โลกใบนี้มีหนังที่สร้างจากวีดีโอเกมอยู่มากมาย ทั้งหนังแย่ๆ และหนังดีๆ แล้ว "ทูม เรเดอร์" ฉบับรีบูท จะถูกจัดให้อยู่ในอันดับไหนกัน?
หนังจากเกมมักไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่า หนังจากเกมที่เราสามารถบอกได้ว่าเป็น "หนังที่ดี" น่ะ มีอยู่น้อยมากจริงๆ หนังที่ดีที่สุด (ถ้าไปได้ถึงขั้นนั้นน่ะนะ ) ก็คือเป็นหนังที่ปรับให้เข้ากับจอเงินแล้วออกมาสนุก และบันเทิงอย่างไร้สติ แบบที่แย่ที่สุด ก็ถึงขึ้นติดอันดับหนังห่วยกันไปเลย เพราะงั้น วันนี้เรามาจัดอันดับหนังจากวีดีโอเกมกันดีกว่า! เริ่มจากอันดับล่างๆ ไปจนถึงอันดับบน ก็แล้วกัน!
42. "Postal" (2008) หนังจากเกมจากสุดยอดผู้กำกับอย่าง อูเว่ โบล ถูกจัดให้เป็นสุดยอดหนังสยดสยอง (ในแง่ไม่ดี และพี่แกยังมีหนังอีกอย่างน้อย 5 เรื่องอยู่ในลิสต์ด้วย) แต่มองในแง่ดีว่าอย่างน้อยมันก็ยังมีความเป็นศิลปะมากกว่า เกม ที่เป็นต้นฉบับล่ะมั้ง?
41. "Alone in the Dark กองทัพมืดมฤตยูเงียบ" (2005) หลังจากได้ดู "House of the Dead ศพสู้คน" คุณอาจคิดว่า อูเว่ โบล เป็นเทพแห่งหนังสยองก็ได้ แต่ภาพยนตร์จากวีดีโอเกมที่เขาสร้างเรื่องต่อมาอย่าง Alone in the Dark จะเข้ามาทำลายความหวังคุณจนยับ ด้วยการที่ทำให้คุณไม่อาจนั่งดูหนังได้จนจบด้วยซ้ำ
40. "The Wizard" (1989) ทางเทคนิคแล้ว หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นการสร้างขึ้นจากนิยายจากวิดีโอเกมอีกที มากกว่าจะเป็นหนังที่สร้างจากเกมจริงๆ และด้วยพลังแห่งนินเทนโด! คุณคาดหวังกับโฆษณาที่จะโผล่ในเรื่องได้เลย
39. "The Angry Birds Movie แองกรี้เบิร์ด เดอะ มูวี่" (2016) อาจจะมองในแง่ร้ายไปสักหน่อย แต่เฮ้ รู้สึกว่าหนังเรือ่งนี้มันจะออกแนวเกลียดมนุษย์มากไปรึเปล่านะ โดยเฉพาะเมื่อ นีโอนาซีรักการ์ตูนของคุณ คุณก็น่าจะทำอะไรสักอย่างพลาดไปแล้วล่ะ
38. " BloodRayne ผ่าภิภพแวมไพร์" (2006) ในปี 2003 คริสทันน่า โลเคน ดูมีแววจะกลายเป็นอีกหนึ่งคนดังฮอลลีวูดได้เมื่อได้แสดงเป็นเทอมิเนทริกซ์ใน "เทอร์มิเนเตอร์ 3" แต่แล้วเธอก็มาลงเอยกับการแสดงนำในหนังของ อูเว่ โบล ทั้งสองเรื่อง รวมถึงหนังเรื่องนี้ด้วย
37. "Silent Hill: Revelations เมืองห่าผี เรฟเวเลชั่น" (2012) เลวร้ายยิ่งกว่าหนัง ไซเลนท์ ฮิลล์ ภาคแรก ในทุกเรื่องที่จะเลวร้ายได้ โดยเฉพาะนักแสดงที่ดูเหมือนจะมีปัญหากับการแสดงสีหน้า ซึ่งนั่นเป็นข่าวร้ายสุดๆ เพราะหนังเรื่องนี้ดันเล่นกับเรื่องรีแอคของตัวละครเวลาที่เจอเรื่องพิลึกๆ เสียด้วย
