1 สัปดาห์ กับนักแสดงและทีมสตันท์กว่า 150 คน กับฉากแอ๊คชั่นแบบไม่มียั้งท่ามกลางโคลนและฝน
"ไม่ว่านี่จะเป็นภาพยนตร์แนวไหนก็ตาม แต่ฉากแอ๊คชั่นนั้นจะต้องมีเพื่อเป็นส่วนเสริมของดราม่าในเรื่อง" ผู้กำกับ ยูฮา กล่าวถึงแนวทางในการกำกับฉากแอ๊คชั่น ที่เป็นส่วนใหญ่ของภาพยนตร์เรื่อง Gangnam Blues ฉากสำคัญที่จองแดกับยองกีจะต้องสู้กับศัตรูนั้น มีความสำคัญมากกว่าฉากดราม่าฉากไหนๆในเรื่อง ฉากแอ๊คชันในภาพยนตร์เรื่องนี้ ออกมาจากคาแร็กเตอร์ที่ต้องการเอาชีวิตรอด ตัวอย่างที่เห็นได้ฉากหนึ่งคือฉากการปะทะกันของสองแก๊งค์ท่ามกลางโคลน ผู้กำกับยูฮาต้องการเสนอถึงชะตากรรมของสองตัวละครและความสิ้นหวังขณะที่พวกเขาต้องสู้กับศัตรูท่ามกลางโคลน ทีมงานต้องพยายามอย่างมากที่จะหาจุดที่เหมาะสมในการถ่ายทำโดยต้องนำดินมาเทในบริเวณนั้น เพื่อให้ฉากแอ๊คชั่นมีความสมจริง ฉากนี้จึงถ่ายทำด้วยกล้องสเตดิแคม เพื่อให้สามารถถ่ายทำเทคที่มีความต่อเนื่องยาวนานได้ ฉากนี้ใช้นักแสดงและสตันท์กว่า 150 คน ในการถ่ายทำวันละ12 ชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ท่ามกลางสายฝน
เพราะฉากนี้ถ่ายทำโดยไม่มีการใช้ตัวแสดงแทน นักแสดงจึงได้รับบาดเจ็บจริงๆในการถ่ายทำและต้องเดือดร้อนจากโคลน นักแสดงหลายคนต้องเข้าโรงพยาบาล หลังการถ่ายทำในแต่ละเทค ผู้ช่วยผู้กำกับจะตะโกนถามว่า มีใครได้รับบาดเจ็บมั้ย อีมินโฮได้รับบาดเจ็บที่นิ้วโป้งในการถ่ายทำฉากนี้และต้องฉีดมอร์ฟีนเพื่อให้สามารถถ่ายทำฉากนี้ได้จนจบ ฉากนี้ไม่เพียงแต่เป็นฉากที่ตัวละครต้องกระเสือกกระสนเท่านั้น แต่การถ่ายทำฉากนี้เป็นเสมือนสงครามสำหรับนักแสดง สตันท์ และทีมงาน ขณะที่ฝนตกลงมาจนดินกลายเป็นโคลน ไม่มีใครสามารถแยกแยะออกได้ว่าคนไหนคือเพื่อนคนไหนคือศัตรู การแค่จะเดินข้ามทุ่งนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ในสภาพที่หนักหนาสาหัสขนาดนั้น นักแสดงทุกคนรวมทั้งอีมินโฮและคิมแรวอนทุ่มเทใจและจิตวิญญาณในการถ่ายทำฉากนี้จนเสร็จสิ้นตามที่ผู้กำกับต้องการ
"Gangnam Blues: กังนัม บลูส์ โอปป้า ซ่ายึดเมือง"
29 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์