"แพรว เฌอมาวีร์ สุวรรณภานุโชค" นางเอกสาวจาก MV ภูมิแพ้กรุงเทพ ที่มาครั้งนี้เธอรับบทเป็น "ทองกวาว" ขวัญใจนายคล้าว จากภาพยนตร์เรื่อง มนต์เลิฟสิบหมื่น ลองไปทำความรู้จักกับเธอกัน

บทบาท คาแรคเตอร์
เรื่องนี้แพรวรับบทเป็น "ทองกวาว" ในเวอร์ชั่นนี้ก็ยังคงลักษณะของทองกวาวเหมือนที่ผ่านๆ มาก็จะเป็นกุลสตรีเรียบร้อย  แล้วก็รู้จักกาลเทศะ เป็นคนอ่อนหวานนุ่มนวล แล้วก็รักเดียวใจเดียวค่ะ

คาแรคเตอร์เหมือนหรือต่างจากตัวเรายังไงบ้าง
เอาตรงๆเลยนะคะคือต่างมาก เพราะทองกวาวเค้าจะเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย พูดจานุ่มนวลจะค่อยๆพูด แต่แพรวตัวจริงจะเอะอะหน่อย  แล้วก็จะแมนๆ อย่างพอถึงพวกฉากบู๊หรือฉากเต้นเราก็อยากจะโดดไปเล่นกับเค้ามาก (หัวเราะ) แต่ก็มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่บ้างก็คือความเป็นกุลสตรีไทยที่เราต้องรักนวลสงวนตัว รักเดียวใจเดียว แล้วก็ซื่อสัตย์อะไรอย่างนี้ค่ะ

เรื่องนี้แตกต่างจากผลงานที่ผ่านๆ  มาของแพรวอย่างไรบ้าง
แพรวเคยเล่นหนังนะ แต่ตอนนั้นแพรวยังเด็กอยู่ พอมาเรื่องนี้แล้วเรารู้สึกว่าเราพร้อมกว่าเดิม มันใช่ มันสนุก แล้วแพรวก็เต็มที่กับมัน ส่วนคาแรคเตอร์ก็ไม่เคยเล่นเรียบร้อยขนาดนี้มาก่อนเลย แล้วพอแพรวรู้ว่าจะได้เล่น ก็มีแต่คนถามว่าได้ดูเวอร์ชั่นเก่าหรือเปล่า แพรวไม่กล้าดู แพรวกลัวติดภาพ กลัวไปจำ แต่แพรวก็อาศัยถามเอาว่าภาคเก่าเค้าเป็นยังไง  ก็ถามคุณแม่แล้วก็พี่ๆ ที่เค้าเคยดู แล้วเราก็จะมีการปรึกษากับผู้กำกับฯ ว่าเราควรจะแสดงยังไง จะเล่นเรียบร้อยแนวไหนอะไรแบบนี้ค่ะ

ความยากง่ายสำหรับบททองกวาว
คือพอพูดถึงบททองกวาว ทุกคนก็จะพูดว่าเรียบร้อย ทีนี้จะเรียบร้อยยังไงให้ไม่ให้มันเรียบร้อยจ๋า แพรวก็เลยไปขอคำแนะนำว่าควรจะตีความตัวละครตัวนี้ยังไง แล้วก็เลยรู้สึกว่าผู้หญิงเรียบร้อยคือผู้หญิงที่มีกาลเทศะพูดเมื่อควรจะพูด แล้วก็พูดเพราะอะไรแบบนี้ แต่ทีนี้มันก็จะมีปัญหาตอนที่ไปเข้ากับพวกพี่แจ๊ส แพรวก็จะไปไม่เป็นว่าเราจะเรียบร้อยยังไงให้มันมีความเป็นคอมเมดี้ด้วย พี่เค้าก็จะบอกให้เราชิลล์ๆไป แค่รู้กาลเทศะ ถามว่าเล่นได้มั้ย คือเล่นได้ แต่เราก็จะมีกรอบคาแรคเตอร์ของเรานิดนึงค่ะ

เวอร์ชั่นนี้แตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ  อย่างไรบ้าง
พวกคาแรคเตอร์จะไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมาย แต่ว่าลุกส์ภายนอก การแต่งตัวและทรงผมก็จะเปลี่ยนไป พี่โต๊ะบอกว่าอยากให้ซอฟต์ลง ปรับให้ดูทันสมัยมากขึ้น แล้วก็มีความเป็นชาวบ้านมากขึ้น การแต่งหน้าจะซอฟต์ลง แล้วก็จะปล่อยผมธรรมดา จะไม่ได้เป็นพีเรียดจ๋าค่ะ แล้วในเวอร์ชั่นนี้ก็จะมีการเล่าเรื่องมิตรภาพ การช่วยเหลือกันของเพื่อนๆ แล้วก็มีในส่วนของพี่คล้าวที่เค้าจะต้องสู้กับพ่อเราก็คือพี่ปั๋ง ก็จะได้เห็นถึงการฝ่าฟันอุปสรรค กว่าคุณพ่อเราจะยอมรับ ก็จะทำให้เห็นว่าความรักของเรากับพี่คล้าวต้องผ่านอะไรบ้าง ความโดดเด่นก็คือความเป็นมิวสิคัล แล้วก็มีความทันสมัยมากขึ้น แล้วก็จะออกเป็นแนวคอมเมดี้สนุกสนานเฮฮาเบาสมองค่ะ

