เผลอแปบเดียวก็เข้าสู่ปีที่ภาพยนตร์ยุค 90 นั้นเติบโตมาพร้อม ๆ กับเราจนมีอายุครบรอบ 20 ปีกันแล้ว แม้ว่านักแสดงหลายคนจะเริ่มมีอายุอานามบ้างในปัจจุบัน แต่ต้องบอกเลยว่าผลงานที่พวกเขาฝากไว้ยังคงคุณภาพขึ้นแท่นหนังคลาสสิก ทั้งตัวบท ฉากสวย ๆ และที่สำคัญ “เพลงประกอบภาพยนตร์” ที่ส่งให้หนังเหล่านี้กลายเป็นหนังอมตะตลอดกาล ไม่ว่าจะหยิบมาดูซ้ำอีกกี่ครั้ง ทั้งตัวหนังและบทเพลงเหล่านี้ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำของเราจริง ๆ ว่าแต่จะมีเพลงอะไรบ้างที่ดังเป็นพลุแตกในสมัยนั้น วันนี้หนังดีรวบรวม 15 เพลงประกอบภาพยนตร์ มาให้ฟังกันยาว ๆ ไปทั้งวันทั้งคืนเลย!

 

The Bodyguard (1992)
เพลง I Will Always Love You
ศิลปิน Whitney Houston

 

จากต้นฉบับสไตล์คันทรี่แต่งและขับร้องโดย ดอลลี พาร์ตัน “I Will Always Love You (1973)” ถูกหยิบมาร้องใหม่เป็นบัลลาดซึ้งกินใจโดย วิทนีย์ ฮิวสตัน สำหรับประภาพยนตร์บอดี้การ์ดสุดคลาสสิก The Bodyguard (1992) ซึ่งกลายเป็นที่โด่งดังไม่แพ้ต้นฉบับ ขนาดครองอันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลง US Billboard Hot 100 นานถึง 14 สัปดาห์ ทำยอดขายได้มากกว่า 45 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ขายดีที่สุดตลอดกาล

 

“The Bodyguard (1992)” ภาพยนตร์โรแมนติก-ระทึกขวัญ เล่าเรื่องราวของบอดี้การ์ดหนุ่ม แฟรงก์ ฟาร์มเมอร์ (เควิน คอสต์เนอร์) ที่รับหน้าที่ปกป้องซูเปอร์สตาร์สาวดีกรีผู้เข้าชิงออสการ์ ราเชล มาร์รอน (วิทนีย์ ฮิวสตัน) จากสตอล์กเกอร์โรคจิต ด้วยความใกล้ชิดและความทุ่มเททั้งชีวิตของแฟรงก์เพื่อปกป้องราเชล ทำให้เกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้นระหว่างสองอาชีพที่ต่างกันสุดขั้ว

 

Sliver (1993)
เพลง (I Can’t Help) Falling in Love with You 
ศิลปิน UB40

อีกหนึ่งผลงานรีเมคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยต้นฉบับนั้นชื่อว่า “Can't Help Falling in Love” เป็นของราชาแห่งร็อกแอนด์โรล เอลวิส เพรสลีย์ ตั้งแต่ปี 1961 ก่อนวงดนตรีเรกเก้สัญชาติอังกฤษ UB40 จะหยิบมารีเมคใหม่โดยใช้ชื่อ “(I Can't Help) Falling In Love With You” ในปี 1993 พาผลงานทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลง US Billboard Hot 100 นานกว่า 7 สัปดาห์ โดยฉบับของ UB40 ได้ใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ “Sliver (1993)” เพราะให้ความรู้สึกลึกลับ ตื่นเต้น ระทึกขวัญแตกต่างจากต้นฉบับที่มีความหวานซึ้งอยู่เต็มเปี่ยม

 

