ในภาพยนตร์ของมาร์เวลเรื่อง “Captain America: The Winter Soldier - กัปตันอเมริกา: มัจจุราชอหังการ” แม็คกี้ รับบท แซม วิลสัน หรือ ฟอลคอน ตัวละครใหม่ล่าสุดที่ก้าวกระโดดจากหนังสือการ์ตูนสู่โลกภาพยนตร์ของมาร์เวล “สิ่งที่ผมชื่นชมมากเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้คือมาร์เวลไม่เคยทอดทิ้งเขา พวกเขาตระหนักดีถึงคุณค่าของการมีซูเปอร์ฮีโรเชื้อสายแอฟริกัน/อเมริกันครับ” แม็คกี้กล่าวพลางอธิบายถึงต้นกำเนิดของตัวละครของเขาว่า “ตอนที่เรารู้จักเขาครั้งแรก เขาออกจะผิดเพี้ยนไปนิดๆ แต่สำหรับเรื่องราวในหนังสือการ์ตูนชุด Ultimates มาร์เวลได้สร้างแบ็คกราวน์ที่สมจริงให้กับเขา พวกเขาทำให้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ทหารและทำให้เขาสามารถบินได้ด้วยโปรแกรมทางการทหาร พวกเขาทำให้ฟอลคอนเป็นเหมือนรหัสแทนที่จะเป็นชื่อจริงของเขาน่ะครับ”
แม็คกี้กล่าวเสริมว่า “การได้เป็นซูเปอร์ฮีโรเป็นเหมือนฝันเป็นจริงเลยครับ ตอนที่ผมได้เข้าวงการมาใหม่ๆ เป้าหมายสองอย่างของผมคือการได้เล่นหนังเวสเทิร์นและการได้เป็นซูเปอร์ฮีโร ซึ่งผมไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วครับ”
แม็คกี้ประทับใจวิธีการที่มาร์เวลนำฟอลคอนขื้นสู่จอเงิน “พวกเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการสร้างฟอลคอนให้เป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง” แม็คกี้กล่าว “ผมรู้สึกเหมือนว่า ตอนที่คุณเห็นแซม วิลสัน และได้ดูหนังเรื่องนี้ มันไม่มีอะไรที่โหดร้ายหรือเสแสร้งในตัวเขา ผมรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นคนดีเยี่ยม เป็นคนที่มีศีลธรรม เขาทำงานร่วมกับกัปตัน อเมริกา และหนุนหลังเขาตลอดเพราะเขาเชื่อในตัวกัปตันอเมริกา ในความฝันแบบอเมริกันและตัวตนของอเมริกา ผมเลยคิดว่ามันก็บ่งบอกอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเขานะครับ”
แม็คกี้อธิบายถึงมิตรภาพและสายสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นระหว่างสตีฟ โรเจอร์สและแซม วิลสันในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “กัปตันและแซม วิลสัน ผูกพันกันด้วยความคิดที่ว่า ทั้งคู่ต่างก็เคยรบในสงคราม กลับมาบ้าน และต้องทนกับความรู้สึกของการตื่นมาทุกเช้า และรับรู้ว่าพวกเขาสูญเสียเพื่อนไปในสงคราม แซมทำงานที่ศูนย์ทหารผ่านศึก เขาให้คำปรึกษาและคอยช่วยเหลือทหารที่รอดชีวิตจากสงคราม และเขาก็ดึงตัวกัปตัน อเมริกามาร่วมงานกับศูนย์นั้นด้วย เพื่อที่เขาจะได้เห็นว่า เขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แซมเข้าใจความรู้สึกของเขาว่าเขาต้องเผชิญกับอะไรบ้าง พวกเขาก็เลยกลายเป็นเพื่อนกันครับ แซมชื่นชมเขา เขาชื่นชมตำนาน เขาชื่นชมเรื่องราวของกัปตัน อเมริกา ความชื่นชมที่เขามีต่อกัปตันนั้นเองที่ก่อกำเนิดเป็นมิตรภาพระหว่างพวกเขาครับ”