โปรดักชั่นงานสร้างของหนัง  
โปรดักชั่นงานสร้างใหญ่โตค่ะ สวยมาก ยิ่งฉากงานวัดหรือฉากหนังต่างๆ ซึ่งพี่ๆ พันธมิตรเค้าก็จะถนัดอยู่แล้ว แล้วมันก็จะมีพวกโปสเตอร์ภาพวาด อย่างเช่น มิตร ชัยบัญชา หรืออินทรีแดง  ซึ่งหนูไปถามน้าเกรียงมา เค้าบอกว่าของพวกนี้เป็นแสนเลยนะ แล้วก็หาดูยากมาก พี่ๆทีมฝ่ายฉาก ฝ่ายพร็อพเค้าก็ไปสรรหามา ซึ่งแพรวว่ามันสวยมาก

เล่าถึงความโดดเด่นของฉากงานวัดหน่อย
ฉากงานวัดก็จะเป็นที่ๆหนุ่มสาวสมัยก่อนเค้าไปเจอกัน และด้วยความที่ตัวเราไม่สามารถไปหาพี่คล้าวได้ตลอดเวลา เราก็จะแอบมาเจอพี่คล้าวที่งานวัดซะส่วนใหญ่ ส่วนตัวบูมหรือบุปผาก็จะออกมาเจอพี่แจ๊สหรือพี่แว่นค่ะ ฉากงานวัดก็เป็นฉากที่มีครบทุกอย่างเลย มีตั้งแต่จู๋จี๋ เดินพรอดรักกัน จนถึงชกกันด้วยก็คือวันนั้นเหมือนเราไปยืนฟังเพลง กุ๊กกิ๊กอยู่กับพี่นิว แล้วทีนี้พี่ปูไข่ซึ่งเล่นเป็นพี่เจิดเค้ามาเห็น  ก็มีเรื่องกัน แล้วคือทั้งคู่เหมือนกำลังจะชกกันอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เพลงมันกำลังมันส์ ก็เลยมีพวกเด็กสแกนเข้ามาเต้นขวางแล้วเค้าก็จะผลักกันไปผลักกันมา ฮามาก ตอนนั้นหนูกลั้นขำเต็มที่มาก แต่ว่าวันนั้นก็ถ่ายกันนานเหมือนกัน แล้วก็มีฉากพากย์หนังอีก ซึ่งเราเองก็จะเห็นพวกเทคนิค หรืออุปกรณ์ที่ใช้ทำเสียงเอฟเฟกต์ เราเองก็ได้เห็นอะไรที่เราไม่เคยเห็นด้วยค่ะ ตื่นตาตื่นใจเหมือนกันค่ะ

ประทับใจฉากไหนบ้าง
แพรวจะชอบพวกฉากที่เป็นมิวสิคัล คือถึงแม้เราจะไม่ได้ไปเต้นอะไรกับเค้า แต่แพรวรู้สึกว่ามันดี แล้วเราก็สนุกไปด้วย คือฉากพวกนี้จะเป็นฉากใหญ่ มีคนเข้าฉากเยอะแล้วทุกคนทำเต็มที่มาก มันส์มากค่ะ อย่างเพลง "สิบหมื่นไ ของพี่นิวคือสนุกมาก วันนั้นอยากเต้นมากเลย แต่เราก็ได้แต่ยืนเรียบร้อย

การร่วมงานกับทีมนักแสดง
ก็ดีใจที่ได้ร่วมงานกับทุกคนค่ะกับพี่นิวจริงๆเราเคยเจอกันแล้วใน MV เพลงภูมิแพ้กรุงเทพ มาก่อนหน้านี้แล้ว พี่นิวเก่งค่ะ เวลาเค้าส่งอารมณ์มาเราก็จะอินไปกับเค้าด้วย ส่วนบูมที่เล่นเป็นบุปผาก็จะเล่นคู่กันตลอด ก็จะสนิทกันได้พูดคุยเล่นกันตามประสาผู้หญิงค่ะ ส่วนพี่ปั๋งเจอกันวันแรกก็คิดมุกให้เสร็จสรรพเลย พี่เค้าก็จะคอยแนะนำ แล้วเป็นคนที่จังหวะดี สมาธิดีมาก คือพี่ปั๋งเค้าจะมีลูกคู่คือน้าเกรียงที่เล่นเป็นหมึก ซึ่งน้าเค้าก็จะคอยหยอดมุกแทรกมาตลอดๆ คือถ้าเป็นหนูคงหลุดขำ แต่พี่ปั๋งเค้าสมาธิดีมาก พี่ปั๋งไม่หลุดเลย แล้วยิงต่อได้ด้วย เป็นนักแสดงที่มีสมาธิดีมากแล้วก็เก่งมากค่ะ

