าว "ตอนนั้นเองที่ตัวละครเริ่มมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ นักพากย์จะใส่ส่วนหนึ่งของตัวเองเข้าไปในตัวละครซึ่งจะทำให้ตัวละครพวกนี้สมจริงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาครับ"
บทสนทนาแรกเกี่ยวกับการเปลี่ยน Angry Birds ให้กลายเป็นภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้นในปี 2011 ด้วยการพูดคุยกันระหว่างเฮ็ดและเดวิด เมเซล ผู้ควบคุมงานสร้าง เดวิด เมเซล ผู้ก่อนหน้านี้เป็นผู้ก่อตั้งมาร์เวล สตูดิโอส์ และเป็นผู้วางแผนการเริ่มต้นงานสร้างภาพยนตร์ของสตูดิโอ ซึ่งรวมถึง Iron Man, Thor และ Captain America กำลังมองหาความท้าทายใหม่ ๆ "ผมซื้อไอแพ็ดให้แม่ที่อายุ 80 ปีของผม แล้ววันหนึ่ง ผมก็ได้ยินเธอสบถด่าหมูกลุ่มหนึ่ง" เขาเล่า "ผมสนใจมาก ๆ เกี่ยวกับเกมนี้ที่เด็ก ๆ พ่อแม่ ปู่ย่าตายายเล่นกัน มันเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งในวัฒนธรรมปัจจุบันที่คนทุกรุ่นมีร่วมกันครับ"
เมเซลติดต่อมิคาเอล เฮ็ด ผู้ก่อตั้งโรวิโอ และปัจจุบัน รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างของเรื่อง "ผมได้รับโทรศัพท์จากฮอลลีวูดถามว่าพวกเขาจะสร้างหนังเกี่ยวกับ Angry Birds ได้รึเปล่า ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมตระหนักว่าหนังเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการผจญภัยครั้งนี้ครับ" เมื่อจอห์น โคเฮน ผู้ที่ก่อนหน้านี้ได้มีบทบาทสำคัญในการส่ง Despicable Me สู่จอเงิน ได้ยินว่าเฮ็ดและเมเซลกำลังคิดที่จะดัดแปลงภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาก็ติดต่อเมเซลทันที โคเฮนกล่าวว่า "พอผมเข้ามา ผมก็ได้รู้ว่าผมเป็นคนแรกที่โทรหาเดวิดบอกว่าอยากจะอำนวยการสร้างหนังเรื่อง The Angry Birds Movie โดยส่วนตัวแล้ว ผมใช้เวลาเล่นเกม Angry Birds นานมากๆ ซึ่งตอนนี้ ผมสามารถบอกได้อย่างเต็มปากว่ามันเป็นการค้นคว้าข้อมูลสำหรับหนังเรื่องนี้ครับ"
ในการอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ โรวิโอได้ก่อตั้งโรวิโอ อนิเมชัน ซึ่งจะรักษาอำนาจควบคุมด้านครีเอทีฟเหนือตัวละครและให้ทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เองได้ ด้วยรูปแบบนี้ โรวิโอก็สามารถทำให้แน่ใจว่าองค์ประกอบหลักที่ผู้ชมชื่นชอบเกี่ยวกับ Angry Birds จะปรากฏในภาพยนตร์ฉบับสมบูรณ์ด้วย ในปี 2012 เฮ็ด, มิกโก้ พอลลา (ผู้บริหารฝ่ายครีเอทีฟที่โรวิโอ) และโคเฮนก็ได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเรื่องราวออริจินอลของภาพยนตร์เรื่องนี้
