ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > วิจารณ์หนังใหม่

Edge of Tomorrow ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร

5 มิ.ย. 2557 10:29 น. | เปิดอ่าน 1481 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

ขอเชิญชาวหนังดีทุกคนมาวิพากษ์วิจารณ์หนังเรื่องนี้กันใครไปดูมาแล้ว เป็นยังไงหนุกไม่หนุกบอกกันมาเลย

*** หากจะสปอยล์เนื้อหาบางส่วนของเรื่อง แนะนำให้เตือนสมาชิกคนอื่นๆ ล่วงหน้า
โดยให้สมาชิกคนอื่นได้เห็นคำว่า
สปอยล์ หรือ Spoil กันอย่างชัดเจนด้วยนะจ๊ะ

: Edge of Tomorrow

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • 8 หนังบิดมิติเวลา อุ่นเครื่องก่อนดู "Tenet - เทเน็ท"
  • เอมิลี่ บลันท์ รับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังภาคต่อ Edge of Tomorrow ล่าช้าออกไป
  • Edge of Tomorrow - ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร
  • ภาพยนตร์เรื่อง “EDGE OF TOMORROW” ทำเวลา ขึ้นแท่นอันดับ 1 ทั่วโลกเมื่อสุดสัปดาห์
  • Edge of Tomorrow กวาดรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศไปอย่างสวยงามที่ 33 ล้านเหรียญ
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :
     
     
     
     

    ความคิดเห็นที่ 5  จากคุณ FallsDownz     6 มิ.ย. 2557 02:27 น.