การร่วมงานกับพี่โต๊ะผู้กำกับฯ
พี่โต๊ะน่ารัก พี่โต๊ะใจดีมาก เจอกันวันแรกก็งงๆ คือเค้าบอกว่าผู้กำกับฯ เรียกไปดูตัว  เราก็ไปกับผู้จัดการ เจอพี่โต๊ะเราก็สวัสดีพี่เค้า  ทีนี้เค้าก็ยื่นกระดาษมาให้แล้วบอกให้อ่านให้ฟัง หนูก็งง  ก็อ่านบทให้เค้าฟัง เค้าบอกอืมโอเค ชอบ เค้าแค่อยากรู้ว่าเสียงเราเพราะหรือเปล่า แพรวก็งงว่าแค่นี้หรอคะ หนูก็ได้มาแบบงงๆ แต่คือพี่โต๊ะเค้าก็บอกว่าเค้าหาพระเอกก่อน แล้วเค้าไปเห็นพี่นิวใน MV ภูมิแพ้กรุงเทพ ซึ่งเค้าก็บอกว่าเห็นเราพอดี แล้วชอบ ก็เลยได้มีโอกาสมาร่วมงานกับพี่โต๊ะ ก็ดีใจมากๆ ที่พี่เค้าให้โอกาสค่ะ ด้วยความที่พี่เค้าเป็นนักพากย์  พอเวลาเราอ่านบทซ้อมบท บางทีพี่เค้าก็จะคอยบอกว่าเสียงยังไม่ได้นะ เพราะว่าพี่เค้าก็จะค่อนข้างซีเรียสเรื่องการใช้เสียง การออกเสียง พี่เค้าก็จะมีแนะนำค่ะ แล้วพี่โต๊ะเค้าก็จะพูดว่าบางทีแพรวไม่ต้องอะไรมาก เพราะพี่ชอบแพรวใน MV อยู่แล้ว คือเหมือนนิ่งๆ เรียบร้อย เค้าก็จะบอกให้หนู Keep คาแรคเตอร์ประมาณนั้นไว้ค่ะ

ความพิเศษของ "มนต์เลิฟสิบหมื่น"
"มนต์เลิฟสิบหมื่น" ที่ทำโดยทีมพันธมิตร เราก็จะได้เห็นหลายๆ คนที่เราอาจจะได้ยินแต่เสียงเค้ามาตลอดแต่ไม่เคยเห็นหน้า แล้วมันก็จะมีความเป็นมิวสิคัลด้วย ซึ่งแพรวว่ามันตลกดีนะ แพรวว่ามันมีเสน่ห์ แล้วก็น่าติดตาม  แล้วมันก็จะเป็นเรื่องความรักระหว่างเพื่อน ความทุ่มเท การช่วยเหลือกัน การพิสูจน์ความดี แล้วก็เรื่องของรักแท้ทั้งระหว่างเรากับพระเอก แล้วก็รักแท้และความหวังดีของเพื่อน ก็จะเป็นคอมเมดี้น่ารักอบอุ่น ทุกคนดูแล้วคงได้ยิ้ม  ได้หัวเราะ แล้วแพรวว่ามันเป็นอะไรที่เรียบง่ายด้วย
เพราะว่าเค้าก็ลดความเป็นพีเรียดให้ดูซอฟต์ลง เพราะฉะนั้นคนดูก็จะรู้สึกว่าไม่ไกลตัว ก็จะเข้าถึงง่าย  แล้วก็จะรู้สึกอบอุ่น แฮปปี้ มีความสุขเฮฮาตามไปด้วยค่ะ

เรื่องนี้ทุกคนตั้งใจทำงาน แพรวก็ตั้งใจ  ทุกคนทำงานด้วยใจ แพรวอยากให้ทุกคนชอบหนังเรื่องนี้ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชมจะได้รับความสนุกสนาน แล้วดนตรีก็สนุกมาก เตรียมแดนซ์กันได้เลย มันส์มาก แล้วก็จะมีความน่ารักสดใส ความสบายใจ  ความอิ่มใจที่จะได้ดู มันเป็นหนังที่ผ่อนคลายค่ะ  ก็ขอฝาก "มนต์เลิฟสิบหมื่น" ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