การสร้างสตูดิโออนิเมชันจากศูนย์นำมาซึ่งการรวมตัวกันของผู้มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้าของวงการอนิเมชันมากมาย โคเฮน, เฮ็ดและเมเซลเริ่มจากการจ้างมือเขียนบทจอน วิตตี้ ผู้เป็นคนสำคัญของ "Simpsons" ที่เขียนบทเอพิโซดจำนวนมากของซีรีส์อายุยืนนี้และได้ร่วมทำงานในภาพยนตร์เรื่อง The Simpsons Movie และได้ร่วมงานกับโคเฮนในแฟรนไชส์ Ice Age, Alvin and the Chipmunks และ Dr. Seuss’ Horton Hears a Who! หลังจากนั้น โคเฮนก็นำแคทเธอรีน วินเดอร์มาร่วมอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กับเขา ก่อนหน้านี้ วินเดอร์เคยทำหน้าที่ผู้บริหารที่ทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ อนิเมชันและทำงานภายใต้จอร์จ ลูคัสเพื่อนำแบรนด์ Star Wars สู่แวดวงอนิเมชันมาแล้ว
สำหรับเมเซล การผสมผสานความคิดอ่านของกลุ่มทีมงานหลักที่มีส่วนต่อความสำเร็จที่หลากหลายเหล่านี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้ The Angry Birds Movie สร้างความแตกต่างฐานะความบันเทิงสำหรับคนทุกรุ่น ในปี 2013 โซนี พิคเจอร์สเข้ามาในฐานะพันธมิตรในการจัดจำหน่าย
วินเดอร์กล่าวว่า หนึ่งในส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดของความท้าทายในการนำ Angry Birds ขึ้นสู่จอเงินคือความจริงที่ว่าคนจำนวนมากมายเหลือเกินมีความผูกพันกับเกมนี้ "Angry Birds มีระดับความรับรู้ 91% ทั่วโลกค่ะ" เธอกล่าว "ทุกคนรู้จักว่าตัวละครพวกนี้เป็นใคร ดังนั้น ความคาดหวังก็เลยสูงมาก ดังนั้น เราก็เลยตั้งเป้าไว้สูง เราอยากจะทำให้แน่ใจว่าแฟนๆ ทั่วโลกจะพอใจกับหนังเรื่องนี้ค่ะ"
ในทุกๆ แง่มุม The Angry Birds Movie เป็นบทสรุปของแผนการระยะยาวที่จะต่อยอดเกมนี้สู่จอเงิน แม้ว่าตัวละครกราฟิกจากเกมจะปรากฏในสื่ออื่นๆ เช่น Angry Birds Toons แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำแฟรนไชส์นี้ไปสู่ระดับใหม่ที่ยิ่งใหญ่ยกตัวอย่างเช่น โรวิโอตัดสินใจที่ไม่โชว์นกพวกนี้พูดได้ หรือมีปีกและขา จนกระทั่งตอนนี้ "โรวิโอพยายามจะปกป้องเรื่องราวเริ่มต้นนั้น เพื่อที่เราจะได้บอกเล่ามันเป็นครั้งแรกในหนังเรื่องนี้ครับ" เมเซลกล่าว
สำหรับบ้านของนกพวกนี้ เป้าหมายก็คือการต่อยอดจากพื้นฐานของเกมนี้เช่นเดิม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีภาพเต็มไปด้วยรายละเอียด ในแบบที่ผู้ออกแบบงานสร้างพีท ออสวัลด์เรียกว่า "การสร้างสไตล์โดยแต่งแต้มความสมจริงเข้าไป" และ "คุ้นเคยแต่ก็คาดไม่ถึง" สำหรับแฟนๆ ของเกม "เราอยากจะสร้างมิติใหม่ให้กับโลกของ Angry Birds ตั้งแต่ลุคของหนังไปจนถึงสีสัน เท็กซ์เจอร์และอนิชัน เราสามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นได้จากพื้นฐานของเรื่องราวและคอเมดีที่มือเขียนบทได้ปูเรื่องไว้น่ะครับ"
แน่นอนว่าทีมผู้สร้างได้สร้างโลเกชันสำคัญสองแห่ง นั่นคือโลกที่เขียวชะอุ่มของเกาะนก และโลกที่พิสดารของเกาะหมู ในสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ นักวาดภาพสามารถปลดปล่อยจินตนาการที่น่าขบขันของพวกเขาให้โลดแล่นได้ "มันมีมุขด้านวิชวลเยอะแยะเลยครับ" ออสวัลด์ กล่าว
The Angry Birds Movie ได้รับเรท PG โดยสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งอเมริกาจากอารมณ์ขันหยาบคายและแอ็กชัน ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศในวันที่ 20 พฤษภาคม ปี 2016