36. "Pokemon Heroes - โปเกมอน เดอะมูฟวี่ ตอน เทพพิทักษ์แห่งนครสายน้ำ" (2003) นี่เป็นหนัง "โปเกมอน" เรื่องที่ห้า ถ้าจะให้พูดอะไร...ก็พูดได้แค่นี้แหละ
35. "Max Payne แม็กซ์ เพย์น ฅนมหากาฬถอนรากทรชน" (2008) วีดีโอเกมส่วนใหญ่ไม่เหมาะกับการเอามาทำเป็นหนัง แต่แม็กซ์ เพย์น เป็นข้อยกเว้น ด้วยความรุนแรง เมโลดราม่านัวร์ ไปจนถึงเครดิตของหนัง ซึ่งตัวเวอร์ชั่นภาพยนตร์ก็ทำได้โอเค จากการนำไอเดียและวิชั่นของเกมมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ ทำให้มันดูน่าสนใจพอสมควร ถึงแม้ว่าทั้งหมดนั่นพอเอามารวมกันแล้วมันจะดูไม่ค่อยเข้ากันก็เถอะ
34. "Street Fighter: The Legend of Chun-Li สงครามนักฆ่ามหากาฬ" (2009) โดยปกติแล้ว หนังเกมกากๆ มักจะมีความน่าเบื่อในแบบของมันอยู่ แต่หลังจากความพยายามครั้งที่ 2 "สตรีท ไฟต์เตอร์" ก็ดูเหมือนจะจัดการให้มันมีความ "บังเอิญแบบคลาสสิค" มาจนได้ แต่โดยรวมแล้ว ก็ยังโชคไม่ดีนักที่ยังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร
33. "Final Fantasy: The Spirits Within - ไฟนอลแฟนตาซี ปฐมบทแห่งสงครามล้างเผ่าพันธุ์ " (2001) ถ้าจะถามว่าเรื่องนี้เป็นยังไงล่ะก็ คงบอกว่าเป็นหนังเมโลดราม่ากึ่งสุกกิ่งดิบที่น่าผิดหวังล่ะมั้ง ถึงแม้ว่าตัวหนังจะพยายามทำสิ่งที่น่าสนใจอย่างการใช้ CGI ในยุคต้นปี 2000s แต่ตัวหนังเองก็เหมือนจะติดๆ ขัดๆ กับโครงสร้างของโลกที่ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ แถมเจอการอนิเมทที่แข็งยังกับท่อนไม้ แล้วยังแคสต์คนพากย์ได้ไม่ดีอีก ทำเอาเศร้าไปเลย
32. "Pokemon 4Ever - โปเกมอน เดอะมูฟวี่ ตอน ย้อนเวลาตามล่าเซเลบี" (2002) รู้สึกว่าอันนี้จะมีเดินทางข้ามเวลาด้วยนะ ดูๆ ไปเถอะ ไม่ต้องไปห่วงเรื่องพล็อตนักหรอก
31. "Need for Speed ซิ่งเต็มสปีดแค้น" (2014) จากเกมที่แทบจะไร้เนื้อเรื่องโดยสิ้นเชิงอย่าง Need for Speed ที่ควรจะเป็นเรื่องที่ทำหนังได้ง่ายที่สุด เพราะมันไม่มีอะไรให้ต้องเอามาปรับเลย มันน่าจะออกมาเป็นหนังแนวแอคชั่นแข่งรถเจ๋งๆ ได้ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ยักกะทำแบบนั้นได้แฮะ
30. "Pokemon: The Movie 2000: The Power of One - โปเกมอน เดอะมูฟวี่ ตอน ลูเกีย จ้าวแห่งทะเลลึก" (2000) สับสนตลอดเลยว่าภาคไหนเป็นภาคไหน มันดูคล้ายๆ กันไปหมด ช่างเถอะ
29. "Tomb Raider: Cradle of Life ลาร่า ครอฟท์ ทูมเรเดอร์ กู้วิกฤตล่ากล่องปริศนา ภาค 2" (2003) ก็โออยู่นะกับหนังเรื่องนี้ ถึงจะรู้สึกว่าดูรีบๆ ไปหน่อยก็เถอะ โดยเฉพาะ "กล่อง" เนี่ย ดูๆ ไปแล้วคล้ายๆ กับก๊อปของภาค 1 มาทำใหม่ด้วยทุนที่ต่ำกว่าเดิมยังไงยังงั้น หนังเรื่องนี้มีความเป็นเกมสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ผลดีเท่าไหร่หรอก
28. "Mortal Kombat: Annihilation นักสู้เหนือมนุษย์ ภาค 2" (1997) จริงๆ รู้สึกเหมือนภาคนี้น่าจะเป็นหนังต้นทุนต่ำมากกว่าจะเป็นหนังภาคต่อนะ
27. "Hitman ฮิทแมน โคตรเพชฌฆาต 47" (2007) นี่มันหนังจริงๆ ใช่มั้ย? รู้สึกว่าพูดยากยังไงอยู่ แต่รู้สึกเหมือนพล็อตมันครึ่งๆ กลางๆ เหมือนอยู่ๆ ก็หล่นหายไปนั่นแหละ
26. "Wing Commander ฝูงบินพิทักษ์ผ่าจักรวาล" (1999) จำตอนที่ฮอลลีวูดอยากจะปั้นเฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์กันได้มั้ย? เขาเล่นเป็นตัวละครในวีดีโอเกมได้เหมาะดีนะเออ
25. "Double Dragon " (1994) มั่นใจว่าต้องมีใครสักคนที่รักหนังเรื่องนี้มากแน่ๆ ต้องมีบ้างล่ะน่า! แต่เฮ้! นั่น สก็อตต์ วูล์ฟ นะ!
24. "House of the Dead ศพสู้คน" (2003) ในบรรดาหนังทั้งหลายของอูเว่ โบล หนังเรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นหนังที่ "ดูได้" มากที่สุด เพราะสามารถบาลานซ์ระหว่างความมึนๆ งงๆ กับความตลกแบบไม่สุดได้อย่างสร้างสรรค์พอดู ในกรณีนี้ยังรวมถึงการตัดเอาคลิปจากเกม "เฮาส์ ออฟ เดอะ เดด" มาใส่ในระหว่างฉากยิงอีกด้วย
23. "Warcraft วอร์คราฟต์ กำเนิดศึกสองพิภพ" (2016) "เหมือนลอร์ดออฟเดอะริงที่ไม่มีฮอบบิทมาคอยอธิบายที่มาที่ไปให้ฟัง" มีคนคอมเม้นประมาณนี้เอาไว้ พูดให้เข้าใจง่ายก็คงประมาณว่า เป็นหนังแฟนตาซีที่ออกจะงงๆ แล้วคนทำหนังก็คิดเอาเองว่าคนดูเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องอยู่แล้ว แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะสร้างหลายสิ่งขึ้นใหม่ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกม "เวิลด์ ออฟ วอร์คราฟท์" มาก่อน ก็ต้องมีงงๆ กันทั้งนั้นแหละน่า
22. "Prince of Persia: The Sands of Time เจ้าชายแห่งเปอร์เซีย: มหาสงครามทะเลทรายแห่งกาลเวลา" (2010) โชคไม่ดีนักที่ความพยายามของหนังเรื่องนี้ในบล็อคบลัสเตอร์ฤดูร้อนล้มเหลว ตัวเนื้อเรื่องของหนังกับในเกมก็ดูเกี่ยวข้องกันแบบงงๆ ล่ะมั้ง