“Silver (1993)” ภาพยนตร์ระทึกขวัญ-อีโรติกสร้างจากนิยายขายดีของ ไอร่า เลอวีน เกี่ยวกับเรื่องราวลึกลับที่เกิดขึ้นบน Sliver ตึกสูงเฉียดฟ้าในมหานครนิวยอร์ก คาร์ลี นอร์ริส (ชารอน สโตน) นักเขียนสาวแม่หม้ายย้ายเข้ามาในตึก เธอได้รู้จักกับเจ้าของหนุ่ม เซค ฮอร์คกิ้นส์ (วิลเลี่ยม บอล์ดวิน) ก่อนเหตุการณ์สยองเกิดขึ้นเมื่อหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในตึกถูกฆาตกรรมตายไปทีละคน สองคนอย่างมีเงื่อนงำประหลาด ทำให้คาร์ลีต้องหาทางเอาตัวรอดจากการตกเป็นเป้าหมายต่อไป

 

Space Jam (1996) 
เพลง I Believe I Can Fly
ศิลปิน R. Kelly

 

เขียน ร้อง และโปรดิวซ์โดยศิลปิน R&B อาร์.เคลลี่ สำหรับใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ “Space Jam (1996)” ช่วงต้นปี 1997 “I Believe I Can Fly” ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ก็น่าเสียดายที่ได้ครองชาร์ตเพลง Billboard Hot 100 เป็นอันดับที่สองเท่านั้น เพราะไม่สามารโค้นอีกหนึ่งสุดยอดเพลงคลาสสิกอย่าง “Un-break My Heaty” ของโทนี่ แบรกซ์ตันได้ แต่ก็สามารถครองอันดับหนึ่งของชาร์ตเพลงหมวด R&B ได้นานกว่า 6 สัปดาห์ รวมถึงคว้า 3 รางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ และติดอันดับ 406 ในลิสต์เพลงฮิตตลอดกาลโดย Rolling Stone

 

“Space Jam (1996)” ภาพยนตร์แอ็คชั่นผสมแอนิเมชั่น เล่าเรื่องราวชีวิตของไมเคิล จอร์แดน ตั้งแต่วัยเด็กจนกลายเป็นนักบาสเก็ตบอลมืออาชีพแห่ง NBA แต่แล้วจอร์แดนกลับถูกดูดเข้าไปยังมิติสุดแฟนตาซีของเหล่าตัวการ์ตูนลูนีย์ ทูนส์เพื่อเข้าร่วมแข่งขันบาสเก็ตบอลกับเอเลี่ยนตัวจิ๋ว เพื่อช่วยเหลือไม่ให้พวกลูนีย์ ทูนส์ถูกทำโทษหากแพ้การแข่งขันในแมตช์สำคัญนี้

 

Up Close and Personal (1996) 
เพลง  Because You Loved Me
ศิลปิน Céline Dion

 

ผลงานของเจ้าแม่บทเพลงอมตะ เซลีน ดิออนไม่เคยทำให้ผิดหวัง ซึ่ง “Because You Loved Me” เองก็เป็นหนึ่งในผลงานเด่นที่ประสบความสำเร็จของเธอ จากการใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง “Up Close and Personal (1996)” ส่งผลให้ยอดขายซิงเกิลนั้นมากถึง 2 ล้านก็อปปี้ พร้อมคว้ารางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ สาขาบทเพลงยอดเยี่ยมที่ประพันธ์ขึ้นสำหรับภาพยนตร์และโทรศัพท์โดยเฉพาะ แถมยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำ สาขาบทเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย

 

 “Up Close and Personal (1996)” ภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า นำแสดงโดย โรเบิร์ต เรดฟอร์ด และมิเชลล์ พีไฟฟ์เฟอร์ ดัดแปลงจาก “Golden Girl: The Story of Jessica Savitch (1988)” นิยายขายดีของ อลันนา นาช เกี่ยวกับหญิงสาวผู้ทะเยอะทะยาน และมุ่งมั่นเดินทางตามความฝันอยากเป็นนักข่าวทางโทรทัศน์ ก่อนเธอได้พบกับหัวหน้าใหญ่คนแรกที่เป็นทั้งผู้ให้คำแนะนำ และเป็นทั้งชายหนุ่มที่เธอตกหลุมรัก

