บทบาทพ่อมดน้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทำให้ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ (Daniel Radcliffe) กลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในระดับโลก และสามารถหาเงินได้อย่างมหาศาลตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งนั่นมันทำให้เขาอยู่ในจุดที่พิเศษไม่เหมือนใครท่ามกลางเพื่อนนักแสดงมากมายในวงการฮอลลีวูด แต่หลังจากภาพยนตร์ Harry Potter ปิดฉากลง เราก็แทบไม่ได้เห็น แรดคลิฟฟ์ ร่วมแสดงในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ แต่กลับไปปรากฏตัวในภาพยนตร์อินดี้ซะส่วนใหญ่ ซึ่ง แรดคลิฟฟ์ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Digital Spy ว่าเขามีหลักการเพียงข้อเดียวเท่านั้นในการเลือกรับงานแสดง ก็คือเลือกทำในสิ่งที่เขาแฮ๊ปปี้และอยากดู
"ผมได้มาอยู่ในจุดที่โชคดีอย่างเหลือเชื่อซึ่งมันเร็วกว่าคนส่วนใหญ่มาก และผมก็สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ เพราะผมอยากจะทำ มันก็ไม่ได้มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนั้นนะครับ และผมก็เลือกทำในสิ่งที่ผมคิดว่ามันจะทำให้ผมมีความสุขที่ได้ทำ แต่ก็ต้องเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมมีความสุขที่ได้เห็นพัฒนาการในการแสดงของผมด้วย" แรดคลิฟฟ์ เผย ก่อนจะเสริมถึง The Lost City ผลงานภาพยนตร์เรื่องต่อไปของเขาว่า "ตอนที่ผมได้อ่านบท The Lost City ผมรู้สึกว่า 'ใช่เลย!' คือผมหมายถึง ผมคิดว่ามีกฎหลักที่ดีข้อหนึ่งในการเลือกงานด้วยก็คือ 'ทำหนังที่คุณอยากจะดู' ตอนที่ผมได้อ่านบทหนังเรื่องนี้ ผมคิดว่า 'ผมก็แค่อยากดูหนังเรื่องนี้!' แล้วหลังจากได้มาเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้น่ะหรอครับ? คุณรู้ไหม มันดียิ่งขึ้นไปอีก"
แรดคลิฟฟ์ ยังเผยถึงความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานกับ แซนดร้า บูลล็อค (Sandra Bullock) และ แชนนิ่ง เททัม (Channing Tatum) ใน The Lost City อีกว่า "ใช่ครับ มันเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่ได้มาร่วมงานกับ แซนดร้า และ แชนนิ่ง โอกาสที่ได้มาเล่นเป็นคนเลวแบบนี้ แต่มันก็เป็นแนวฮา ๆ นะครับ ดูเหมือนว่ามันก็เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งนะ"
นอกจาก บูลล็อค กับ เททัม แล้ว ในภาพยนตร์ The Lost City ก็ยังมีนักแสดงคนดังอย่าง แบรด พิตต์ (Brad Pitt) มาร่วมสร้างสีสันด้วย แต่น่าเสียดายที่ แรดคลิฟฟ์ ไม่มีโอกาสได้ถ่ายทำร่วมกับ พิตต์ เลย ซึ่งเขาเปิดเผยในรายการ Magic Radio Breakfast ว่า "จริง ๆ แล้ว ในหนังเรื่องนี้ผมไม่ได้ถ่ายทำร่วมกับ แบรด พิตต์ เลย ซึ่งผมก็รู้สึกเศร้านิดหน่อย และยิ่งเศร้าไปกว่าเดิมอีกเพราะมีผู้หญิงบางคนในชีวิตของผมอยู่ด้วย พวกเขาบอกว่า 'นายควรสู้เพื่อจะได้ไปอยู่ในฉากในวันนั้นด้วย' แต่ผมบอกไปว่าผมไม่อยากจะวิ่งเข้าไป และพูดว่า 'หวัดดี มิสเตอร์ พิตต์ ผมก็อยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วยนะ' ดังนั้นก็เลยไม่มีโอกาสเลย ผมไม่ได้เจอแบรดเลย แต่ยังไงผมก็ยังได้อยู่ในหนังเรื่องเดียวกับเขาอยู่ดี ซึ่งผมแทบยังไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยครับ"
The Lost City มีกำหนดเข้าฉายในบ้านเราวันที่ 21 เมษายนนี้
: