คุยกับนาตาลี พอร์ตแมน
คุณประทับใจบทหนังเรื่องนี้ตรงไหน
"บทหนังเขียนโดยแซมี เบิร์ช ซึ่งเป็นบทหนังเรื่องแรกของเธอ ฉันเหลือเชื่อมากว่าเธอเขียนอะไรแบบนี้ออกมาได้ ตอนอ่านบท คุณไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และฉันว่าคนที่ดูหนังก็น่าจะรู้สึกหวาดระแวงแบบนั้นด้วย แซมีเคยทำ Casting (คัดเลือกนักแสดง) มาก่อน เธอจึงรู้จักธรรมชาติตัวละคร รู้จักธรรมชาติของนักแสดง เธอหยิบนำมาผสมกับเรื่องราวในบทได้อย่างน่าทึ่งมาก"
ตอนแรกบทส่งมาเพื่อพิจารณาให้คุณเป็นคนกำกับ แต่ทำไมคุณถึงส่งต่อให้ท็อดด์ เฮย์นส์
"แม้พล็อตจะดูง่าย ๆ แต่ฉันคิดว่าบทเรื่องนี้มีประเด็นค่อนข้างซับซ้อน และหลาย ๆ ประเด็นเป็นสิ่งที่ท็อดด์ เฮย์นส์ ทำออกมาผ่านหนังหลายเรื่องของเขา ตั้งแต่สภาวะภายในของผู้หญิง, การตั้งคำถามกับตัวตน และการแสดงออกภายนอกซึ่งสวนทางกัน บทหนังเรื่องนี้มีโทนที่ไม่เหมือนหนังเรื่องไหนเลย และฉันคิดว่าท็อดด์เป็นคนสร้างโทนในหนังได้มีเอกลักษณ์"
คุณรู้จักท็อดด์ เฮย์นส์มาก่อนหรือเปล่า
"ฉันชื่นชมผลงานของเขามานานมาก ฉันอยากร่วมงานกับเขา อันที่จริงฉันส่งบทหนังไปให้เขาอ่านหลายเรื่องมาก และเขาจะตอบปฏิเสธมาแทบทุกครั้ง จนมาถึง May December ที่เขาตอบมาว่าเขาสนใจ ฉันดีใจจนแทบกระโดด"
ความซับซ้อนอย่างหนึ่งของบทก็คือ ตัวละครของคุณต้องพยายามเลียนแบบ ท่าทางตัวละครของจูลีแอนน์ มัวร์ พวกคุณซักซ้อมกันอย่างไร
"จูลีแอนน์ มัวร์เป็นนักแสดงที่เก่งกาจ และเธอก็ยังใจดีมาก ๆ ด้วย ตอนเธอคิดว่าจะปั้นบทนี้ออกมายังไง เธอยังคิดเผื่อด้วยว่า ต้องเล่นแบบที่ฉันสามารถเล่นเลียนแบบเธอได้ด้วย เราแทบไม่มีเวลาซักซ้อมบทเลย เนื่องจากเรามีเวลาทำงานจำกัด และเราก็ถ่ายเรียงตามบท เลยอาจจะง่ายหน่อยที่ตัวฉันค่อย ๆ ซึมซับบุคลิกท่าทางตัวละครของเธอ"
ตัวละครของคุณเป็นนักแสดงที่อยากลองอะไรที่ท้าทาย คุณเองก็เป็นแบบนั้นด้วยหรือเปล่า
"แน่นอน ฉันรู้สึกเหมือนเป็นหน้าที่เลยทีเดียวล่ะ เมื่อคุณอยู่ในวงการมานาน การเล่นอะไรซ้ำ ๆ ทำให้คนดูหมดความสนใจในตัวคุณ และตัวคุณเองก็จะหมดไฟด้วย คุณต้องพยายามหาอะไรใหม่ ๆ หรือวิธีการใหม่ ๆ ในการทำงานอยู่เสมอ"
เนื่องจากตัวละครของคุณมีความใกล้เคียงกับตัวคุณมาก คุณได้ใส่ตัวเองเข้าไปในบทหรือมีการปรับเปลี่ยนบทบ้างหรือเปล่า
"ไม่มีเลย ทุกอย่างในหนัง คำพูดทุกคำมาจากบทของแซมี เบิร์ช แม้ฉันจะเป็นนักแสดงมา 30 ปี แต่หน้าที่ของฉันคือเล่นบทที่เขียนมา ฉันต้องเอาประสบการณ์ที่มีมารับใช้บทที่ฉันเล่นมากกว่า"
มีส่วนไหนในหนังอีกหรือเปล่าที่คุณเข้าอกเข้าใจมันเป็นพิเศษ
"ฉันเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็ก และกลายเป็นบุคคลสาธารณะที่ไปไหนใคร ๆ ก็รู้จัก ฉันคิดว่าฉันเข้าใจสิ่งที่เกรซี (ตัวละครของจูลีแอนน์ มัวร์) ต้องเผชิญ เหมือนเราต้องมี 2 บุคลิก คือบุคลิกที่ต้องสร้างเพื่อคนภายนอก และบุคลิกเวลาเราอยู่หรือเราคุยกับตัวเอง"
คุยกับจูลีแอนน์ มัวร์
อะไรทำให้คุณสนใจบท เกรซี ใน May December
"ปกติเวลาฉันเห็นบทหนังที่มีตัวนำหญิง 2 คน มันมักจะพูดเรื่องผู้หญิงมีความสัมพันธ์กัน มีความรัก หรืออะไรทำนองนั้น แต่กับหนังเรื่องนี้ มันเป็นหนังว่าด้วยผู้หญิงที่พยายาม เอาชนะกันโดยคิดว่า ต่างฝ่ายต่างรู้จริงที่สุด เกรซีคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเธอ แต่เอลิซาเบธ (ตัวละครของนาตาลี พอร์ตแมน) เชื่อว่าเกรซีไม่เข้าใจตัวเอง เธอต่างหากที่เข้าใจ"
คุณกับนาตาลี พอร์ตแมนเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า
"ฉันเคยเจอและทักทายกันตามงานแค่นั้น ไม่เคยร่วมงานและไม่ได้นั่งคุยกันยาว ๆ เลย แต่พอได้มาทำงานด้วยกันจริง ๆ เรากลับสนิทกันอย่างรวดเร็ว เรามีเวลาถ่ายหนังแค่ 23 วันเท่านั้น แต่เราก็พยายามเตรียมตัวมาอย่างดี"
หนังพูดถึงนักแสดงหญิงที่เตรียมตัวกับบทที่ตนจะต้องเล่น คุณเองก็เป็นนักแสดงมืออาชีพ คุณเตรียมตัวกับบทนี้ยังไงบ้าง
"เบื้องต้นเลยก็คือ เกรซีทำอาชีพอบขนมขาย ฉันเลยต้องไปคลุกคลีกับคนที่ทำอาชีพอบขนมขาย ฉันไปเรียนจัดดอกไม้ เพื่อจะได้รู้ท่าทางของคนที่จัดดอกไม้เป็นกิจวัตร ฉันคงไม่รีเสิร์ช ตัวละครจนน่ากลัวขนาดเอลิซาเบธหรอก แต่อย่างน้อย ๆ ก็ไม่อยากให้คนดูดูแล้วคิดในใจว่า 'เขาไม่ได้ทำกันแบบนั้นนะ'"
ทำไมคุณออกแบบให้ตัวละครเกรซีพูดตัว S ไม่ชัด
"ฉันคิดว่า เกรซีมีความเป็นเด็กในตัวเธอ ลึก ๆ แล้วเธอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่รอ เจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย แม้ว่าเจ้าชายของเธอจะอายุ 13 ฉันเลยออกแบบให้เธอ มีความเป็นเด็กบางอย่าง อย่างการออกเสียงตัว S เป็น Th ซึ่งตรงนี้มันช่วยให้ตัวละคร ของนาตาลีได้เลียนแบบฉันง่ายขึ้นด้วย"
นี่เป็นการร่วมงานกับท็อดด์ เฮย์นส์เป็นครั้งที่ 5 แล้ว เคยมีครั้งไหนที่เขาชวนคุณมาเล่นแล้วคุณตอบปฏิเสธไหม
"ไม่มีเลย ฉันไม่นึกไม่ฝันเลยตอนไปออดิชันบทใน Safe เมื่อ 30 ปีก่อน ว่าเขากับฉันจะทำงานด้วยกันมายาวนานขนาดนี้ แต่เขาเป็นศิลปินที่มีเอกลักษณ์ เขาสนใจเรื่องตัวตน เรื่องการแสดง เรื่องเพศ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันตื่นเต้น ฉันคิดว่าเราสองคนมีรสนิยมคล้าย ๆ กัน"
คุณรับบทตัวละครที่ซับซ้อนมาหลายครั้งแล้ว มีครั้งไหนบ้างไหมที่คุณสลัดตัวละครไม่หลุดหลังจากถ่ายเสร็จแล้ว
"คนดูก็มีหน้าที่อินไป ส่วนหน้าที่ของฉันคือการเตรียมตัวให้มากที่สุด จำบทให้แม่น แสดงอารมณ์ออกมาให้ได้ และไม่ลืมข้อมูลที่หามา เพื่อให้ฉาก ๆ นั้นออกมาสมจริงที่สุดต่อหน้ากล้อง เวลาแสดงมันเหมือนมีพลังงานปะทุออกมาจริง ๆ แต่พอถ่ายจบ ก็จบกันไป เตรียมฉากต่อไป แค่นั้นเลยจริง ๆ"
May December รัก ร่าน ร้าย
เปิดรอบสนีค 7-13 มีนาคม 1 ทุ่มเป็นต้นไป
ฉายจริง 14 มีนาคม