    Edge of Tomorrow ( 2014 ) Movie Review by FallsDownz อ่านบทวิจารณ์เก่าๆ และติดตามบทวิจารณ์ใหม่ๆทั้งวงการเกมและภาพยนตร์ได้ที่นี้ครับผม ***fallsdownz.blogspot***/ ภาพยนตร์ แอ็คชั่น / ไซไฟ ที่มีสไตล์การเล่าเรื่องกับฉากแอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยม แต่ขาดความเป็น "มนุษย์" อย่างสิ้นเชิง Edge of Tomorrow เป็นภาพยนตร์แนว แอ็คชั่น / ไซไฟ ของค่าย Warner Bros. ที่มีต้นฉบับมาจากหนังสือนวนิยายของประเทศญี่ปุ่นในชื่อ " All You Need Is Kill " ซึ่งต้องขอเริ่มบทวิจารณ์จากการบอกก่อนเลยว่า ผู้เขียนไม่เคยอ่านตัวหนังสือนวนิยายมาก่อนเลย เพราะฉะนั้นบทวิจารณ์ชิ้นนี้ จะไม่มีการเปรียบเทียบระหว่างตัวนิยายกับตัวภาพยนตร์แต่อย่างใด แต่จะเป็นบทวิจารณ์ที่มาจากประสบการณ์ในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนๆ ภาพยนตร์เรื่อง Edge of Tomorrow ว่าด้วยเรื่องราวของเคจ ที่ถูกส่งไปรบในสนามรบ หลังจากที่เขาลงไปในสนามรบได้เพียง 5 นาทีเขาก็ถูกฆ่า แต่แทนที่เขาจะตาย เขากลับพบว่าตัวเองจะตื่นขึ้นมาในวันก่อนหน้าที่เขาจะถูกส่งไปรบเสมอๆ วนเวียนไปเช่นนี้เรื่อยไป จึงทำให้เขากลายเป็นกุญแจหลักสำคัญในการเอาชนะสงครามที่ดูจะสิ้นหวังครั้งนี้ " เกิด ตาย วนเวียน " คำโปรยนี้ของตัวภาพยนตร์ Edge of Tomorrow ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่อธิบายตัวมันเองได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะถ้าหากมองแต่เพียงบทภาพยนตร์หลักลำพังอย่างเดียวของมันนั้น Edge of Tomorrow เป็นภาพยนตร์ที่แทบจะไม่มีอะไรใหม่เลย แต่ด้วยความที่ตัวภาพยนตร์ใส่เรื่องราวของการ "วนเวียน" ตายแล้วเกิดใหม่ ตายแล้วเกิดใหม่ เช่นนี้เข้าไป มันทำให้การเล่าเรื่องของ Edge of Tomorrow โดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้เราคอยลุ้นอยู่ตลอดเวลา ว่าพระเอกอย่าง ทอม ครูซ จะฝ่าฟันอุปสรรคข้างหน้าไปได้อย่างไร นอกจากนั้นแล้ว การที่มันนำสไตล์การเล่าเรื่องเช่นนี้เข้ามาผสมผสานกับตัวบทภาพยนตร์ มันเป็นการอุดรูรั่ว ช่องโหว่ และช่องว่างที่ไร้เหตุผลในบางจุดของภาพยนตร์แนวนี้ส่วนใหญ่ได้อย่างแนบเนียน และขยายขอบเขต ความกว้างที่ตัวภาพยนตร์จะไปได้มากขึ้นไปอีก เช่นถ้าหากเป็นภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ การที่ตัวเอกรู้ทุกอย่างว่าศัตรูจะมาจากทางไหน ก้าวต่อไปควรจะทำอย่างไร และฉลาดเหนือมนุษย์เช่นนี้ มันคงจะสร้างความไม่สมเหตุสมผลอยู่ไม่น้อย แต่ในภาพยนตร์ Edge of Tomorrow เราทราบดีว่า ที่พระเอกรู้เช่นนี้ ก็เพราะเขาเคยมาในเหตุการณ์นี้มาก่อนแล้วนั้นเอง เขาจึงรู้ว่าศัตรูจะมาจากทางไหน กี่ตัว และก้าวต่อไปควรจะทำอย่างไร ซึ่งตัวภาพยนตร์ก็เล่นกับจุดนี้ได้เป็นอย่างดี และยอดเยี่ยม ต้องขอชมผู้กำกับ ดั๊ก ไลแมน ที่กำกับภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะในด้านของการเล่าเรื่อง การดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม , การกำกับฉากแอ็คชั่นที่ยอดเยี่ยม สนุก ตื่นเต้น และการวางมุมกล้อง ความเคลื่อนไหวของกล้องที่ยอดเยี่ยมของเขา อีกทั้งยังแอบแฝงความเป็นตลกขบขัน และ โรแมนติกเข้าไปเพิ่มสีสันให้กับภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เป็นผลทำให้ Edge of Tomorrow เป็นภาพยนตร์ที่สนุก และบันเทิงอยู่พอสมควรในทุกๆช่วงเวลาของภาพยนตร์ จากการกำกับที่ยอดเยี่ยมของเขา อีกส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ที่น่าชื่นชมไม่น้อยเลยก็คือ ทีมนักแสดงหลักของตัวภาพยนตร์เอง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเลยว่า ทุกคนพยายามที่จะเติมแต่งและสร้างมิติต่างๆให้กับตัวละครในภาพยนตร์ จากการแสดงที่ยอดเยี่ยมในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น พี่ทอม ครูซ หรือ เอมิลี บลันต์ แต่ถ้าถามผู้เขียนแล้วล่ะก็ นักแสดงที่ถูกใจผู้เขียนมากที่สุดก็ต้องยกเต็มๆให้กับ บิล แพกซ์ตัน ที่ยังคงแสดงบทบาทตัวร้ายได้อย่างแสบสัน และถูกใจเช่นเคย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตัวภาพยนตร์ Edge of Tomorrow เอง ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปอยู่เช่นกัน และสิ่งเหล่านี้มันก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่คอยบดบัง และขัดแข้งขัดขาจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างน่าเสียดาย อย่างแรกเลยก็คือ บทภาพยนตร์เพียวๆ ที่ถ้าหากตัดสไตล์การเล่าเรื่องชนิดวนลูปไปทั้งหมด ตัวภาพยนตร์นั้นแทบจะไม่เหลืออะไรที่น่าสนใจอีกเลย เพราะบทเพียวๆของมันนั้น เต็มไปด้วยความซ้ำซากจำเจ จากจุด A ไปจุด B กับตัวละครที่ตัดแปะมาจากแม่แบบ ไม่ต่างจากภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องอื่นๆ แม้แต่ในส่วนของการให้เหตุผลในจุดของการวนเวียน ตายแล้วเกิดใหม่ของภาพยนตร์เอง ก็ยังให้แบบผิวเผิน และไม่ลึกพอ ยังคงค้างคาคำถามเอาไว้อยู่พอตัว และที่สำคัญเหตุเกิดของมัน ก็ช่างง่ายดายและสะดวกสบายจนเกินไป จุดต่อมาก็คือ "ตัวละคร"เพียวๆไม่นับการแสดงของนักแสดงในภาพยนตร์ ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่อ่อนแอและเสียหายร้ายแรงที่สุดของ Edge of Tomorrow เลยก็ว่าได้ จากการที่ตัวผู้กำกับ ดั๊ก ไลแมน มัวแต่วุ่นอยู่กับการเล่าเรื่องชนิดวนลูป จนทำให้เขาลืมไปว่ายังมีตัวละครที่จะต้องเล่า และปูเรื่องราวอยู่อีก เพราะเวลาในภาพยนตร์ที่ให้กับการปูเรื่องราว ความสัมพันธ์ ทัศนะคติ และบุคลิกของตัวละครเหล่านี้มันช่างน้อยเหลือเกิน จนทำให้ตัวละครเหล่านี้ไม่น่าสนใจ และน่าเห็นใจเท่าที่ควร ที่สำคัญเลยก็คือ ตัวละครเหล่านี้มันก็ช่างจะสุดแสนซ้ำซาก จำเจ Cliche สุดขีด เป็นตัวละครที่คุณจะเห็นได้ในภาพยนตร์แอ็คชั่นแทบจะทุกเรื่อง ซึ่งจุดนี้ก็ยิ่งซ้ำเติมความล้มเหลวของตัวละครในภาพยนตร์เข้าไปอีก ในเมื่อตัวละคร ในภาพยนตร์ของคุณทำออกมาได้อย่างไม่น่าประทับใจ และไม่น่าสนใจเท่าไรนัก ผลที่ตามมาอีกส่วนเหมือนกรรมตามสนองก็คือ อารมณ์ร่วมในหลายๆส่วนของภาพยนตร์ที่ขาดหายไป ในบางฉากของภาพยนตร์ที่เราควรจะเห็นใจ เอาใจช่วยตัวละครเหล่านี้ ผู้เขียนกลับไม่ได้รู้สึกอยากที่จะเอาใจช่วยหรือเห็นใจตัวละครเหล่านี้อย่างที่ตัวภาพยนตร์หรือผู้กำกับ ดั๊ก ไลแมน อยากที่จะให้เป็นเลย ซึ่งเป็นผลมาจากการปูเรื่องตัวละครที่แย่และล้มเหลวของภาพยนตร์ เมื่อนำทุกๆส่วนมารวมกันก็เป็นผลซึ่งนำไปสู่บทสรุปในท้ายที่สุดว่า ภาพยนตร์เรื่อง Edge of Tomorrow ก็เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น / ไซไฟ ที่บันเทิงและตื่นเต้นอยู่พอตัว จากการกำกับที่ยอดเยี่ยมของ ดั๊ก ไลแมน และทีมนักแสดงที่ยอดเยี่ยม เพียงแต่ว่าหลังจากที่ภาพยนตร์จบลงแล้ว ทุกๆอย่างมันก็ดูเหมือนจะจบลงไปพร้อมๆกับความสนุกนั้นเช่นเดียวกัน ไม่เหลืออะไรที่น่าจดจำและความทรงจำกับมันอีก มันน่าเห็นใจไม่น้อยที่ตัวภาพยนตร์พยายามที่จะทำตัวให้ดูเหมือนฉลาด แต่เมื่อเราเอามันมาจับชำแหละและวิเคราะห์เข้าจริงๆแล้ว มันกลับไม่ได้ "ฉลาด" อย่างที่ตัวมันคิดว่ามันเป็นซักเท่าไรนัก Final Score : [ B ]


    ความคิดเห็นที่ 4  จากคุณ kcball     5 มิ.ย. 2557 11:17 น.

    ดูแล้วจะตายจนเบื่อ จนไม่อยากตาย นางเอกโหด *** พระเอก จากไม่เก่ง จนเก่งโครต


    ความคิดเห็นที่ 3  จากคุณ ชอบของ***     5 มิ.ย. 2557 11:15 น.

    ไปดูรอบสื่อมาค่ะ ไม่ผิดหวังจริงๆ ทอมครูสแสดงได้ดีมาก ตอนแรกนึกว่าจะงงๆเวียนหัวๆ กลับการกลับไปกลับมา แต่การนำเสนอของหนังเรื่องนี้เข้าใจง่าย สรุปโดนรวมแล้วโอเคค่ะ ฉากแอคชั่นก้อมันส์สะใจ


    ความคิดเห็นที่ 2  จากคุณ นักรบแห่งชนบท     5 มิ.ย. 2557 11:09 น.

    หนังสนุกกว่าที่คิดไว้เยอะ หนังเข้าใจง่าย มีฉากบู๊มันๆหลายฉาก ถือว่าเป็นหนังที่น่าดูอีกเรื่องเลยครับ


    ความคิดเห็นที่ 1  จากคุณ Moseng     5 มิ.ย. 2557 11:09 น.

    ไปดูมาแล้วครับ สนุกมาก ถ้าใครชอบหนังบู้ล้างผลาญ เอเลี่ยนบุกโลก แนะนำเลยครับ ดูแล้วจะไม่เสียใจ โคตรมันส์ ยิงกระจายเลย เนื้อเรื่องไม่ยืดเยื้อ ดูแล้วตื่นตาตื่นใจตลอด ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้ ฉากเอเลี่ยนเนียนโคตร รับรองว่าไปดูแล้วคุ้มเงินจริงๆ ถ้าเบื่อชนช้างแล้ว แนะนำลองดูเรื่องนี้ต่อเลยครับ


    << 1 2  3