แม็คกี้ยอมรับว่า เขามีปฏิกิริยาชัดเจนทุกครั้งที่เขาสวมชุดของฟอลคอน “ทุกครั้งที่ผมสวมชุดนั้น ผมก็อยากจะออกไปข้างนอกและกำราบเหล่าร้ายครับ” แม็คกี้กล่าวกลั้วหัวเราะ “ซึ่งมันก็เป็นเรื่องพิลึกนิดๆ สำหรับผม มันเหมือนการได้เป็นซูเปอร์ฮีโรจริงๆ แต่ผมคิดว่าผมไม่สามารถเป็นซูเปอร์ฮีโรได้ในชีวิตจริงหรอกครับ เพราะผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมคงเป็นผู้ร้ายแน่ๆ ผมคงจะใช้ความสามารถของผมด้วยเหตุผลที่ถูกแต่ผิดวิธีน่ะครับ ถ้าผมสามารถบินได้จริง มันคงจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องแน่ๆ ครับ”
แม้ว่าแม็คกี้จะไม่ได้ฝึกฝนพิเศษหรือทดลองการดิ่งพสุธามาก่อนเพื่อรับบท ฟอลคอน ตัวละครเหินเวหาตัวนี้ แต่เขาก็ฝึกฝนร่างกายในแบบที่จำลองความรู้สึกของการโบยบินได้ “ผมฝึกการกระโดดลงไปในสระน้ำ ผมจะปีนสูงขึ้นไป 10-20 ฟุต แล้วก็กระโดดจากแผ่นกระดาน เพื่อให้ได้ความรู้สึกนั้น น้ำจะเอื้อต่อการกระโดดด้วยระดับความสูงประมาณหนึ่ง แต่ถ้าเปลี่ยนระดับความสูงไป มันก็อาจไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมก็เลยต้องคิดหาคำตอบว่า เส้นแบ่งที่ผมสามารถดิ่งลงน้ำได้มันอยู่ตรงไหน ซึ่งมันช่วยผมได้เยอะเลยครับ”
นอกจากนี้ แม็คกี้ยังได้ฝึกยกน้ำหนักอย่างเคร่งครัด ซึ่งก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง “ผมมีเวลาสามหรือสี่เดือนเพื่อฝึกฝนร่างกายให้เป็นอย่างที่ผมต้องการ” แม็คกี้อธิบาย “ผมก็เลยไปฟิตเนสและเน้นการฟิตรูปร่าง เพราะผมรู้สึกเหมือนว่า ถ้าคุณยืนอยู่ข้างคริส และมีหุ่นอ้วนเผละล่ะก็ คุณก็ดูจะไม่เหมาะกับการยืนอยู่ตรงนั้นครับ”
การร่วมงานกับผู้กำกับแอนโธนีและโจ รุสโซเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับแม็คกี้ จากมุมมองของนักแสดง “ทั้งคู่มีคลังศัพท์นักแสดงที่ยอดเยี่ยมมากๆ ซึ่งผู้กำกับหลายคนไม่มีครับ” แม็คกี้เล่า “พวกเขาสามารถพูดคุยกับคุณ อธิบายแต่ละฉากอย่างละเอียดและบอกคุณได้ว่าทำไมคุณถึงทำในสิ่งที่คุณจะต้องทำ ซึ่งมีผู้กำกับไม่กี่คนหรอกนะครับที่สามารถทำแบบนั้นได้”
“พวกเขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากๆ ในการทำให้ได้สิ่งที่ต้องการ” แม็คกี้กล่าวเสริม “พวกเขารู้ว่าถ้าไม่ทำให้ได้ตอนนี้ คุณก็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนเพื่อให้ได้มันทีหลัง พวกเขาก็เลยมีความคิดที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ในการทำให้ได้แต่ละลุคและแต่ละช็อตที่พวกเขาอาจจะสามารถใช้ได้ในภายหลัง ผมคิดว่านั่นเป็นการถ่ายทำที่เฉียบคมมากๆ”
แม็คกี้รู้สึกว่า ในตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย คนจะต้อง “ยินดีระคนแปลกใจกับเรื่องราวและลักษณะการนำเสนอตัวละครพวกนี้” “ผมรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่หนังซูเปอร์ฮีโร แต่มันยังเป็นหนังแอ็กชันที่เน้นตัวละครด้วยครับ” แม็คกี้กล่าวต่อ “มันให้ความสำคัญกับตัวละครและเน้นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกใบนั้นมากจนคุณถูกดึงดูดเข้าไป ผมรู้สึกว่าในตอนที่ผู้ชมได้ดูหนังเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องเชื่อในการเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนั้น แทนที่พวกเขาจะนั่งสบายๆ และดูซูเปอร์ฮีโรแสดงวีรกรรมของพวกเขาน่ะครับ”