1. แชนนิง ทาทัม และ มาร์ค รัฟฟาโล ต้องทำการฝึกฝนกีฬา “มวยปล้ำ” อย่างหนักด้วยกันเป็นเวลา 5 – 6 เดือน พวกเขาทุ่มเท และเหน็ดเหนื่อยกันเป็นอย่างมากถึงขนาดที่ว่าพอถึงวันสุดท้ายของการฝึกกีฬามวยปล้ำและวันสุดท้ายของการถ่ายทำ แชนนิง ทาทัม และ มาร์ค รัฟฟาโล ก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมาในทันที
2. “แนนซี่ ชูทส์” ผู้ซึ่งเป็นภรรยาของ เดฟ ชูทส์ ได้มอบแว่นตาของสามีเธอให้กับ มาร์ค รัฟฟาโล ดังนั้นแล้วแว่นตาที่ มาร์ค รัฟฟาโล ใส่แสดงในหนังก็คือแว่นตาจริงๆของ เดฟ ชูทส์
3. สตีฟ คาเรลล์ ต้องใส่จมูกเทียมเพื่อรับบทเป็น “จอห์น ดู ปองท์” ในภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเขาต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการเมคอัพ รวมไปถึงต้องแต่งทรงผมใหม่และเมคอัพเปลี่ยนสีผิว
4. ด้วยความที่โปรเจ็คต์ “FOXCATCHER” ได้ใช้เวลาหลายปีในการสร้าง ดังนั้นในช่วงแรกของการเปิดโปรเจ็คต์ ได้เคยมีชื่อของนักแสดงอย่าง ฮีธ เลดเจอร์, ไรอัน กอสลิ่ง และ บิล ไนอี เข้ามาเกี่ยวข้องในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
5. ภาพยนตร์จากการตัดต่อในร่างแรกนั้น มีความยาวถึง 4 ชั่วโมง
6. ในฉากที่ แชนนิง ทาทัม ได้เอาหัวโขกเข้ากับกระจกนั้น จริงๆแล้วไม่มีในบทภาพยนตร์เลยแต่ด้วยความที่เข้าถึงอารมณ์ และบทบาทของตัวละครสุดๆ เขาจึงตัดสินใจด้นสดการแสดงแบบนั้นออกมาเอง
7. จริงๆแล้วผู้กำกับ เบนเนธ มิลเลอร์ จะได้ทำโปรเจ็คต์ “FOXCATCHER” นี้ตั้งแต่ปี 2011 แล้ว แต่ตัวเขาดันต้องติดงานไปนั่งแท่นกำกับภาพยนตร์เรื่อง “Moneyball”(2011) แทนก่อน เพราะว่าผู้กำกับอย่าง สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก ได้ถอนตัวออกจากโปรเจ็คต์นั้นไป
8. หนึ่งในนักมวยปล้ำที่ เดฟ ชูทส์ ได้เคยฝึกสอนมากับมือก็คือ “เคิร์ต แองเกิล” ซึ่งตอนนี้เขาได้กลายเป็นนักมวยปล้ำแสนโด่งดังแห่งค่าย WWE และ TNA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
9. สตีฟ คาเรลล์ ใช้เวลาในการศึกษาตัวละคร “จอห์น ดู ปองท์” อยู่หลายชั่วโมง ผ่านทางการดูวีดีโอฟุตเทจตัวจริงของเขา สตีฟได้เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เอาไว้ว่า“ผมดูวีดีโอฟุตเทจเหล่านั้น และอ่านข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาให้มากที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้ เพื่อที่ว่าผมจะได้ทำการแสดงออกมาให้คล้ายคลึงกับตัวเขามากที่สุด”
10. ในการถ่ายทำฉากหนึ่ง แชนนิง ทาทัม ยืนยันที่จะให้ มาร์ค รัฟฟาโล ตบเขาจริงๆไปเลย ซึ่งผลที่เกิดขึ้นก็คือมาร์คได้ตบแชนนิงเข้าอย่างจังจนทำให้แชนนิงถึงกับ "แก้วหูทะลุ" (แก้วหูแตก)กันเลย
FOXCATCHER - ปล้ำแค่ตาย ภาพยนตร์เต็งออสการ์เรื่องแรกของปี
เจ้าของรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ CANNES
พร้อมฉายในไทย 8 มกราคม 2015