 

One Fine Day (1996) 
เพลง For The First Time 
ศิลปิน Kenny Loggins

 

ดีกรีผู้เข้าชิงออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม “For The First Time” จากเคนนี่ ล็อกกินส์ ที่แม้จะไม่ได้ยืนหนึ่งในชาร์ตเพลง Billboard Hot 100 แต่ก็เป็นเพลงซึ้ง ๆ ที่เข้ากับภาพยนตร์สุดโรแมนติกอย่าง “One Fine Day (1996)” ได้อย่างดีเยี่ยม แล้วครองอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงหมวดเพลงผู้ใหญ่ร่วมสมัยได้นาน 2 สัปดาห์ และคว่าอันดับที่ 61 จากชาร์จเพลง Billboard Hot 100 Airplay มาได้ ทั้งยังขึ้นชื่อเป็นเพลงสุดอบอุ่นที่ฟังทีไรก็อดนึกถึงคนรักข้าง ๆ ไม่ได้สักที

 

“One Fine Day (1996)” ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้นำแสดงโดยหนึ่งในคู่ตัวพ่อ-ตัวแม่ในสมัยนั้นอย่าง จอร์จ คลูนีย์ และมิเชลล์ พีไฟฟ์เฟอร์ เกี่ยวกับคนแปลกหน้าชาย-หญิงที่มีลูกติดแล้วทั้งสองคน ได้บังเอิญมาเจอกันและได้ใช้เวลาร่วมกันในเมืองหลวงแสนวุ่นวายอย่าง นิวยอร์ก ในตอนแรกทั้งสองคือคนแปลกหน้าที่ตั้งแง่ใส่กันและเถียงกันเรื่องคู่ครอง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นต้องพึ่งพากันซะอย่างนั้น

 

Con Air (1997) 
เพลง How Do I Live
ศิลปิน Trisha Yearwood

 

แรกเริ่มเดิมที่ไดแอน วอร์เรน เขียนเพลง “How Do I Live” ขึ้นมาเพื่อให้ลีแอน ไรม์สโดยเฉพาะ แต่ต้นสังกัดบอกว่าเสียงของลีแอนที่ตอนนั้นอายุเพียง 14 ปีมีความเป็นป็อบมากเกินไป และตัวเธอยังเด็กเกินไปที่จะถ่ายทอดบทเพลงนี้ออกมา ตัวเพลงจึงนำมาดัดแปลงใหม่ให้เป็นบทเพลงประกอบภาพยนตร์ "Con Air (1997)" โดยนักร้องสาวทริช่า เยียร์วู้ด แต่ก็ไม่ได้รวมอยู่ในอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ เพราะดราม่าเล็ก ๆ น้อยกับพ่อของลีแอน ไรม์สผู้เป็นโปรดิวเซอร์ทำเพลง

 

"Con Air (1997)" ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ระทึกขวัญนำแสดงโดยเหล่าตัวพ่อนำโดยนิโคลัส เคจ, จอห์น คูแซค และจอห์น มัลโควิช เล่าเรื่องราวของคาเมรอน โพ (นิโคลัส เคจ) นายทหารที่กำลังเดินทางกลับบ้านเพื่อไปหาภรรยา แต่กลับพลั้งมือฆ่าพวกอันธพาลที่มาหาเรื่องเขาจนถูกตัดสินจำคุกทันที ซ้ำร้ายพอพ้นโทษออกจากคุกคาเมรอนยังขึ้นเครื่องบินที่มีผู้ก่อการร้ายจ้องจะไฮแจ็คเครื่องเพื่อพาตัวเองและพวกพ้องหนีออกไปจากอเมริกาอีกต่างหาก

 

Titanic (1997) 
เพลง My Heart Will Go On
ศิลปิน Céline Dion

 

ติดหูไปทั่วโลกทั้งเด็กรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ กับเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เชื่อว่าทุกคนต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก “My Heart Will Go On” จากคุณแม่เซลีน ดิออน ที่ซึ้งกินใจเข้ากับความรักของแจ็คกับโรสใน “Titanic (1997)” จนประสบความสำเร็จควบคู่ไปกับตัวหนัง ครองตำแหน่งเป็นบทเพลงจากนักร้องหญิงที่โด่งดังและประสบความสำเร็จเป็นอันดับที่ 2 รองจาก “I Will Always Love You” จากวิทนีย์ ฮิวสตัน

 

“Titanic (1997)” ภาพยนตร์โรแมนติก-ภัยพิบัติจากปูชนียบุคคลแห่งฮอลลีวูด เจมส์ คาเมรอน อิงจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมจริงของเรือไททานิกที่ชนภูเขาน้ำแข็งในปี 1912 ผสมผสานกับเรื่องราวความรักสุดหวานซึ้งของโรส เดวิท บูเกเตอร์ (เคท วินสเลท) สาวงามผู้เดินทางมาท่องเที่ยวและแต่งงานกับคู่หมั้นเศรษฐีใหญ่ แต่กลับมาปิ๊งรักกับเด็กหนุ่มธรรมดา ๆ อย่าง แจ็ค ดอว์สัน (ลีโอนาโด ดิคาปริโอ) แม้เรื่องราวชู้รักต้องชะงักเมื่อเรือยักษ์พุ่งชนน้ำแข็งจมลงทะเล แต่โรสก็ได้เรียนรู้ว่า ความรักที่แท้จริงที่อีกฝ่ายยอมสละชีวิตนั้นมีอยู่จริง

 

Armageddon (1998) 
เพลง I Don't Want To Miss A Thing
ศิลปิน Aerosmith

 

บทเพลงร็อกกึ่งบัลลาดจาก Aerosmith วงร็อกผู้จัดจ้านย่านฮาร์ดคอร์  “I Don't Want To Miss A Thing” ใช้ประกอบภาพยนตร์ภัยพิบัติธรรมชาติ “Armageddon (1998)” ที่เปิดตัวอันดับหนึ่งบทชาร์ต US Billboard Hot 100ทันทีที่ปล่อย กลายเป็นบทเพลงที่โด่งดังมากที่สุดของวง เขียนเนื้อเพลงโดยดีแอน วอร์เวน ผู้เขียนบทเพลง “How Do I Live” ที่แต่งโดยได้แรงบันดาลใจมาจากบทสัมภาษณ์ของคู่รักดารา เจมส์ โบรลิน ที่พูดถึง บาร์บรา สไตแซนด์ ภรรยาของเขาว่า เขาคิดถึงภรรยาตอนที่หลับ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่ได้กอดภรรยา และรู้สึกว่าภรรยาหายไป

 

“Armageddon (1998)” หนังอุกกาบาตชนโลกสุดคาสสิกที่แฟนหนังแนวนี้ต้องถึง เมื่อมหานครนิวยอร์ดถูกอุกกาบากไฟถล่ม นาซาพบว่าโลกของเรามีเวลาเหลือเพียง 18 วันก่อนแตกสลายด้วยดาวหางขนาดใหญ่เท่ารัฐเท็กซัสที่กำลังเดินทางมา ทางออกเดียวคือส่งนักบินอวกาศแฮร์รี่ สแตมเปอร์ (บรูซ วิลลิส) และลูกทีมเดินทางไปเจาะและระเบิดดาวหางนั้นให้ได้ก่อนโหม่งพื้นโลก 

 

10 Things I Hate About You (1999) 
เพลง Can't Take My Eyes Off You
ศิลปิน Frankie Valli and The 4 Seasons

 

บทเพลงเกี้ยวสาวน่ารัก ๆ จากแฟรงกี วัลลีเจ้าของรางวัลแผ่นเสียงทองคำในปี 1967 ที่คว้าอันดับสองบทชาร์จเพลง Billboard Hot 100 มาได้สำเร็จ ก่อนคืนชีพมาโด่งดังอีกครั้งในแบบฉบับของนักแสดงหนุ่มฮีท เลดเจอร์ กับฉากดังของภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ “10 Things I Hate About You (1999)” 

 

“10 Things I Hate About You (1999)” ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ของวิลเลียม เชกสเปียร์‎ เรื่อง “The Taming of the Shrew” ให้กลายเป็นภาพยนตร์กุ๊กกิ๊กอเมริกันไฮสคูลกับเรื่องวุ่น ๆ เมื่อคาเมรอน (โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์) ตกหลุมรักบิแอนก้า (ลาริซา โอเลย์นิก) แต่เธอตั้งกฏไว้กับ แคท (จูเลีย สไตลส์) ว่าถ้าแคทไม่มีแฟนตัวเธอเองก็จะไม่มีแฟนเช่นกัน คาเมรอนเลยว่าจ้างให้ แพทริค (ฮีทเลดเจอร์) หนุ่มแก่นรีบไปพิชิตใจของแคทให้ได้ จะได้เบิกทางให้ตัวเขาเข้าไปจีบบิแอนก้าได้สักที

 

Notting Hill (1999) 
เพลง When You Say Nothing At All
ศิลปิน Ronan Keating

 

บทเพลงคันทรี่ซึ้ง ๆ ชวนอบอุ่นหัวใจจากโรแนน คีทติ้ง หนึ่งในสมาชิกวงบอยแบรนด์ Boyzone ที่ปล่อยซิงเกิ้ลโซโล่ “When You Say Nothing At All” มาในปี 1999 สำหรับประกอบภาพยนตร์ “Notting Hill (1999)” และประความสำเร็จอย่างมากในแถบเมืองอังกฤษ, ไอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์ ทั้งนี้บทเพลง When You Say Nothing At All มีการทำใหม่และโด่งดังมาก่อนแล้วอย่างเช่น ฉบับของคีท วิทลีย์ ในปี 1988 และฉบับของอลิสัน เคราซ์ ในปี 1995

 

“Notting Hill (1999)” ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ที่ถ่ายทำจริง ๆ ในเมืองนอตติง ฮิล กรุงลอนดอน เล่าเรื่องราวของ วิลเลี่ยม แธคเกอร์ (ฮิวจ์ แกรนท์) ชายหนุ่มเจ้าของร้านหนังสือมอซอที่ใครหลายคนต้องอิจฉา เมื่อแอนนา สก็อตต์ (จูเลีย โรเบิร์ตส) หญิงสาวที่สวยราวกับดาราดังก้าวเข้ามาในร้านหนังสือของเขา ทำให้ทั้งสองให้สานความสัมพันธ์จากความซุ่มซ่าม ขำขัน และน่ารักกุ๊กกิ๊กด้วยกันนับตั้งแต่นั้นมา แต่อย่าลืมนะว่าการได้อยู่กับหญิงสางที่เพอร์เฟกต์ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรหรอกนะ!

 

Runaway Bride (1999) 
เพลง Before I Fall in Love
ศิลปิน Coco Lee

 

เพลงอมตะจากศิลปินเอเชียหนึ่งเดียว โคโค่ ลี เจ้าของเพลงดัง “Reflection (มู่หลาน)”กับบทเพลง “Before I Fall in Love” ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์ “Runaway Bride (1999)” อีกหนึ่งภาพยนตร์คุณภาพของเจ้าแม่หนังรอมคอม จูเลีย โรเบิร์ตส ซึ่งนับเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศมากที่สุดของเธอ 

 

“Runaway Bride (1999)” ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้นำแสดงโดยริชาร์ด เกียร์ และจูเลีย โรเบิร์ตส ผู้สวมบทเจ้าสาวกลัวฝนที่พร้อมวิ่งหนีลืมตายทุกครั้งหากมีใครพูดถึงเรื่องแต่งงาน ขนาดตัดสินใจเทเจ้าบ่างไว้กลางทาง 3 คนรวด วีรกรรมสุดแปลกของเธอกลายเป็นเรื่องโด่งดัง จนกระทั่งเธอมาพบกับนักเขียนหนุ่มรูปหล่อ อบอุ่น จิตใจ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนความคิดของเธอไปตลอดกาล

 

She´s All That (1999) 
เพลง Kiss Me 
ศิลปิน  Sixpence None the Richer

 

จากอัลบั้มคุณภาพที่สมาชิกวงป็อบ-ร็อก Sixpence None the Richer ทำขึ้นมาด้วยตัวเองในปี 1997 และประสบความสำเร็จไปทั่วโลกเมื่อหยิบมาปล่อยเป็นซิงเกิล “Kiss Me” ที่คว้าอันดับสองบนชาร์ตเพลง Billboard Hot 100 ไปได้ในปี 1998 และถูกนำเสนอเป็นผู้เข้าชิงแกรมมี่ อวอร์ดส์สาขาเพลงป็อบโดยวงดนตรีหรือดูโอ้ยอดเยี่ยม ก่อนมาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์วัยรุ่น “She´s All That (1999)” ทำให้เพลงกลับมาฮิตติดชาร์ตอีกครั้งในภายหลัง

 

“She´s All That (1999)” ภาพยนตร์วัยรุ่นแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ กับเรื่องวุ่น ๆ เมื่อเทย์เลอร์ (โจดี้ ลิน โอคีฟ) ทิ้งแฟนหนุ่ม แซค (เฟรดดี้ ปรินซ์ จูเนียร์) ไปควงดาราทีวีจอมหลงตัวเอง แน่นอนว่ามันช่างเป็นข่าวที่บั่นทอนชื่อเสียงระดับประธานรุ่น นักเรียนเกียรตินิยม และกัปตันทีมฟุตบอลโรงเรียนของแซคเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจรักษาเชิงชายด้วยการพนันกับ ดีน (พอล วอล์คเกอร์) คู่แข่งเพื่อนซี้ว่าเขาสามารถใช้เสน่ห์หนุ่มชุบตัวสาวเอ๋อที่สนใจแต่เรื่องการเมืองในบอสเนียและ อาหารชีวจิตอย่าง เลนีย์ บอกก์ส (ราเชล ลีห์ คุ๊ก) ให้เป็นดาวโรงเรียนได้ภายใน 6 สัปดาห์

 

Coyote Ugly (2000) 
เพลง Can’t Fight The Moonlight
ศิลปิน LeAnn Rimes

 

เพลงประกอบภาพยนตร์ “Coyote Ugly (2000)” ที่วัยรุ่นยุค 90 ต้องรู้จัก ต้องคุ้นหู และยังหยิบมาแดนซ์กระจายในคาราโอเกะทุกวันนี้ นั่นก็คือ “Can’t Fight The Moonlight” จากนักร้องสาวลีแอน ไรม์ส ที่เมื่อปล่อยมาปุ๊บก็ติดอันดับ Top 20 ในชาร์ตเพลงทั่วโลกทันที ก่อนไต่อันดับขึ้นไปสูงสุดอยู่อันดับที่ 11 ในชาร์ตเพลง Billboard Hot 100 พร้อมคว้าตำแหน่งซิลเกิลที่ขายดีที่สุดแห่งปี 2001 ในประเทศออสเตรเลีย

 

“Coyote Ugly (2000)” ภาพยนตร์มิวสิเคิลแนวโรแมนติก-คอมเมดี้-ดราม่าอิงจากเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นในบาร์ Coyote Ugly Saloon ไนท์คลับที่ตั้งอยู่จริงในมหานครนิวยอร์ก เล่าเรื่องราวของ ไวโอเลต แซนฟอร์ด (ไพเพอร์ เพราโบ) หญิงสาววัย 21 ตัดสินใจลาจากพ่อที่คอยประหงมประหงมเธอจนเกิดเหตุ ออกมาใช้ชีวิตตามความฝันอยากเป็นนักร้องด้วยตัวเอง แต่เพราะตัดสินใจทำงานในไนท์คลับที่ขึ้นชื่อเรื่องกามและของมึนเมา ทำให้เธอต้องเสียความเชื่อมั่นจากคนที่เธอรัก ทั้งผู้เป็นพ่อ และชายหนุ่มที่คอยให้กำลังใจเธอเสมอมา

 

 

Bridget Jones's Diary (2001) 
เพลง Out Of Reach
ศิลปิน Gabrielle

 

บทเพลงที่แต่งและร้องโดยนักร้องชาวอังกฤษ แกเบรียล เพื่อประกอบภาพยนตร์ “Bridget Jones's Diary (2001)” และกลายเป็นซิงเกิลที่โด่งดังที่สุดของแกเบรียล โดยมียอดขายสูงกว่า 320,000 ก็อปปี้ในประเทศอังกฤษ พร้อมติดอันดับ Top 10 บนชาร์ตเพลงในอีกหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย

“Bridget Jones's Diary (2001)” ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้เกี่ยวกับรักสามเศร้าเราสองสามคน เมื่อชีวิตของสาวโสด บริดเจ็ท โจนส์ (เรเน่ เซลวีเกอร์) ต้องวุ่นวายอยู่กับสองหนุ่มหล่อ มาร์ค ดาร์ซี่ (โคลิน เฟิร์ธ) ทนายความหนุ่มมาดเท่ และแดเนียล คลีฟเสอร์ (ฮิวจ์ แกรนท์) กิ๊กเก่าผู้เนื้อหอมตลอดกาล ทำให้เธอต้องเข้าไปพัวพันกับความรักสุดชุนมุนวุ่นวาย ที่เต็มไปด้วยความเข้าใจผิด ความโชคร้าย และคำแนะนำที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย

 

Pearl Harbor (2001) 
เพลง There You’ll Be
ศิลปิน Faith Hill

 

บทเพลงรักจากศิลปินป็อบคันทรี่ เฟธ ฮิลล์ “There You’ll Be” ใช้ประกอบภาพยนตร์คลาสสิก “Pearl Harbor (2001)” ที่ตัวเพลงนั้นประสบความสำเร็จ ไต่อันดับติดชาร์ตเพลงอันดับต้น ๆ ไปทั่วโลก จนได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แม้จะชวดรางวัลไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ถือเป็นเพลงประกอบหนังแรก ๆ ที่แฟนหนังรักท่ามกลางสงครามต้องนึกถึง

“Pearl Harbor (2001)” ภาพยนตร์โรแมนติก-พีเรียดจากผู้กำกับชื่อดัง ไมเคิล เบย์ ที่พาทุกคนย้อนเวลาไปพบกับความรักและชีวิตแสนลำบากของนายทหารในยุคสงคราม นำโดยนายทหารประจำการท่าเรือเพิร์ล ฮาร์เบอร์ เรฟ (เบน แอฟเฟล็ก) และแดนนี่ (จอช ฮาร์เน็ตต์) กับพยาบาลสาวสวย เอเวลีน (เคท เบคคินเซล) ก่อนเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษย์ไปตลอดกาล ในเช้าวันอาทิตย์ที่ควรจะสงบสุขในปี 1941